การเลือกใช้สกินแคร์หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้านั้น ก็จะมีเนื้อสัมผัสอยู่หลายแบบ ซึ่งแต่ละสภาพผิวนั้นก็ควรเลือกว่าควรใช้เนื้อสัมผัสแบบไหนจึงจะเหมาะกับตัวเอง การเลือกสกินแคร์ให้เหมาะกับผิวนั้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เพราะ ผลลัพธ์หลังจากการใช้สกินแคร์ก็จะต่างกันออกไป บางคนเลือกใช้ไม่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองถึงขั้นเกิดอาการระคายเคือง ผิวขาดน้ำ หรือปัญหาผิวต่าง ๆ ตามมา ดังนั้น เพื่อน ๆ ควรตรวจเช็คสภาพผิวก่อนที่เลือกใช้สกินแคร์ วันนี้จึงนำความรู้เกี่ยวกับสกินแคร์เนื้อสัมผัสต่าง ๆ มาฝากเพื่อน ๆ กัน มาเลือกสกินแคร์ที่ใช่สำหรับเราดีกว่าค่ะ
●ครีม ( Cream )
ครีม ( Cream )เนื้อครีมเข้มข้นและมีส่วนผสมของน้ำมันเยอะที่สุด เนื้อครีมจะหนา จึงใช้เวลานานกว่าสกินแคร์ชนิดอื่น ๆ ในการซึมซาบเข้าสู่ผิว แต่ก็สามารถคงความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าได้อย่างยาวนานและดีที่สุดสกินแคร์เนื้อครีมจะเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง ลอก แตกเพราะในสกินแคร์เนื้อครีมจะมีน้ำมันซึ่งจะช่วยเคลือบผิวป้องกันการสูญเสียน้ำได้ อย่างไรก็ตามหลังการใช้ครีมบำรุงผิว ควรทำความสะอาดผิวให้สะอาด เพราะอาจจะทำให้ก่อให้เกิดปัญหาสิวรวมถึงอาการอุตตันได้
โลชั่น (Lotion) จะมีเนื้อที่เข้มข้นกว่าอีมัลชั่นเพราะมีน้ำมันมากกว่า แต่จะมีเนื้อที่เหลวกว่าเนื้อครีม ซึ่งโลชั่นไม่ได้เป็นสกินแคร์ที่ใช้สำหรับบำรุงผิวกายเท่านั้น แต่ยังมีแบบสำหรับบำรุงผิวหน้าอีกด้วย การทาโลชั่นจะช่วยบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และช่วยเคลือบผิวชั้นนอกเพื่อลดการสูญเสียน้ำ เหมาะทั้งผิวธรรมดาและผิวผสม ทั้งนี้คนผิวมันก็สามารถเลือดใช้โลชั่นที่ไม่มีส่วนประกอบของน้ำมันแทนได้นะ
●โลชั่น ( Lotion )
โลชั่น ( Lotion )จะมีเนื้อที่เข้มข้นกว่าอีมัลชั่นเพราะมีน้ำมันมากกว่า แต่จะมีเนื้อที่เหลวกว่าเนื้อครีม ซึ่งโลชั่นไม่ได้เป็นสกินแคร์ที่ใช้สำหรับบำรุงผิวกายเท่านั้น แต่ยังมีสำหรับบำรุงผิวหน้าอีกด้วย การทาโลชั่นจะช่วยบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และช่วยเคลือบผิวชั้นนอกเพื่อลดการสูญเสียน้ำ
●อีมัลชั่น ( Emulsion )
อีมัลชั่น ( Emulsion )คือมอยส์เจอไรเซอร์ที่เนื้อบางเบา ลักษณะเป็นเนื้อค่อนข้างเหลว เหลวกว่าครีม และบางเบากว่าโลชั่น แต่การซึมเข้าสู่ผิวได้ไม่ลึกเท่าเซรั่ม อีมัลชั่นจะใช้เพื่อคงความชุ่มชื้นให้กับผิว ซึ่งสำหรับผิวมันที่เกิดการขาดน้ำรูขุมขนจึงผลิตน้ำมันออกมาในจำนวนมาก การเติมความชุ่มชื้นด้วยอีมัลชั่นจะเข้าไปช่วยลดความมันบนใบหน้าได้จึงค่อนข้างเหมาะกับคนผิวมันและผิวผสม
●เจล ( Gel )
เจล ( Gelจะมีเนื้อสัมผัสบางเบา เป็นเจล ๆ ซึมซาบเข้าสู้ผิวได้ง่าย รู้สึกเย็นเวลาเจลสัมผัสลงผิว ไม่ทำให้รู้สึกเหนอะหนะ มีส่วนประกอบของน้ำเป็นหลักและมีน้ำมันน้อยกว่าแบบเนื้อครีมและเนื้อโลชั่น จึงสามารถโอบอุ้มน้ำได้ดี ส่วนใหญ่จะนิยมใช้กับผลิตภัณฑ์บำรุงเพิ่มวิตามินและความชุ่มชื้นให้แก่ผิวเนื้อเจลจึงเหมาะกับผู้ที่มีสภาพผิวบอบบางแพ้ง่ายค่ะ
●เซรั่ม ( Serum )
เซรั่ม ( Serum )ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีเนื้อเข้มข้นกว่าเนื้อเอสเซนส์ การใช้เซรั่มจึงเห็นผลได้ไวกว่า เพราะมีโมเลกุลขนาดเล็ก อุดมไปด้วยสารอาหาร มีลักษณะเป็นเนื้อ น้ำ เหลว ให้สัมผัสที่บางเบา ทาได้ทั่วใบหน้า สามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสิว ริ้วรอยความหมองคล้ำ แต่ด้วยความที่เนิ้อเซรั่มมีส่วนผสมของน้ำมันเป็นหลักดังนั้นเซรั่มจึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีสภาพผิวที่แห้ง ส่วนการลงเซรั่มจะไม่เหมาะกับคนที่มีผิวมัน เพราะอาจจะทำให้หน้าดูมันกว่าเดิม
●เอสเซนส์ ( Essence )
เอสเซนส์ ( Essence )เนื้อเอสเซนส์จะมีลักษณะเป็นน้ำ บางเบา ผสมสาร Active Ingredient เข้มข้นจะคล้ายคลึงกับเนื้อเซรั่ม แต่จะไม่เข้มข้นเท่าเซรั่ม ซึ่งเซรั่มเป็น Oil Base ในขณะที่เอสเซนต์มีส่วนประกอบของ Water Based เป็นหลักจึงทำให้ซึมเข้าสู่ผิวได้เร็วกว่าดังนั้นเอสเซนส์จึงเหมาะกับสภาพผิวที่มันและแพ้ง่าย แต่ไม่ควรทาเอสเซนส์และเซรั่มในเวลาเดียวกับเพราะอาจทำให้ระคายเคืองได้ เลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งพอค่ะ
เป็นยังไงบ้างคะ เพื่อน ๆ เลือกใช้กันถูกมั้ยเอ่ยย ?? การเลือกสกินแคร์ที่เหมาะกับสภาพผิวนอกจากจะช่วยทำให้สกินแคร์เข้ากับความต้องการของผิวเราแล้ว ยังช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด มากกว่านั้นไม่ใช่เพียงแต่การเลือกใช้สกินแคร์ที่เข้ากับผิว แล้วผิวจะดีขึ้นปุ๊ปปั๊ป การทาสกินแคร์อย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยฟื้นฟูผิวได้อย่างประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผิวดีอย่างเห็นได้ชัด อยากผิวเป๊ะต้องเลือกสกินแคร์ให้ดีนะคะ ไม่งั้นอาจจะพังได้