Chapter 1

A STAR IS BORN

อิมแพคชาเลนเจอร์ ปี 2018

ผู้คนกำลังทยอยเข้ามาในฮอลล์จนเต็ม ไฟเฮาส์ถูกดิมลง เริ่มมีเสียงกรี๊ดเพราะความตื่นเต้น เมื่อไฟมืดสนิทเหลือเพียงแสงจากมอนิเตอร์ของทีมไลท์ดีไซน์เนอร์และซาวด์เอนจิเนียร์ พวกเขาก็เริ่มงาน

เสียงดนตรีออร์เคสตราสุดอลังการดังออกมาจากลำโพงชุดยักษ์ เสียงคนดูก็กรี๊ดดังสนั่นแข่งกัน จอ LED ใหญ่ขึ้นภาพเป็นมหาสมุทร แล้วกล้องก็พาดำดิ่งลงไปใต้น้ำ เห็นฝูงปลา ปะการัง ซากเรืออับปาง ก่อนที่จะมุดเข้าถ้ำใต้น้ำ ทะลุออกมาเจอเมืองใต้น้ำสุดไฮเทค เหมือนยกหนัง Blade Runner ลงมาอยู่ใต้น้ำ กล้องพาคนดูพุ่งเข้าไปหาตึกยักษ์ใหญ่ แล้วไฟเวทีก็สว่างวาบและดับไปในทันที เสียงเพลงก็เงียบลง

บนจอ LED ขึ้นโลโก้ “HIROSHI : THE ATLANTIS CONCERT” คนดูส่งเสียงกรี๊ดให้กำลังใจ

สปอตไลท์บนเวทีค่อยๆ สว่างขึ้นเป็นสีน้ำเงิน มีเสียงเพลงเล่นโน้ตเดียวเป็นแอมเบียนท์ เห็นการเซตเวทีเป็นโลกใต้ทะเลเหมือนในอินโทร มีตึกใต้น้ำ มีรูปปั้นที่โดนเพรียงเกาะ บนจอ LED มีฝูงปลาแหวกว่าย หลังเวทีมีผ้าผืนใหญ่ที่โดนพัดลมเป่าจนกลายเป็นเหมือนคลื่นน้ำ จากนั้นไฟฟอลโลว์ก็ฉายไปที่เหนือเวที มีหางปลาวิบวับค่อยๆ หย่อนลงมา คนดูส่งเสียงกรี๊ดสนั่นฮอลล์ หางปลาค่อยๆหย่อนลงมาอีก จนเห็นเป็นเงือกผู้ชายก้มหน้า ใส่ไมค์เฮดเซต ใส่ชุดเหมือนเจ้าชาย แต่ท่อนล่างเป็นเงือกที่ใส่ชุดเกล็ดเพชรวิบวับซ้ำอีกที ในมือมีตรีศูลเหมือนเทพโพไซดอน

สลิงค่อยๆ หย่อนเขาลงมา มีแดนเซอร์ใส่ชุดเหมือนปะการังเลื่อนเก้าอี้มารับไว้และปลดสายสลิง

“ฮิโรชิ ฮิโรชิ ฮิโรชิ …” คนดูส่งเสียงให้กำลังใจ

อินโทรเพลงขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นมาร้องเพลง เห็นหน้าของเงือกหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่หล่อเหลาชวนใจละลาย คนดูส่งเสียงกรี๊ดดังสนั่นอีกครั้ง แล้วเขาก็เริ่มร้องเพลง

ทนเฟลมานานเป็นปี ไม่มีโชคมาเข้าข้างความฝันที่ฉันเคยมี ริบหรี่และอยู่ไกลห่างต้องสู้ต้องอดต้องทน เห็นผลดีร้ายต่างๆด้วยหวังว่าสักวันหนึ่ง ความฝันจะเป็นจริงบ้าง

แดนเซอร์เริ่มขยับเมื่อเข้าท่อนบริดจ์ พวกเขาดันเก้าอี้ของฮิโรชิออกมาข้างหน้า

ในที่สุดวันนี้สิ่งที่ทำมามันก็ออกผล

พอเข้าเพลงท่อนฮุค แดนซ์เซอร์ทีมที่อยู่รอบๆ ฮิโรชิยกเขาขึ้นมาจากเก้าอี้ แดนเซอร์ทีมที่ 2 เด้งขึ้นมาจากช่องไฮโดรลิก

Yes! Today’s the day!My dream has come trueI am standing hereCoz it’s my lucky day!Yes! Today’s the day!I can touch the skyNow it feels so rightCoz it’s my lucky day!

พวกเขายกฮิโรชิขึ้นลง บางทีก็เอาไปนั่งบนเก้าอี้ ฮิโรชิก็วาดลีลาและร้องเพลงอย่างสุดฝีมือ เมื่อจบเพลงเขาก็ไปค้างอยู่ในท่าสุดเท่ ก่อนที่ไฟบนเวทีจะมืดลง

……………………………………….

ท่าอากาศยานดอนเมือง ปี 1997

มายูมิ อิชิกาว่า หญิงชาวญี่ปุ่นวัยกลางคนเข็นรถเข็นเด็กออกมาจากเกต มีนักข่าวออกมารุมสัมภาษณ์ บางคนก็ถ่ายรูปเด็กในรถ

“Madam Ishikawa, Can you speak English?” นักข่าวผู้หญิงคนแรกถาม

“พูดไทยได้ค่ะ ดิฉันอยู่ไทยมาหลายปีแล้ว” เธอตอบด้วยภาษาไทยสำเนียงญี่ปุ่น

“ทำไมถึงพาน้องย้ายจากญี่ปุ่นมาอยู่เมืองไทยคะ” นักข่าวถามต่อ

“ที่นี่อากาศอุ่นค่ะ ที่ญี่ปุ่นอากาศหนาวเกินไป อยู่เมืองไทยอาบน้ำแล้วเพลิน ฮิโรชิน่าจะชอบค่ะ” เธอกล่าวยิ้มๆ

“แล้วเรื่องการดูแลสุขภาพของน้อง คุณมายูมิพร้อมแค่ไหนคะ” นักข่าวอีกคนถามบ้าง

“เรามีทั้งหมอ มีพี่เลี้ยง รวมถึงดิฉันค่ะ ส่วนตัวก็ไม่มั่นใจเลยค่ะ เราไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน อันที่จริงเขาคือคนแรกในโลกด้วยซ้ำ แต่เราจะดูแลเขาให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ” เธอกล่าวพร้อมกับสายตามุ่งมั่น……………………………………….

บ้านบูรพาทิศ แถบชานเมืองกรุงเทพฯ

รถแท็กซี่วิ่งเข้ามาจอด ป้ามายูมิกุลีกุจอเอารถเข็นเด็กลง คนขับช่วยเอากระเป๋าลง พี่แสง แม่บ้านของที่นี่วิ่งออกมาช่วยอีกแรง ป้าจ่ายเงิน แล้วแท็กซี่ก็ขับออกไป

“เข้าบ้านก่อนค่ะคุณนาย เดี๋ยวหนูเข็นน้องให้” พี่แสงบอก

“ขอบใจจ้ะ” มายูมิยิ้มให้

พี่แสงเดินไปดูน้องที่รถเข็น เธอสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

“คุณนายคะ ผ้าอ้อมน้องเปียก สงสัยน้องฉี่แน่เลย ผ้าอ้อมอยู่กระเป๋าไหนคะ เดี๋ยวหนูเปลี่ยนให้น้องก่อน” แม่บ้านถาม

“มีคราบเหลืองๆหรือมีกลิ่นรึเปล่า” มายูมิถามกลับ

พี่แสงลองดมดู “ไม่มีค่ะ”

“แสดงว่ายังไม่ฉี่ เราต้องเอาผ้าเปียกห่อเขาตลอดเวลาน่ะ” มายูมิบอก

“เหรอคะ… หนูขอแกะดูได้มั้ยคะ หนูอยากเห็นกับตาซักครั้ง เห็นแต่ข่าวในทีวี” พี่แสงขออนุญาต

“ได้สิ” ป้าอนุญาต

พี่แสงค่อยๆ เอื้อมมือไปเปิดห่อผ้าอ้อม แล้วก็ป้องปาก แล้วค่อยๆ ถอยออกมา ป้ามายูมิยิ้มพอใจ

“เงือกจริงๆ ด้วยค่ะคุณนาย!” พี่แสงตกใจ

“ก็ใช่น่ะสิ คิดว่าฉันล้อเล่นเหรอ?” ป้ามายูมิถามกวนๆ

“เงือกไม่มีขา เลขหนึ่ง … รถเข็นมีสี่ล้อ … เลขสี่ กำพร้าแม่ เลขศูนย์ มาอยู่บ้านเลขที่ 307 … สาธุ ออก 6 ตัวตรงๆ เถิดดดด” พี่แสงพนมมือท่วมหัว

ป้ามายูมิหัวเราะ “ถ้าถูกรางวัลที่ 1 เอาเงินมาแบ่งฉันด้วยนะ แต่ถ้าถูกใครจะมาช่วยฉันดูแลฮิโรชิล่ะ”

“สาาาาธุ สมพรปากค่ะคุณนาย ถ้าหนูถูกจริง หนูจะมาซื้อบ้านอยู่ใกล้ๆ เลยค่ะ มาคอยดูแลน้อง เจอกันวันแรกยังถูกลอตเตอรี่นี่ต้องคบกันยาวๆ เลยนะคะ!” พี่แสงหัวเราะชอบใจ

ฮิโรชิร้องไห้ พี่แสงรีบเข้าไปโอ๋

“โอ๋ ๆ ๆ ไม่ร้องน้าา พ่อปลาน้อยของพี่แสง เอ่เอ๊ ๆ ๆ ”

พี่แสงเล่นจ๊ะเอ๋กันฮิโรชิ เขาหัวเราะชอบใจ

“น้องเป็นเด็กอารมณ์ดีนะคะ ดีละที่มาอยู่เมืองไทย ที่นี่สยามเมืองยิ้มนะคะคนดี จ๊ะเอ๋!” พี่แสงกล่าวชม

มีรถเก๋งวิ่งมาจอดหน้าบ้าน ป้ามายูมิกับพี่แสงชะเง้อดู พอรถดับเครื่อง มีผู้ชายวัยกลางคนก้าวลงมา ท่าทางดูภูมิฐาน เขาไหว้สวัสดีมายูมิ

“สวัสดีครับคุณมายูมิ”

ป้ามายูมิไหว้กลับ “สวัสดีค่ะหมอหลิว”

หมอหลิวเดินเข้ามาในบริเวณบ้านพร้อมกับกระเป๋าแพทย์หนึ่งใบ

“เพิ่งมาถึงใช่มั้ยครับ กระเป๋ายังอยู่เลย” หมอหลิวทักทาย

“ใช่ค่ะ” ป้ามายูมิตอบ

หมอหลิวยิ้มให้แล้วก็นิ่งไปนิดหนึ่ง

“เอ่อ… ขอดูได้มั้ยครับ” หมอหลิวถามอย่างเกรงใจ

“เชิญค่ะ ๆ ” ป้ามายูมิกับพี่แสงหลีกทางให้หมอหลิวเข้าไปดูฮิโรชิ

“สวัสดีพ่อหนุ่มน้อยคนดัง ขอหมอเช็กหน่อยนะ” หมอหลิวยิ้มให้ฮิโรชิ แล้วก็เปิดผ้าอ้อมดู เขาเห็นเด็กน้อยที่มีหางเป็นปลาเป็นครั้งแรกแล้วก็ตกตะลึง

“โลมา…” เขากระซิบกับตัวเอง “ประวัติศาสตร์โลกจะต้องจารึกแล้วล่ะ”

ป้ามายูมิกับพี่แสงมองหน้ากัน หมอหลิวหยิบสเตทโทสโคปออกจากกระเป๋าเพื่อมาฟังเสียงหัวใจของฮิโรชิ เขานิ่งไปพักหนึ่งแล้วก็ยิ้ม

……………………………………….

ห้องส่งรายการตีสิบ

ป้ามายูมิ หมอหลิว นั่งพูดคุยอัดรายการกับคุณวิทวัส โดยมีฮิโรชินอนหลับอยู่ในรถเข็นเด็กข้างๆ

“คำถามแรกเลยครับคุณหมอ … เขาคืออะไร?” คุณวิทวัสถาม

“มนุษย์คนหนึ่งนี่แหละครับ” หมอหลิวตอบ

“แล้วทำไมท่อนล่างเค้ากลายเป็นแบบนี้ครับ” วิทวัสถามต่อ

“มันเป็นเคสแรกของโลกเลยครับที่มีปรากฏการณ์แบบนี้ให้เราเห็นกันจะจะ ทุกคนรู้จักนางเงือกผ่านวรรณกรรม ผ่านภาพยนตร์มาแล้ว แต่นี่คือของจริงที่พิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ เขามีการข้ามสายพันธุ์ในดีเอ็นเอ ระหว่างมนุษย์กับโลมา ซึ่งก็เคยมีข้อมูลที่เป็นไปได้ว่าโลมาคือบรรพบุรุษของมนุษย์ครับ” หมอหลิวอธิบาย

“แปลว่า อาจจะมีเงือกแบบนี้อยู่ในทะเลจริง ๆ เหรอครับ” วิทวัสถาม

“ก็มีสิทธิ์ครับ เราเคยอนุมานว่าคนที่เจอพยูนอยู่ในทะเลอาจจะจินตนาการไปเอง เห็นชัดแล้วว่าเขาอาจจะเจอเงือกจริง ๆ ก็ได้” หมอหลิวตอบ

“แล้วเราควรจะเอาเขาไปปล่อยในทะเลมั้ยครับ” วิทวัสถามต่อ

“ไม่ครับ แต่ถ้าโตขึ้นเขาอยากย้ายไปอยู่ในทะเลก็เป็นสิทธิ์ของเขา ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง” หมอหลิวตอบ

“คุณหมอย้ำอยู่เสมอนะครับคุณผู้ชมว่านี่คือมนุษย์คนหนึ่งนะครับ ถึงแม้ว่าท่อนล่างของเขาจะเป็นโลมาก็ตาม … ทีนี้ครับคุณหมอ โตขึ้นน้องจะไปไหนมาไหนยังไง?” วิทวัสเปลี่ยนประเด็น

“เขาถือเป็นผู้พิการคนนึงครับ เราก็ต้องมีวีลแชร์ให้เขาไปไหนมาไหนได้ แต่เขาจะมีข้อจำกัดอีกอย่างหนึ่งคือท่อนล่างเขาจะต้องเปียกตลอดเวลา ตอนนี้เรากำลังทำกางเกงให้น้องครับ” หมอหลิวกล่าว

“กางเกงเหรอครับ” วิทวัสถาม

หมอหลิวหยิบชุดหางปลาลาเท็กซ์ขึ้นมาโชว์

“เราเรียกมันว่ากางเกง แต่จริง ๆ มันคือชุดลาเท็กซ์ ข้างในจะมีเส้นใยอุ้มน้ำ ใส่แล้วจะช่วยให้ท่องล่างเขามีความชุ่มชื้นอยู่ซัก 4-6 ชั่วโมง พอจะดำรงชีวิตบนบกได้ พอเริ่มแห้งก็ไปเติมน้ำใส่ต่อได้อีกครับ แต่ต้องฉีดสเปรย์กันเชื้อราก่อนใส่ ไม่งั้นผิวหนังจะติดเชื้อได้ครับ” หมอหลิวอธิบาย

“แล้วต้องใส่แบบนี้ตลอดเวลาเหรอครับ” วิทวัสถามอย่างสงสัยมาก

“ไม่ค่ะ ที่บ้านก็ถอดออก เรามีสระน้ำ มีอ่างจากุชชี่ให้เขานอน” ป้ามายูมิตอบแทน

“อ๋อออ” วิทวัสหัวเราะ “ขอถามอะไรทะลึ่ง ๆ นิดนึง ไอ้นั่นของน้องนี่เหมือนปลาโลมามั้ยครับ”

คนดูในห้องส่งกรี๊ดกร๊าด มายูมิแอบขำ

“เหมือนของคนครับ” หมอหลิวกล่าว

“ผู้ชายหรือผู้หญิงครับ” วิทวัสถาม

“ผู้ชายครับ แต่จะซ่อนอยู่ในม่านอีกที พอต้องใช้เขาก็จะโผล่ออกมาครับ” หมอหลิวอธิบาย

วิทวัสมองไปที่กล้อง “อย่างงี้ถึงต้องใส่กางเกงนะครับ ลิตเติ้ลเมอร์เมด พระอภัยมณี โป๊นะครับคุณผู้ชมครับ” วิทวัสหัวเราะ “ขอถามคุณมายูมิบ้างดีกว่า ในฐานะป้า รู้สึกกดดันมั้ยครับ ที่ต้องเลี้ยงหลานชายที่เป็นเงือก”

“มันคืองานที่หนักขึ้นค่ะ เราปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้ แต่ไม่กดดันค่ะ ดิฉันจะให้เขาเติบโตด้วยความรักและความอบอุ่นอย่างมากที่สุดเท่าที่จะให้เขาได้ เขาไม่เพอร์เฟกต์ ไม่มีมนุษย์คนไหนเพอร์เฟกต์ แต่เขาอาจจะมาเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกก็ได้ เราจะดูแลเขาอย่างดีค่ะ” มายูมิกล่าว

“แล้วไม่กลัวหลานโดนจับไปทดลองอะไรงี้เหรอครับ” วิทวัสถาม

“คงไม่หรอกค่ะ ดิฉันจะพยายามให้เขาอยู่ในสายตาของทุกคน ไม่ต้องรักเขาก็ได้ แค่อย่าทำร้ายเขาก็พอค่ะ เกิดมาเป็นแบบนี้เขาก็ต้องรู้สึกแย่มากแล้ว ช่วยเห็นใจเขาในฐานะเพื่อนร่วมโลกเถอะนะคะ” มายูมิขอร้องกับคนดู

คนดูในห้องส่งปรบมือให้

โปรดติดตามตอนต่อไป