ในอีพีแรก เราได้พูดถึงชีวิตวัยเรียนไปแล้ววันนี้มาพูดในมุมของคนทำงานกันบ้างต้องขอบอกก่อนว่า ทั้งหมดทั้งมวลนี้ คือความคิดเห็นส่วนตัวนะ อาจจะเหมือนหรือแตกต่างกับทุกๆ คน ยังไงก็อย่าว่ากันนะ สำหรับวันนี้#เขาว่ากันว่า Ep. 2เราจะมาพูดถึงเรื่องของงานกันบ้างจริงหรือไม่ ที่เขาว่ากันว่า ทำงานออฟฟิศ มันทุกข์ทรมานกว่าทำงานอิสระ!ซึ่งงานอิสระที่ว่าก็คือ คนที่ทำงานฟรีแลนซ์นั่นเองส่วนงานออฟฟิศ ขอจำกัดไว้ที่โซนมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายไม่รวมคนที่เลื่อนตำแหน่ง หรือคนที่มีตำแหน่งสูงๆ เงินเดือนเยอะๆ นะคะ เอาแค่พนักงานธรรมดาๆนี่แหละ ซึ่งวันนี้เราจะมาขอแชร์มุมมอง ของคนที่เคยทำทั้งงานออฟฟิศ และงานฟรีแลนซ์ ให้เพื่อนๆ ได้ดูกันว่า จริงๆ แล้วงานแบบไหน มันดีกว่ากันพร้อมยัง งั้นไปอ่านกันเลย

1. เขาว่ากันว่า ตารางงานของมนุษย์เงินเดือน ต้องเป๊ะๆ

รูปภาพ:https://www.dbs.com/insights/id-bh/uploads/Editorial/natal3.jpeg

ในความรู้สึกเรา ทุกอาชีพมีตารางเวลาเป็นของตัวเองหมดค่ะ ในช่วงชีวิตการทำงาน มันจะไม่เหมือนวัยเรียน พอเราโตขึ้น ตารางชีวิตมันก็จะค่อยๆ เปลี่ยนไปเราต้องมีแบบแผนและรู้จักการจัดสรรเวลาให้ดีแต่ถ้าเทียบกันระหว่างอาชีพอิสระกับมนุษย์เงินเดือนนั้น ก็จะมีทั้งความเหมือนและความต่าง แน่นอน!เรื่องของการตรงต่อเวลา ทุกอาชีพควรจะต้องยึดหลักนี้เอาไว้ให้หมั้นแต่ถ้าพูดถึงช่วงเวลาการเข้า - ออกงานคนทำงานออฟฟิศจะมีการกำหนดเวลาทำงานที่ชัดเจนกว่า หรือเรียกได้ว่าตายตัวเลยแหละ เช่น เข้า 8.30 น. เลิก 17.30 น. ทำงาน 5 วัน หยุด เสาร์ - อาทิตย์ อย่างน้อยๆ ก็ทำงานวันละ 8 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ พักตอนเที่ยง 1 ชั่วโมง อะไรแบบนี้ แต่สำหรับคนที่ทำงานอิสระ ส่วนใหญ่จะมีเวลาการทำงานที่ยืดหยุ่นมากกว่าคือสามารถเลือกได้เองว่า จะเปิด - ปิด จะทำหรือไม่ทำเวลาไหนก็ได้ ไม่มีใครบังคับ ถ้ารู้สึกไม่สบายก็พักก่อนได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สำหรับคนที่ทำงานฟรีแลนซ์อะ จำเป็นที่จะต้องบริหารเวลาให้ดีๆ ใช่ค่ะ! เราไม่มีเวลาตายตัวเหมือนชาวออฟฟิศ แต่เรื่องตรงต่อเวลาก็สำคัญ รับปากลูกค้าว่า งานส่งหรือนัดคุยงานกันวันเวลาไหน ต้องเป๊ะ และมีคุณภาพแม้เวลาการทำงานจะต่างกัน แต่ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ไม่ต่างกันเลยค่ะ

2. ทำงานออฟฟิศ การเงินมั่นคงกว่างานฟรีแลนซ์

รูปภาพ:https://www.crescentgroup.ro/wp-content/uploads/2020/10/crescent-group-casierie-administrare.jpg

สำหรับข้อนี้ ขอบอกเลยว่าจริง!คนทำงานออฟฟิศ มีเงินเดือนที่ตายตัวอยู่แล้วไง ต่อให้หยุดหรือลางาน ยังไง้ยังไง ก็ได้เงินเดือนกันอยู่แถมยังไม่ต้องไปเสียเวลาลงทุนอะไรใดๆ เหมือนกับคนที่ทำฟรีแลนซ์ด้วย ที่สำคัญคือคนทำงานออฟฟิศมีสวัสดิการที่ดีกว่าไม่ว่าจะเป็นเงินโบนัส ค่าเดินทาง ประกันสังคม ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ หรืออื่นๆ อีกทั้งยังได้รับสิทธิการลาพักร้อน ลากิจ ลาป่วย ใช่! แม้คนทำงานฟรีแลนซ์จะมีเวลายืดหยุ่นที่ดูน่าอิจฉากว่า แต่สำหรับคนทำงานฟรีแลนซ์อะ ไม่ได้รับสวัสดิการอะไรแบบนี้นะแถมเงินเดือนแต่ละเดือน ก็ไม่ตายตัวด้วยถ้าไม่ขยัน แล้วจะหาเงินมาจากที่ไหนล่ะบางคนเดือนนี้งานเยอะได้เยอะ แต่ถ้าเดือนไหนงานไม่เข้า คือไม่มีเลยนะ!นี่ซิสคิดว่า คนที่เขาเปิดช่องยูทูป เขาได้เงินกันเป็นหมื่นๆ ตั้งแต่คลิปแรกเลยหรอคะไม่ใช่! ของทุกอย่างมันต้องมีการลงทุน กว่าจะได้ผลที่เป็นที่น่าพอใจได้ มันต้องใช้เวลา เพราะงั้นข้อนี้ ยืนยันได้ว่า คนทำงานออฟฟิศ มีเงินเดือนที่ตายตัวกว่าคนทำฟรีแลนซ์ จริงค่ะ!

3. เขาว่ากันว่า ทำงานออฟฟิศ เงินเดือนไม่พอกิน!

รูปภาพ:https://www.mashvisor.com/blog/wp-content/uploads/2020/09/How-to-Buy-a-Vacation-Home-with-No-Money-Down.jpg

สำหรับข้อนี้ ส่วนตัวเรารู้สึกว่า ทั้งสองอาชีพ ไม่ว่าจะฟรีแลนซ์ หรือพนักงานออฟฟิศถ้าบริหารการเงินไม่เป็นก็ไม่พอกินเหมือนกันหมดนั่นแหละค่ะ! ด้วยปัจจุบันนี้ ค่าครองชีพมันแพงขึ้น อีกทั้งของกิน ของใช้ ค่ารถ ยอดหนี้ ค่านู่นนี่นั่น โอ้โห! มหาศาลไม่ไหว มีเงินเท่าไหร่ ก็ไม่เหลือลำพังเงินเดือนที่ได้มา จ่ายค่าพวกนี้ก็แทบจะหมดแล้วนี่ยังไม่นับค่าจุกจิกส่วนตัวนะ ซิสคิดว่า มันยังจะเหลืออะไรให้เก็บไว้อีกหรอคะ เพราะฉะนั้น สิ่งนึงที่เราอยากจะแนะนำคนทำงานทุกคนคือควรรู้จักเก็บและบริหารการใช้เงินให้ดีๆ แบ่งให้เป็นสัดส่วนจ่ายในส่วนที่ต้องจ่ายเหลือเท่าไหร่ ก็อย่าลืมแบ่งเก็บเอาไว้บ้าง อย่าใช้จ่ายแบบสุรุ่ยสุร่ายเท่านี้ก็โอเคแล้ว

4. เขาว่ากันว่าทำงานอิสระ เป็นตัวเองได้มากกว่า

รูปภาพ:https://todaon.com.br/wp-content/uploads/2020/02/iStock-1051052502.jpg

สำหรับเรานะ จริงค่ะ! เราว่าทำงานฟรีแลนซ์ มีโอกาสได้เป็นตัวของตัวเองสูงกว่าเราสามารถใส่ชุดอะไรทำงานก็ได้ ทั้งยังได้แสดงออกถึงตัวตนและได้ใช้ไอเดีย ได้ทำ ได้ลองในสิ่งที่เราอยากจะทำจริงๆ แบบไม่ต้องมีใครมาบังคับแต่ทำงานออฟฟิศอะ มันจะมีข้อจำกัดบางอย่าง ที่เราไม่สามารถทำได้บริษัทบางที มีกฎที่ตายตัวว่า พนักงานห้ามทำแบบนี้ๆ เวลาจะแสดงออก หรือจะเสนออะไร ก็ต้องมานั่งคิด นั่งกังวลว่า มันจะไปขัดหูดขัดตาใครรึเปล่า ระดับความอึดอัดมันมีมากกว่าแต่! ถ้าเพื่อนๆ ได้ทำงานในบริษัทที่เขาเปิดกว้างและพร้อมซัพพอร์ตพนักงาน อยากทำอะไรทำ พูดเลยว่าโชคดีมาก!ถ้าคุณเจอที่ทำงานที่ดีแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องเอาไปเทียบกับอาชีพไหน เพราะมันดีในแบบของมันอยู่แล้ว

5. ทำงานออฟฟิศมานาน ยังหาเพื่อนดีๆ ที่จริงใจไม่ได้เลย!

รูปภาพ:https://todaon.com.br/wp-content/uploads/2020/02/iStock-1051052502.jpg

ไม่ใช่ว่าไม่มีคนดีนะ อย่าเข้าใจผิด!ส่วนตัวเราว่าทั้งอาชีพฟรีแลนซ์และพนักงานออฟฟิศ การแข่งขันสูงมาก โอกาสที่จะได้คนเยอะก็มีมากเหมือนกัน แต่สำหรับคนที่ทำงานออฟฟิศอะ จะต้องทำงานในพื้นที่ปิดใช่มั้ย เพราะงั้นคนส่วนใหญ่ที่เราจะเจอ ก็จะเป็นเพื่อนๆ พนักงานด้วยกันอย่างคนทำงานฟรีแลนซ์ โอเค การแข่งขันสูง เราต้องแข่งกันกับคนอื่นก็จริง แต่นั่นก็เป็นคนที่เราไม่ได้รู้จักหรือเคยเห็นหน้ากันมาก่อน แต่สำหรับมนุษย์เงินเดือนอะ การแข่งขันส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้น ก็จะมาจากคนในบริษัทเดียวกันนั่นเองในฐานะที่เคยทำงานออฟฟิศมาก่อน เราว่าการทำงานในบริษัทที่มีการแข่งขันสูง การหาเพื่อนดีๆ สักคน ยากมากทุกคนที่ทำงานในออฟฟิศอยากได้โบนัส อยากเลื่อนตำแหน่ง อยากได้หน้า แล้วจะทำยังไงล่ะ ก็ต้องแข่งกันไงค่ะแล้วถ้าคุณดันซวย ทำงานในบริษัทที่เพื่อนพนักงานและหัวหน้าใจแคบ โอ้โห! หายนะ พูดง่ายๆแค่เราเริ่มต้นที่จะเห็นต่าง ก็อาจจะถูกมองว่านอกคอกได้แล้ว!ส่งผลไปถึงการโดนเกลียดขี้หน้าโดนบูลลี่ โดนนินทาบางคนอาจจะต้องเจอการแบ่งพรรคแบ่งพวกกันในบริษัทแข่งกันทำยอด แข่งกันเอาหน้า คือมันเหนื่อยอะ แม้เราจะไม่อยากเลือกข้าง อยากทำตัวเป็นกลาง แต่เมื่อคุณจำต้องเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่มันบีบบังคับ คุณเลือกคำว่าเป็นกลางไม่ได้หรอกค่ะ สถานการณ์เหล่านั้น มันจะบีบบังคับให้คุณต้องเลือกข้างเอง เพราะฉะนั้นถ้าให้เลือกว่า อาชีพไหนที่มีโอกาสเสียเพื่อนแท้ และเจอเพื่อนที่จริงใจได้น้อยมาก ขอตอบว่าเป็นพนักงานออฟฟิศค่ะ

6. งานอิสระก็ดี แต่อารมณ์ขี้เกียจมันเยอะ!

รูปภาพ:https://www.andreaspiirimets.se/wp-content/uploads/2020/05/somna-nar-man-laser-bok-scaled.jpg

อันนี้คือจริงมาก! ทุกวันนี้ก็เป็นอยู่ คือตอนที่ทำงานออฟฟิศอะ พอเขามีเวลาที่ตายตัวกำหนดว่าเราจะต้องเข้า - ออกเวลาไหนมันทำให้เรามีความกะตือรื้อร้นที่จะทำเพราะเราไม่สามารถหลีกเลี่ยง หรือขี้เกียจที่จะไม่ทำได้ แต่พอมาทำงานฟรีแลนซ์แล้ว พอเราเริ่มมีเวลายืดหยุ่นมากขึ้น มันก็ดีแหละ แต่เวลาที่ยืดหยุ่นเกินไป ก็ทำให้รู้สึกขี้เกียจได้ง่ายเหมือนกันนะความขี้เกียจเป็นศัตรูร้ายของงานประเภทนี้ฉะนั้นเราจำเป็นที่จะต้องบังคับและคอยควบคุมตัวเองให้อยู่ในกฎอยู่เสมอ เพราะงั้นแนะนำสำหรับคนที่อยากลองหันมาทำงานฟรีแลนซ์ จัดสรรเวลาให้ดีสมมติเวลาทำงานเราแบ่งไว้ 5 วัน ก็ต้องทำให้ครบ เริ่มงานกี่โมง เลิกงานกี่โมง กำหนดให้ชัดเจน เหมือนคนทำงานออฟฟิศทั่วไป จะมาทำงาน 5 วันแต่เผลอขี้เกียจไป 3 วันแล้ว ไม่ได้นะ อดตายค่ะ!

7. ทำงานอิสระ ต้องห้ามป่วย ห้ามพัก ทุกวินาทีคือเงิน!

รูปภาพ:https://cdn.moneysmart.id/wp-content/uploads/2018/09/28175224/shutterstock_526104310.jpg

จริง! ก็อย่างที่เราบอกอะ ทำงานออฟฟิศ มีสวัสดิการและเงินเดือนตายตัว ต่อให้ลา ก็ได้เงินเดือน แต่สำหรับคนที่ทำงานฟรีแลนซ์อะ ถ้าคุณนึกขี้เกียจ หรืออยู่ๆ ก็ลาวงการไปนานมากเป็นอาทิตย์ๆ จะเอาเงินจากที่ไหนใช้!คือถ้าคุณทำงานหลายทาง มีธุรกิจส่วนตัว นั่นก็อีกเรื่อง แต่ถ้าคุณทำงานสายเดียว แล้วไม่มีความรับผิดชอบ ตายค่ะ ตายแน่ๆ เขาว่ากันว่าอาชีพฟรีแลนซ์ เป็นอาชีพที่ไม่มีความมั่นคงถ้าจะยึดงานอิสระเป็นอาชีพหลัก ควรมีปฏิทินวางแผนงานไว้เป็นคู่มือการทำงานส่วนตัวแล้วอาชีพนี้ ยังเป็นอาชีพที่ใช้แรงกายและสมองเยอะมากลูกค้าจะจ้างเราหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับโปรไฟล์ของเราด้วยเพราะฉะนั้นคุณต้องขยันและฝึกฝนตัวเองอยู่เสมอสำหรับคนทำงานฟรีแลนซ์นั้น ป่วย ลา ไร้การติดต่อ= เงินที่น้อยลงบางทีอาจจะต้องควักเนื้อจ่ายไปก่อนอีก ป่วยใจมาก!

รูปภาพ:https://bit.ly/2KTDFG0

ขอย้ำก่อนจะจากกันอีกสักรอบว่า ทั้งหมดคือความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น สรุปตรงนี้เลยว่า ที่เขาว่ากันว่า ทำงานออฟฟิศ ทุกข์ทรมานกว่างานอิสระนั้น NO! ส่วนตัวเราว่า ถ้าเรารักที่จะทำอะไร แล้วเราพอใจกับอาชีพที่เราเลือกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นงานแบบไหน ถ้ามันคือสิ่งที่เรารัก แม้มันจะทุกข์ทรมานแสนสาหัส แต่เราเชื่อว่า ยังไงมันก็แฮปปี้ แค่เราไม่ฝืนใจที่จะทำ เท่านั้นก็พอแล้ว เพราะงั้น ถ้าเพื่อนๆ อยากให้ชีวิตการทำงาน มีความสุข ก็ให้ปรับมุมมอง แม้งานที่กำลังทำอยู่ อาจจะไม่ใช่งานที่ใช่ แต่ถ้าเราเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ และลอง enjoy กับมันดู เราว่ามันอาจจะดีขึ้นนะสำหรับวันนี้ต้องลาไปก่อนแล้ว บ๊ายบาย