SistaCafe Review
ติดตาม

#ซิสบอกต่อ 5 อันดับ “ ไดร์เป่าผม ” แบรนด์ฮิต ตัวดัง ผมแห้งไม่พัง ต้องบอกต่อ 👸
ไม่ต้องเสียเวลาตามหาอีกต่อไป เพราะเรารวมมาแล้วค่ะซิส… กับ 5 อันดับ “ สุดยอดไดร์เป่าผมตัวฮิต ” คุณภาพดี ฟังก์ชันเริ่ด ผมไม่พังชัวร์ๆ สุดปังจนต้องหยิบมาบอกต่อ!!!
เลือกอ่านตามหัวข้อ
เส้นผมทั้งแห้งเสีย ชี้ฟู ดูไม่เป็นทรง… บอกตรงๆ ว่าไม่โอเคอย่างแรง!!!
หากใครที่กำลังเผชิญกับ ปัญหาผมแห้งเสีย อยู่ในตอนนี้ ก็คงจะทำให้รู้สึกนอยด์และกังวลไม่น้อยแน่ๆ เลยใช่มั้ยคะ?! ลองคิดดูสิว่าถ้ามีปัญหาผิวหรือมีจุดที่ต้องการปกปิด ก็อาจใช้เครื่องสำอางสารพัดชิ้นกลบให้ผิวดูเนียนสวยได้ แต่สำหรับ “ เส้นผม ” หากผมแห้งเสียหรือสุขภาพเส้นผมย่ำแย่ขั้นสุด ต่อให้จะมัดผม รวบผม หรือทำผมทรงไหนก็ตาม ก็ยังคงมองเห็นความเยินของเส้นผมได้อย่างชัดเจนอยู่ดี
แล้วรู้รึเปล่าว่านอกจากการทำเคมีหรือย้อมสีผม จะเป็นสาเหตุยอดฮิตที่ทำให้เส้นผมแห้งเสียได้แล้ว หนึ่งในตัวการทำร้ายเส้นผมจนเกิดปัญหาผมเสียชี้ฟูอีกหนึ่งอย่างที่ร้ายแรงไม่แพ้กันก็คือ “ ความร้อน ” จากอุปกรณ์ทำผมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นไดร์เป่าผม / เครื่องหนีบผม / เครื่องม้วนผม นี่แหละค่ะ โดยเฉพาะไดร์เป่าผมที่เป็นตัวช่วยให้ผมแห้งเร็วขึ้น ที่หลายคนอาจใช้เป็นประจำแทบทุกวันหลังสระผม หากเลือกใช้ไดร์เป่าผมที่ไร้คุณภาพหรืออุณหภูมิสูงเกินไป ก็อาจกลายเป็นการทำร้ายเส้นผมแบบไม่รู้ตัวได้
5 อันดับ “ ไดร์เป่าผม ” แบรนด์ฮิต ตัวดัง ผมแห้งไม่พัง ต้องบอกต่อ

ในเมื่อซิสเจอปัญหา มีหรือที่ SistaCafe จะยอมอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไร… สาวๆ ไม่ต้องเสียเวลาตามหาอีกต่อไป เพราะวันนี้ทางเราได้คัดเลือก 5 อันดับ “ สุดยอดไดร์เป่าผมตัวฮิต ” มาให้เรียบร้อยแล้ว โดยไดร์เป่าผมแต่ละรุ่นจะต้องผ่านการทดสอบเพื่อให้คะแนน ทั้งในเรื่องฟังก์ชันการใช้งาน / ความเร็วในการเป่าผมให้แห้ง / สภาพผมหลังเป่า / ระดับความร้อน ฯลฯ เอาให้เห็นชัดๆ แบบชัวร์ๆ กันไปเลยว่าไดร์เป่าผมรุ่นไหนที่ใช้แล้วผมแห้งไม่พังจนต้องหยิบมาบอกต่อ
เอาละ! ถ้าอยากรู้ว่าจะมีไดร์เป่าผมแบรนด์ไหน? รุ่นอะไร? ที่ผ่านเข้ารอบมาชิงตำแหน่ง สุดยอดไดร์เป่าผมตัวฮิต บ้าง ก็รีบตามไปลุ้นและดูเฉลยพร้อมกันได้เลยจ้าาา~
☰ ➊ Dyson Supersonic ☰


เริ่มต้นด้วยไดร์เป่าผมแรกที่เข้าชิงมงสุดยอดไดร์เป่าผมตัวฮิต อย่าง Dyson Supersonic ก่อนเลยค่ะ เรามั่นใจว่าถ้าสาวๆ คนไหนที่ชอบติดตามหรือเซิร์ชหาไอเทมเสริมความสวยความงามอยู่ตลอดเวลา ก็คงจะคุ้นหน้าคุ้นตาไดร์เป่าผมของแบรนด์นี้อย่างแน่นอน
แล้วจุดเด่นของไดร์เป่าผมรุ่นนี้ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ มีหัวเป่ารูปแบบต่างๆ ให้เลือกหยิบไปใช้จัดแต่งทรงผมสวยๆ ตามความต้องการถึง 5 แบบเลยทีเดียว และหัวเป่าแต่ละแบบใช้วิธีประกบติดด้วยแม่เหล็กเข้ากับตัวเครื่อง ทำให้เปลี่ยนใส่หัวเป่าได้รวดเร็วทันใจ เพราะไม่ต้องเสียเวลาหมุนเข้า - ออกนั่นเอง
▸ ความร้อน : ไดร์เป่าผมรุ่นนี้ถือว่าตอบโจทย์คนที่ไม่อยากให้เส้นผมพังเพราะโดนความร้อนทำร้าย เพราะสามารถเลือกปรับระดับความร้อนและแรงลมได้ตามความต้องการ โดยมี ปุ่มควบคุมอุณหภูมิที่ปรับระดับความร้อนได้ 3 ระดับ ปุ่มควบคุมความแรงลมที่ปรับระดับความแรงลมได้ 3 ระดับ และ ปุ่มเป่าลมเย็นแยก รวมทั้งยังมี ระบบควบคุมความร้อนอัจฉริยะ ด้วยการวัดอุณหภูมิกระแสลมกว่า 40 ครั้ง / วินาที จึงช่วยปกป้องไม่ให้ผมโดนทำร้ายจากความร้อนสูงอีกต่างหาก
▸ ความเร็วในการเป่าให้แห้ง : ความดีงามของไดร์เป่าผมรุ่นนี้อยู่ตรงที่ทรงพลังและรวดเร็ว เพราะตัวเครื่องมีรูปทรงกะทัดรัด น้ำหนักเบา ใช้ ดิจิทัลมอเตอร์ V9 ขนาดเล็กและทรงพลัง ที่หมุนด้วยความเร็วสูงสุดถึง 110,000 รอบ / นาที พ่วงด้วย เทคโนโลยี Air Multiplier ช่วยสร้างกระแสลมความเร็วสูงทำให้ผมแห้งเร็วสุดๆ
▸ สภาพผมหลังใช้ : หลังจากที่ได้ทดลองใช้ Dyson Supersonic เป่าผมแล้ว ลมที่เป่าออกมาเป็นลมร้อนแบบพอดีๆ แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือผมแห้งเร็วมากๆ ที่สำคัญเส้นผมนุ่มสลวย เรียบตรง ผมไม่ชี้ฟู ไม่เหมือนตอนที่ใช้ไดร์เป่าผมบางรุ่นที่คุณภาพไม่ดี ทำให้เส้นผมแห้งกรอบเหมือนไม้กวาดหลังไดร์เสร็จแล้ว
▸ ราคา : 14,900 บาท
ดูข้อมูล Dyson Supersonic เพิ่มเติมได้ที่ >> https://bit.ly/3lYhG01
☰ ➋ Philips Drycare Advanced ☰


ตามมาดูต่อกับไดร์เป่าผมตัวที่สองอย่าง Philips Drycare Advance ได้เลยค่ะซิส แบรนด์นี้ถือเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ไม่ได้มีดีแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว แต่ยังมีอุปกรณ์ทำผมให้ได้เลือกซื้อมาใช้จัดแต่งทรงผมด้วยเหมือนกันนะ
▸ ฟังก์ชันการใช้งาน : จากที่ได้ทดลองใช้ไดร์เป่าผมทุกรุ่นแล้ว ต้องยอมรับเลยว่า Philips Drycare Advance เป็นไดร์เป่าผมที่มีฟังก์ชันเยอะที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ปุ่มปรับระดับความแรงลมได้ 2 ระดับ / ปุ่มปรับระดับความร้อนได้ 3 ระดับ / ปุ่มเร่งความแรงพิเศษ และปุ่มกดลมเย็นแยก ( แบบใช้มือกด ) แต่ถ้าพูดเรื่องกำลังลมแล้ว ก็ยังถือว่าเจ้าตัวนี้ยังแอบเป็นรอง Dyson Supersonic อยู่จ้า
ส่วนตัวเครื่องถือว่าเป็นไดร์เป่าผมที่มีรูปทรงใหญ่ แต่น้ำหนักเบา แอบมีข้อเสียตรงที่ด้ามจับไม่สามารถพับเก็บได้ จึงอาจจะเหมาะกับการใช้ในร้านทำผมมากกว่า
ส่วนตัวเครื่องถือว่าเป็นไดร์เป่าผมที่มีรูปทรงใหญ่ แต่น้ำหนักเบา แอบมีข้อเสียตรงที่ด้ามจับไม่สามารถพับเก็บได้ จึงอาจจะเหมาะกับการใช้ในร้านทำผมมากกว่า
▸ ความร้อน : จากการทดลองใช้ไดร์เป่าผมรุ่นนี้ รู้สึกว่าลมร้อนที่เป่าออกมาจะมีอุณหภูมิสูง รวมทั้งลมที่เป่าออกมาค่อนข้างแรง แต่ก็ยังคงมีความอ่อนโยนต่อเส้นผม หากใครกังวลว่าความร้อนจะทำร้ายเส้นผมจนแห้งเสีย ก็แนะนำให้เลือกฟังก์ชันลมเป่าเย็นแทนจะสบายใจและดีต่อสุขภาพเส้นผมมากกว่า
▸ ความเร็วในการเป่าให้แห้ง : ไดร์เป่าผมรุ่นนี้ทางแบรนด์เคลมว่ามีพลังเทอร์โบที่ช่วยเพิ่มปริมาณอากาศไหลเวียน และช่วยให้เส้นผมให้แห้งไวเป็นพิเศษ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้หลังทดลองใช้ไดร์เป่าผมรุ่นนี้ช่วยให้ผมแห้งเร็วพอๆ กับไดร์เป่าผมของแบรนด์ Lesasha เลยค่ะ
▸ สภาพผมหลังใช้ : ผลลัพธ์หลังเป่าผมให้แห้งด้วยไดร์เป่าผมรุ่นนี้แล้ว ผมดูนุ่มสลวย เรียบลื่น แต่เส้นผมอาจไม่ได้ดูตรงเป๊ะมากเท่ากับการใช้ Dyson Supersonic เป่าผม
▸ ราคา : 2,690 บาท
ดูข้อมูล Philips Drycare Advanced เพิ่มเติมได้ที่ >> https://bit.ly/3v7PI5g
☰ ➌ Panasonic EH-NA45 ☰


Panasonic EH-NA45 ก็เป็นไดร์เป่าผมอีกหนึ่งรุ่นที่เข้ารอบมาชิงมงสุดยอดไดร์เป่าผมตัวฮิตด้วยเหมือนกันค่ะ ถ้าอยากรู้ว่าไดร์เป่าผมรุ่นนี้จะคุณภาพดีหรือฟังก์ชันเริ่ดยังไง ก็ตามไปดูพร้อมกันเลย
▸ ฟังก์ชันการใช้งาน : ความพิเศษของ Panasonic EH-NA45 ที่ทางแบรนด์เคลมเอาไว้ก็คือ เค้าเป็นไดร์เป่าผมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม ส่วนด้านรูปทรงของไดร์เป่าผมรุ่นนี้ค่อนข้างเทอะทะและน้ำหนักเยอะ แต่ก็มีข้อดีตรงที่ด้ามจับสามารถพับเก็บได้ จึงไม่เปลืองพื้นที่เท่าไหร่เวลาต้องการจะเก็บหลังใช้งานเสร็จแล้ว
▸ ความร้อน : ในเรื่องของระดับแรงลมและความร้อน ไดร์เป่าผมรุ่นนี้เป่าลมไม่แรง แต่ปล่อยความร้อนได้มาก ซึ่งสามารถ ปรับระดับความแรงลมได้ 2 ระดับ และ ปรับระดับความร้อนได้ 3 ระดับ พอเทียบเรื่องการปรับระดับความร้อนถือว่าทำได้ดีพอๆ กับไดร์เป่าผมสองรุ่นก่อนหน้านี้ แต่ถ้าเป็นเรื่องการปรับระดับความแรงลมจะด้อยกว่า Dyson Supersonic ค่ะ
▸ ความเร็วในการเป่าให้แห้ง : หลังจากที่ได้ทดลองใช้ไดร์เป่าผมรุ่นนี้แล้ว ผลลัพธ์ที่ได้มีความรู้สึกว่าช่วยให้ผมแห้งช้า ต้องใช้เวลาเป่าผมค่อนข้างนานกว่าที่เส้นผมจะเห็นสนิททั่วศีรษะ จึงอาจไม่ตอบโจทย์คนที่มีไลฟ์สไตล์เร่งรีบ หรือไม่มีเวลาแต่งหน้า - ทำผมนานๆ สักเท่าไหร่
▸ สภาพผมหลังใช้ : เมื่อได้ทดลองใช้ไดร์เป่าผมรุ่นนี้เป่าผมที่เปียกหลักสระ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ เส้นผมเรียบในระดับที่น่าพอใจ ไม่ได้ดูเส้นผมแห้งเสีย ชี้ฟู หรือสุขภาพผมแย่
▸ ราคา : 3,290 บาท
ดูข้อมูล Panasonic EH-NA45 เพิ่มเติมได้ที่ >> https://bit.ly/3mRBEsW
☰ ➍ Lesasha Bio-Ceramic ☰v


ถ้าพูดถึงอีกหนึ่งแบรนด์อุปกรณ์ทำผมที่น้อยคนมากๆ จะไม่รู้จักก็ต้องเป็น Lesasha เลย โดยนอกจากจะมีเครื่องหนีบผมและเครื่องม้วนผมหลากหลายรุ่นแล้ว แบรนด์นี้ก็ยังมีไดร์เป่าผมอีกตัวที่น่าลองอย่าง Lesasha Bio-Ceramic ด้วยนะตัวเธอ
▸ ฟังก์ชันการใช้งาน : เจ้า Lesasha Bio-Ceramic ช่วยให้ผมแห้งเร็วแต่ยังมีความชุ่มชื้น ไม่แห้งเสีย เรียกง่ายๆ ว่าไดร์เป่าผมรุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อคนที่กังวลเรื่องหนังศีรษะแห้งเสียและผมเสียชี้ฟูโดยเฉพาะนั่นเอง ส่วน รูปทรงของตัวไดร์มีความกะทัดรัด น้ำหนักเบา ถือได้แบบกระชับมือ และสามารถพับเก็บได้จึงช่วยให้พกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก
▸ ความร้อน : ในส่วนของความร้อนและแรงลมของไดร์เป่าผมรุ่นนี้ มีฟังก์ชันให้สามารถ ปรับระดับความร้อนได้ 2 ระดับ ปรับระดับความแรงลมได้ 2 ระดับ และมีให้ ปรับระดับลมเย็น เพื่อช่วยถนอมเส้นผม ซึ่งจากการทดลองใช้พบว่าลมที่เป่าออกมาร้อนมาก แต่ความแรงลมไม่มากเท่าไหร่
▸ ความเร็วในการเป่าให้แห้ง : ถึงแม้ว่าไดร์เป่าผมรุ่นนี้จะมีโหมดปรับระดับความร้อนได้เพียง 2 ระดับ ซึ่งอาจดูน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับไดร์เป่าผมรุ่นอื่นๆ แต่พอลองนำไปทดลองใช้เป่าผมดูแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือช่วยให้ผมแห้งเร็วกว่า Panasonic EH-NA45 ค่ะ
▸ สภาพผมหลังใช้ : หลังจากทดลองใช้ไดร์เป่าผมรุ่นนี้เป่าผม สภาพเส้นผมหลังใช้แอบมีผมพันกันอยู่บ้างเป็นบางส่วน แนะนำว่าหลังเป่าผมเสร็จแล้ว อย่าลืมใช้หวีสางผมและจัดแต่งทรงผมให้เรียบขึ้นด้วยนะ
▸ ราคา : 1,990 บาท
ดูข้อมูล Lesasha Bio-Ceramic เพิ่มเติมได้ที่ >> https://bit.ly/3lxHTCA
☰ ➎ Mi Dreame Hair Dryer ☰


ส่วนไดร์เป่าผมรุ่นสุดท้ายที่เราหยิบมาในท็อป 5 ก็คือ Mi Dreame Hair Dryer จากแบรนด์ Xiaomi นั่นเอง งั้นเรามาเริ่มพิสูจน์กันเลยดีกว่าว่าการใช้งานเจ้าตัวนี้จะเป็นยังไงบ้าง
▸ ฟังก์ชันการใช้งาน : ในเรื่องของฟังก์ชันการใช้งาน ไดร์เป่าผม Xiaomi รุ่นนี้ ช่วยในการเป่าผมให้แห้งเร็ว แล้วในส่วนของ รูปทรงตัวไดร์มีขนาดเล็ก แต่ค่อนข้างมีน้ำหนัก และมาเสียคะแนนอีกนิดตรงที่ด้ามจับไม่สามารถพับเก็บได้ค่ะ
▸ ความร้อน : ถ้าพูดถึงเรื่องระดับแรงลมและความร้อนของไดร์เป่าผมรุ่นนี้ ก็สามารถเลือก ปรับระดับความแรงลมได้ 2 ระดับ และ ปรับระดับความร้อนได้ 3 ระดับ โดยที่ปุ่มจะเปลี่ยนสีตามความร้อนที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งมีโหมด ปรับระดับลมเย็น ให้ได้เลือกใช้กันด้วยนะ
▸ ความเร็วในการเป่าให้แห้ง : พอลองเปรียบเทียบความรู้สึกตอนทดลองใช้จริงก็พบว่า ไดร์เป่าผมรุ่นนี้ปล่อยลมแรงและความร้อนมากกว่าไดร์เป่าผมของ Lesasha และ Panasonic ด้วยความร้อนที่ค่อนข้างมากนี้เอง จึงทำให้ผมแห้งได้ไว และทางเราก็ไม่แน่ใจว่าด้วยพลังลมของไดร์รุ่นนี้ที่ปล่อยออกมาแรง อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวเครื่องมีเสียงดังกว่าไดร์เป่าผมรุ่นอื่นๆ เวลาเปิดใช้งานค่ะ
▸ สภาพผมหลังใช้ : ผลลัพธ์หลังใช้ไดร์เป่าผมจนแห้งสนิท สภาพผมหลังใช้งานก็อาจมีเส้นผมบางส่วนที่พันกันนิดๆ หน่อยๆ แต่พันกันน้อยกว่าเมื่อเทียบกับสภาพผมหลังใช้ไดร์เป่าผมของ Lesasha
▸ ราคา : 9,990 บาท
ดูข้อมูล Mi Dreame Hair Dryer เพิ่มเติมได้ที่ >> https://bit.ly/3DEeInL
ตารางสรุปเทียบ “ ไดร์เป่าผม ” แบรนด์ฮิต ใช้ดีจนต้องบอกต่อ ทั้ง 5 รุ่น
พอได้ทำความรู้จักไดร์เป่าผมตัวฮิตทั้ง 5 รุ่นไปแล้ว เราเชื่อว่าสาวๆ หลายคนก็ยังแอบลังเลใจ เพราะเลือกไม่ถูกว่าไดร์เป่าผมรุ่นไหนดีที่สุด หรือตอบโจทย์ความต้องการของตัวเองมากที่สุด… ทางเราก็ไม่พลาดที่จะทำ ตารางเปรียบเทียบไดร์เป่าผมทั้ง 5 รุ่น ให้เห็นแบบชัดๆ ชัวร์ๆ ไปเลยว่า ไดร์เป่าผมแต่ละรุ่นโดดเด่นหรือมีคะแนนนำตรงส่วนไหนบ้าง??? เผื่อว่าข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้สาวซิสตัดสินใจง่ายขึ้นไงล่ะ

เริ่มต้นที่เรื่องแรก ด้านรูปทรง / ขนาด / น้ำหนัก ก่อนเลยค่ะ ตรงส่วนนี้ Lesasha Bio-Ceramic ได้คะแนนนำไป เพราะตัวไดร์มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา และหยิบจับถนัดมือมากที่สุด
ส่วน ด้านฟังก์ชันการใช้งาน Dyson Supersonic และ Philips Drycare Advanced ได้คะแนนเท่ากัน เพราะมีฟังก์ชันให้เลือกหลากหลายและตอบโจทย์การจัดแต่งทรงผมหลายสไตล์ด้วย
ตามมาด้วยคะแนน ด้านระดับความแรงลม ก็ต้องยกให้ Dyson Supersonic เค้าเลย ตอบโจทย์ที่สุดแล้ว เพราะตัวเครื่องปล่อยกระแสลมความเร็วสูง จึงช่วยให้ผมแห้งเร็วทันใจมาก
ต่อด้วยคะแนน ด้านระดับความร้อน มีไดร์เป่าผม 2 รุ่นที่ทำคะแนนได้ค่อนข้างดีในเรื่องนี้ ได้แก่ Dyson Supersonic และ Philips Drycare Advanced เพราะสามารถกดปุ่มเลือกปรับระดับความร้อนได้หลายระดับ รวมทั้งลมร้อนที่ปล่อยออกมาก็อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจมาก ๆ ค่า
ปิดท้ายด้วยคะแนน ด้านสภาพผมหลังใช้ Dyson Supersonic และ Panasonic EH-NA45 ให้ผลลัพธ์ที่ทำให้เราประทับใจมากที่สุด เพราะเส้นผมนุ่มลื่น เรียบตรง ผมดูไม่แห้งเสียหรือชี้ฟูเลยนั่นเอง

แม้ว่าไดร์เป่าผมแต่ละรุ่นจะมีจุดเด่น ข้อดี หรือคะแนนนำในด้านต่างๆ ที่สูสีกันมากๆ แต่พอรวบรวมคะแนนในทุกๆ ด้านดูแล้ว ผลการแข่งขันในครั้งนี้ Dyson Supersonic ได้รับตำแหน่งชนะเลิศ ไดร์เป่าผมแบรนด์ฮิต ตัวดัง ผมแห้งไม่พัง ต้องบอกต่อ แบบไม่มีข้อโต้แย้งค่ะ เพราะเป็นไดร์เป่าผมที่ได้คะแนนเต็มทั้งในด้านฟังก์ชันการใช้งาน / ระดับความแรงลม / ระดับความร้อน / สภาพผมหลังใช้ แถมยังแตกต่างจากไดร์เป่าผมรุ่นอื่นๆ ตรงที่มี ระบบควบคุมความร้อนอัจฉริยะ ที่ช่วยปกป้องเส้นผมและหนังศีรษะไม่ให้โดนทำร้ายจากความร้อนสูงด้วย แบบนี้ก็หยิบไปใช้จัดแต่งทรงผมสวยๆ ได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวว่าเส้นผมจะแห้งเสียหรือชี้ฟูเลยค่ะซิส!!!