หลังจากกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศว่าเข้าสู่หน้าร้อนอย่างเป็นทางการ ประเทศไทยก็เหมือนย้ายพิกัดไปอยู่นรกซะอย่างนั้น โอ๊ยย ร้อนไม่ไหววว นาทีนี้ไม่ว่าจะเดินสวนคนไปทางไหนก็มักจะพบว่าท่ามกลางแดดจ้า ใครๆ ก็ล้วนประสบปัญหาเดินไปปาดเหงื่อไป หาวิธีหลบแดดยังไงไม่ให้เสี่ยงต่อการหน้าไหม้ คล้ำแดดหรือแม้กระทั่งผิวเหี่ยวย่นและอีกสารพัดปัญหาหลายคนเลยรีบมองหาตัวช่วยเป็นครีมกันแดด เตรียมทาตามเทรนด์สองข้อนิ้วจุกๆ ท่องมาจากบ้านอย่างดีว่างานนี้ทาแล้วต้องไม่วอก!! แต่ดันต้องมายืนงงตอนอ่านฉลากว่าSPF กับ PA คืออะไร แล้ว SPF กับ PA เนี่ยมันต่างตรงไหนต้องเลือกยังไงวันนี้เราจะมาเฉลยข้อข้องใจให้ได้รู้กันค่าาา


รูปภาพ:

รังสี UV กับปัญหาผิว

ก่อนจะหาคำตอบว่าSPF กับ PA คืออะไร หรือSPF กับ PA ต่างกันยังไงอันดับแรกเราต้องมาทำความรู้จักกับต้นตอของปัญหาที่ทำให้เราต้องทาครีมกันแดดกันก่อน

☀รังสี UV คืออะไร?รังสี UV หรือรังสี Ultraviolet เป็นแหล่งพลังงานจากดวงอาทิตย์ ซึ่งอยู่ในช่วงความถี่ 200-400 nm. เป็นรังสีที่มนุษย์เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ร้ายกาจกับสภาพผิวเราเป็นอย่างมาก!ประกอบไปด้วย 3 ประเภทด้วยกัน☀รังสี UVA

เป็นรังสีที่มีความยาวคลื่นมากกว่า UVB จึงสามารถทะลุไปถึงผิวชั้นหนังแท้ได้และก่อให้เกิดปัญหาผิวเสื่อมสภาพโดยการทำลายคอลลาเจนในชั้นผิวจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวเราเหี่ยวย่น มีริ้วรอยก่อนวัยอันควร☀รังสี UVBเป็นรังสีที่มีความยาวคลื่นสั้นกว่าUVA แม้ความสามารถในการทะลุชั้นผิวของ UVB จะน้อยกว่าแต่ก็อนุภาพความแรงก็ไม่ใช่น้อยๆ เลย เพราะ UVB ก็สามารถก่อให้เกิดปัญหาผิวไหม้ ผิวแดงและคล้ำแดดได้☀รังสี UVC

เป็นรังสีที่ความยาวคลื่นสั้นที่สุดแต่ถือว่าเป็นอันตรายที่สุด แต่ความโชคดีคือรังสี UVC จะถูกชั้นบรรยากาศโอโซนดูดซับไว้จึงทำให้อัตราการผ่านลงมายังพื้นโลกน้อยมากหรือแทบจะไม่มี

kn

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿


ทำยังไงถึงจะป้องกันผิวจากรังสี UV ได้?

ไม่ว่าจะเป็นวันแดดจ้าพร้อมลุยกิจกรรมโลดโผนหรือแม้แต่วันที่หลบแดดไปนอนซมอยู่บ้านอย่างเหงาๆ ก็คงไม่พ้นถูกทำร้ายด้วยรังสีเหล่านี้อยู่ดี ดังนั้นแต่ละคนก็จะสรรหาวิธีเอาตัวรอดจากแดดประเทศไทยแตกต่างกันไป อย่างเช่นบางคนพกความชิคมาพร้อมกับแว่นกันแดดสุดเก๋ บางคนก็พกร่ม หรือแม้แต่สวมหมวกปีกกว้างบ้างและแน่นอนว่าหนึ่งในวิธีที่ชาวเรานึกถึงอันดับต้นๆ ก็คงไม่พ้นการทาครีมกันแดดใช่ไหมล่ะคะ อะๆ คำถามต่อมาก็คงไม่พ้นแล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่ากันแดดจะช่วยปกป้องผิวได้มากแค่ไหน? ต้องใช้อะไรวัดล่ะ? นี่แหละคือที่มาของSPF และ PA เพราะทางผู้เชี่ยวชาญเค้าสร้างมาตรฐานวัดประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์กันแดดด้วยค่า SPF และ PAที่เรารู้จักกันดีนั่นเอ๊งงง

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿


SPF ( Sun Protection Factor )

SPF คือการวัดความสามารถของผลิตภัณฑ์ในการปกป้องผิวหนังจากรังสี UVB

ตัวอย่างเช่น ถ้าปกติผิวจะไหม้หลังจากออกแดด 10 นาที การทาครีมกันแดด SPF15 จะช่วยให้อยู่ในแดดได้นานขึ้น 15x10 = 150 นาที (15 เท่า)

*ขึ้นอยู่กับประเภทผิว ความเข้มของแสงแดด และอีกหลายปัจจัย

ค่าSPF              ประสิทธิภาพในการป้องกัน

SPF 6    -  <15                 ต่ำ

SPF 15  -  <30               กลาง

SPF 30  -  <50                 สูง

SPF          ≥50             สูงมาก

SPF ยิ่งสูงยิ่งดี?

หลายๆ คนคิดว่ายิ่งค่า SPF สูงยิ่งดี แต่หากลองเทียบกันจริงๆ นั้นระหว่าง SPF ที่มากกว่า 50 กับ SPF 50 กลับพบว่ามีความต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำว่า SPF15-30 ถือว่าเพียงพอ แต่ถ้าต้องสู้กับแดดบ้านเราแนะนำว่า SPF ควร 30 ขึ้นไปนะคะ และสิ่งสำคัญที่สุดคือควรทาซ้ำทุกๆ สองชั่วโมง เพื่อประสิทธิภาพในการปกป้องผิวที่ดีที่สุด

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿


PA ( Protection grade of UVA )

PA คือการวัดความสามารถของผลิตภัณฑ์ในการปกป้องผิวหนังจากรังสี UVA

เครื่องหมาย + ต่อท้าย PA คืออะไร?

เรามักจะได้ยินจากโฆษณาหรือเห็นบนผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดว่า PA++++ กันจนคุ้นชินแต่เคยสงสัยกันบ้างไหมคะว่าเครื่องหมายบวกที่ตามหลัง PA นี้มีความหมายว่ายังไงกันน้า

ค่าPA    ประสิทธิภาพในการป้องกัน

PA+                 ต่ำ-กลาง

PA++                  กลาง

PA+++                  สูง

PA++++             สูงมาก

ใช่แล้ววว เครื่องหมายบวกแสดงถึงประสิทธิภาพในการป้องกันUVAที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง


เลือก PA ยังไงดี

เลือกค่า PA ให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของเราจะดีที่สุด ถ้าเป็นวันอยู่บ้านสบายๆ ก็อาจจะใช้แค่ PA++ แต่ถ้าต้องออกไปสู้ชีวิตข้างนอกก็อาจจะเลือกใช้ PA+++ จะได้ไม่โดนชีวิตสู้กลับ หรือถ้าออกไปทำกิจกรรมเอ็กซ์ตรีมการแจ้งนานๆ ก็ควรเลือก PA++++ ไปโล้ดดดเพราะแดดเมืองไทยมันเกินต้านจริงๆ

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿


ประเภทของครีมกันแดด

จากความก้าวหน้าในวงการการพัฒนาสูตรเครื่องสำอาง จึงทำให้ปัจจุบันกันแดดไม่ได้มีอยู่ในรูปแบบครีมเพียงเท่านั้นแต่รวมไปถึงมีกันแดดแบบเจล แท่ง สเปรย์ โลชั่น และแบบอื่นๆให้เลือกสรรตามใจเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา ( U.S. FDA ) ยังไม่อนุมัติกันแดดในรูปแบบทิชชู่เปียก แป้ง สบู่หรือแชมพู แถมเค้ายังแอบๆ เตือนว่ากรุณาอ่านฉลากการใช้งานของกันแดดแต่ละประเภทอย่างละเอียดนะคะซิส อย่างกันแดดแบบสเปรย์แบบนี้ก็อาจไม่เหมาะสมกับการใช้กับผิวหน้า เพราะเวลาเราฉีดมันจะมีละอองความฟุ้งลอยไปตามลมใดๆทำให้ไม่ค่อยติดผิวหน้าประสิทธิภาพ SPF หรือ PA ในการป้องกันรังสีจึงอาจจะน้อยลงเมื่อเทียบกับการทากันแดดแบบอื่นๆ นั่นเอง

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿

ท่องไว้ให้ขึ้นใจ!!!

SPF ป้องกัน UVBPA   ป้องกัน  UVA

รูปภาพ:

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿


Broad spectrum sunscreen

ทำไมเราต้องเลือกในเมื่อเราสามารถมีได้ทั้งหมด?

Broad spectrum sunscreen

จึงเป็นทางเลือกที่

ครอบคลุมที่สุด

เพราะมีทั้ง SPF และ PA จึงสามารถ

ป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB

ในผลิตภัณ์เพียงตัวเดียว

จะหน้าไหม้หรือหน้าเหี่ยวก็รอดดด

เวลาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ก็ให้ลองมองหาผลิตภัณฑ์ที่มี Titanium dioxide หรือ Zinc oxide เป็นส่วนผสมดูน้าา

ข้อแนะนำในการทากันแดด

ทากันแดดก่อนออกไปข้างนอก 15 นาที เพื่อรอให้กันแดดเซตตัวและมีประสิทธิภาพที่ดีที่สุด

ทาให้ทั่วใบหน้าและร่างกาย หลีกเลี่ยงบริเวณรอบดวงตาและปาก

ห้ามทากันแดดให้กับกับทารกที่อายุต่ำกว่า 6 เดือน นอกจากจะได้รับคำแนะนำจากแพทย์

รู้จักสภาพผิวของตัวเองก่อน! ตัวอย่างเช่น คนผิวขาวจะมีความเสี่ยงต่อการดูดซับรังสี UV มากกว่าคนผิวเข้ม ดังนั้นจึงควรใช้กันแดดที่ค่า SPF เริ่มต้นที่ 30 ขึ้นไป

ทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้นหากทำกิจกรรมที่ต้องเสียเหงื่อหรือกิจกรรมทางน้ำ

กันแดดมีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 3ปี หากใช้นานกว่านั้นประสิทธิภาพในการป้องกันของ SPF PA อาจจะลดลงและไม่เสถียร

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿


รูปภาพ:

ถ้านึกถึงกันแดดที่เหมาะกับแดดเมืองไทย ตัวที่เราแนะนำเลยก็คือANESSA Gold Milkเป็นกันแดดที่ใครหลายๆ คนก็คงรู้จัก ตัวนี้เค้าเป็นBroad spectrum sunscreenด้วยนะ มาพร้อมกับSPF50+และPA++++ปกป้องได้ทั้ง UVA และ UVBจึงมั่นใจได้ว่าเราจะสามารถออกไปทำกิจกรรมได้อย่างหมดห่วง! ความพิเศษคือ มีเทคโนโลยีThermo Booster Technologyช่วยปกป้องผิวได้ดียิ่งขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับความร้อนจากแสงแดด แถมยังผ่านการทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง, ปราศจากการแต่งสีและไม่ก่อให้เกิดการอุดตันด้วย (Non-comedogenic) ถ้าใครกำลังมองหากันแดดซักตัวANESSA Gold Milkก็ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจเลยค่ะ

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿

รูปภาพ:

เป็นยังไงกันบ้างคะ เข้าใจเรื่องSPF กับ PA กันมากขึ้นหรือยัง ถ้ายังเราจะสรุปให้ตรงนี้ง่ายๆ ว่า

SPF ป้องกันรังสี UVB

ส่วน

PA ป้องกันรังสี UVA

ถ้าต้องเลือก

ซื้อกันแดดก็ให้เลือก Broad spectrum จะได้ครอบคลุมและปกป้องได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

เน้นยำอีกที

หมั่น

ทากันแดดซ้ำทุก2ชั่วโมง ปริมาณ 2 ข้อนิ้วหรือ1/4 ช้อนชา

น้าา

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿

Designer :namoodongWriter :BabyPeachy