บทที่ 7

ไม่ต้องตกใจนะคะ ในการอัปเว็บจะซอนตอนย่อยค่ะ ในตอนนี้เทียบกับเล่มกระดาษ / อีบุ๊ก คือบทที่ 3 จ้าบทที่ 3 ตกลงปลงใจ

ผ่านมาแล้วหนึ่งวัน กับการพยายามโทร. เข้าเครื่องของเธอเพื่อหวังว่าอีกฝ่ายที่เก็บเครื่องไปนั้นจะยอมรับสายและยังไม่นำเครื่องของเธอไปขายทิ้งก่อน สุดท้ายแล้วก็เริ่มตัดใจเมื่อไม่มีคนรับอีกทั้งยังถูกปิดเครื่องไปดื้อ ๆ อีก

ลฎาภานั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก พลางเอื้อมมือกดรีโมตโทรทัศน์เปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ ในช่วงที่ต้องรอผลการสัมภาษณ์อย่างไร้ความหวังนั้น ทำให้รู้สึกแย่เช่นกัน แม้ว่าจะติดต่อไปหลายบริษัท ทว่าช่วงนี้ยังไม่มีการรับพนักงานใหม่บ้าง หรือบางบริษัทก็มีพนักงานเต็มอัตราอยู่แล้ว เหมือนแสงที่ริบหรี่มาก

กริ๊ง—กริ๊ง เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น หญิงสาวจึงขยับตัวเอื้อมมือไปหยิบหูโทรศัพท์ยกขึ้น

[ทำไมพี่โทร. เข้าเครื่องแล้วไม่รับล่ะ]

“โทรศัพท์หาย แล้วนี่ไม่คิดจะกลับบ้านเลยหรือไง วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ ?” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความแปลกใจที่ไม่เห็นพี่สาวกลับบ้านมาตั้งแต่เมื่อคืน อันที่จริงเมื่อก่อนที่จะคบกับแฟนหนุ่มก็เคยเป็นอยู่บ้าง จนไม่รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่ ทว่า...นั่นก็หลายปีผ่านมาแล้ว

[เออน่า...วันนี้พี่ลางาน กำลังจะกลับบ้าน เมื่อวานเมามาก]

“เมาแล้วไปนอนที่ไหนมาอะ”

[เรื่องนั้นไม่ต้องยุ่งหรอกน่า...จะเที่ยงแล้ว ทำมือเที่ยงเผื่อด้วยนะ]

ลฎาภาถอนหายใจออกมาพลางหันมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง “โอเค...ขับรถดี ๆ ละกัน”

เมื่อพูดจบอีกฝ่ายก็วางสายลง เธอมองโทรศัพท์แบบงงๆ เพราะน้ำเสียงฟังออกจะไม่สบอารมณ์มากนัก ทำให้รู้สึกแปลกใจ ลฎาภาวางหูโทรศัพท์ ปิดโทรทัศน์ก่อนขยับตัวลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องครัว

หญิงสาวเปิดตู้เย็นกวาดสายตามองก่อนหยิบผักและอาหารสดออกมาวางไว้ข้างนอก หันและล้างอย่างสะอาดครั้งกำลังตั้งกระทะเปิดเตา เสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้นติดต่อกันจนต้องปิดเตาและเดินออกจากครัวไปรับสายทันที

“สวัสดีค่ะ”

[สวัสดีครับ]

ลฎาภาอึ้งไปครู่หลังจากที่รับสาย

“ค่ะ เออ...ไม่ทราบว่า...”

[คือผมเก็บโทรศัพท์ของคุณได้เมื่อวันก่อนที่ห้องน้ำชายในบริษัท ไม่ทราบว่าเป็นของคุณหรือเปล่าครับ]

“ชะ...ใช่ค่ะ” หญิงสาวตอบรับด้วยน้ำเสียงดีใจ “ดีใจจัง”

[พอดีเมื่อวานผมยุ่ง ๆ เลยไม่ได้รับสายที่คุณโทรเข้ามาอีกทั้งแบต ฯ โทรศัพท์ก็หมดพอดี ขอโทษด้วยนะครับ]

เขาดูสุภาพมาก...อยากเจอจัง ใครกันที่เก็บโทรศัพท์ของเธอไป

รูปภาพ:

“ขอบคุณมากนะคะ”

[วันมะรืนช่วงเย็นคุณสะดวกไหม ? ผมจะนำโทรศัพท์มาคืนให้คุณ]

“สะดวกมากค่ะ” ลฎาภารีบตอบกลับในทันที

[ครับ ถ้าอย่างนั้นห้าโมงครึ่งที่ร้านกาแฟตรงข้ามบริษัทนะครับ ผมจะนั่งรออยู่โต๊ะด้านในของมุมร้าน]

“ได้ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” หญิงสาวกล่าวขอบคุณ ขณะที่อีกฝ่ายได้วางสายลงหลังจากที่พูดจบ

สวรรค์ยังไม่ใจร้ายกับเธอ...ขอบคุณจริงๆ โชคดีที่ยังไม่ตัดสินใจซื้อเครื่องใหม่ไปเมื่อวาน ไม่อย่างนั้นคงจะเสียดายแย่ ลฎาภาวางโทรศัพท์ลงแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องครัว ทำอาหารมื้อเที่ยงอย่างมีความสุข จนเสร็จเรียบร้อย พอดีกับที่ได้ยินเสียงประตูและเสียงรถ จึงรู้ว่าพี่สาวได้กลับมาแล้ว

หญิงสาวนำอาหารออกมาจัดวางบนโต๊ะก่อนเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของพี่สาวด้วยความตกใจ

“พี่รัก...ไปทำอะไรมา”

ถลัชนันท์มองด้วยสายตาที่สับสนมากกว่าจะพูดออกมาได้แค่เธอมีสติขับรถกลับมาบ้านได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว...มันจะมีอะไรที่แย่มากกว่านี้อีกไหม?

“แกทำอะไรกินบ้าง” ถลัชนันท์เปลี่ยนเรื่องสนทนาทันที วางของไว้ที่โต๊ะแล้วเดินไปล้างมือก่อนมานั่งรับประทานอาหารอย่างเงียบๆ โดยไม่ปริปากพูดอะไร

“เป็นอะไรหรือเปล่า?”

ไม่มีคำตอบจากคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามจนกระทั่งเสียงของช้อนและส้อมวางลงกระทบจานกระเบื้องอย่างดัง ทำให้ลฎาภาที่นั่งก้มหน้ารับประทานอาหารอยู่เงยหน้าขึ้นมองอย่างทันที

“ยัยจอม พี่กำลังจะแต่งงาน”

“ห๊า !” แทบสำลักข้าวเลยทีเดียว หญิงสาวยกมือขึ้นลูบหน้าอกหยิบน้ำขึ้นดื่มแล้วส่งสายตามอง “แต่งกับพี่อาร์ตเหรอ ไหนว่าเลิกกันแล้วไง?”

“เปล่า ไม่ใช่พี่อาร์ต”

“อ้าว แล้วใครละ พี่ไปปิ๊งผู้ชายที่ไหนมาอีก ?”

“ไม่ได้ปิ๊งน่ะ เสียตัวให้เลยต่างหาก” ถลัชนันท์พูดอย่างไม่ปิดปัง

ลฎาภาอึ้งจนพูดไม่ออก หญิงสาวไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือทำหน้าตาอย่างไรดี “ละ..แล้วพี่ก็ตอบตกลงแต่งงานเนี่ยนะ !”

ถลัชนันท์พยักหน้าเป็นคำตอบ

“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ทำงานอะไร เขานิสัยดีไหม?”

“พี่ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร” ถลัชนันท์ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่ว เพราะว่ารับปากไปแล้ว และคิดว่าคงไม่มีอะไรเสียหายหากอีกฝ่ายรับผิดชอบ

“แต่...เขาดูมีฐานะดีนะ”

เมื่อได้ยินก็อึ้งยิ่งกว่าเดิม ลฎาภาพูดไม่ออกทีเดียว

“เรื่องนี้อย่าบอกที่บ้านนะ พี่อยากเก็บเอาไว้ก่อน”

“เดี๋ยวสิ ถ้าไม่บอกแล้วมารู้ที่หลัง...”

“ถ้าบอก...แกลองนึกภาพดูสิว่าจะเป็นยังไง”

ลฎาภายิ้มเจื่อน ๆ รู้ทันทีว่าหากโทร.บอกวันนี้พี่ชายคงนั่งเครื่องลงมาหาไม่เกินวันพรุ่งนี้แน่นอน อีกทั้งยังคงอยากจะพบหน้าผู้ชายคนนั้นด้วยและถ้าหากไม่ถูกชะตาด้วยแล้วละก็... “ตามใจละกัน จอมไม่อยากยุ่งกับการตัดสินใจของพี่ แต่ถ้าคิดว่ามีความสุขก็ทำไป”

เปล่าหรอก...ไม่ได้มีความสุขสักนิด ไม่รู้สึกตื่นเต้นเหมือนงานแต่งงานที่เคยวาดฝันเอาไว้สักนิด

แค่ไม่มีอะไรจะให้เสียหายอีกแล้วต่างหากกับความรัก

“รู้แล้วน่า...อยู่กันไปเดี๋ยวก็รักกันเองแหละ” ถลัชนันท์พูด ที่จริงไม่ได้เล่าว่าการแต่งงานมาจากความเต็มใจของเขาแต่เป็นผู้ใหญ่ที่จัดให้ต่างหาก

“ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดีสินะ”

ถลัชนันท์ไม่ตอบเอาแต่ก้มหน้าก้มตาตักอาหารเข้าปาก ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี เธอจะได้ไม่ต้องเสียเวลารักผู้ชายแบบอรรถนนท์มาถึงห้าปีหรอก !

ติดตามผลงานและให้กำลังใจกันได้ ในช่องทางที่ลงไว้ในโปรไฟล์ได้เลยนะคะ


รูปภาพ: