![ตัวอย่าง ภาพหน้าปก:เมโสแฟตกับโบท็อกซ์กราม ต่างกันอย่างไร? ทำหน้าเรียวแบบไหนที่เหมาะกับเรา](/_next/image?url=https%3A%2F%2Fsistacafe-assets.sgp1.cdn.digitaloceanspaces.com%2Fc%2F200439%2F%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88.png%3Fv%3D20240326135213&w=1080&q=75)
เมโสแฟตกับโบท็อกซ์กราม ต่างกันอย่างไร? ทำหน้าเรียวแบบไหนที่เหมาะกับเรา
อยากทำหน้าเรียว แต่ไม่รู้ว่าต้องทำเมโสแฟตหรือโบท็อกซ์กรามดี? สองแบบนี้ต่างกันยังไง แล้วแบบไหนที่เหมาะกับเรา ตามมาอ่านได้ที่นี่เลย!
เผยแพร่: 6 พ.ค. 2567 17:40 น.
Views: 47
รหัสบทความ: 200439
แชร์บทความ
สวัสดีค่ะชาวซิส วันนี้ขอมาชวนชาวซิสคุยเรื่องความสวยความงามกันสักหน่อยนะคะ ชาวซิสคิดเหมือนกันไหมคะว่าในวงการความงามปัจจุบันเนี่ย การทำหน้าเรียวเป็นสิ่งที่ได้ฮอตฮิตมาก โดยเฉพาะการฉีดเมโสแฟตและโบท็อกซ์กราม เราก็จะบรรดาอินฟลูฯ หรือคนรอบตัวไปทำมาแล้วหน้าวีเชฟได้รูป แต่ CutenessCorner เชื่อว่าสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้ามาในวงการนี้ อาจเกิดความสับสนระหว่างเมโสแฟตกับโบท็อกซ์กรามค่ะ บอกก่อนเลยน้าว่าสองแบบนี้แม่จะทำให้หน้าดูเรียวขึ้นเหมือนกัน แต่การทำงานต่างกันคนละขั้ว วันนี้ก็เลยจะมาเปรียบเทียบให้เห็นชัด ๆ ว่า เมโสแฟตกับโบท็อกซ์ต่างกันอย่างไร และเพื่อน ๆ เองเหมาะกับแบบไหนกันแน่ มาดูไปพร้อมกันค่ะ
ปัญหาหน้าบาน กรามใหญ่ แก้มเยอะ เกิดจากอะไร?
เพื่อน ๆ ที่อยากทำหน้าเรียว คงต้องเผชิญอยู่กับปัญหาหน้าบาน กรามใหญ่ แก้มเยอะ อย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ใช่ไหมคะ ซึ่งปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้เลยก็คือ
- พันธุกรรม ปัญหากรามใหญ่ หน้าบาน และแก้มเยอะ สามารถสืบทอดมาจากพ่อแม่หรือบรรพบุรุษได้ค่ะ
- กรามล่างเจริญเติบโตมากเกินไป ส่งผลให้กรามใหญ่และมีใบหน้าที่กว้างขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรม ความไม่สมดุลของฮอร์โมน หรือความผิดปกติของพัฒนาการได้เช่นเดียวกันค่ะ
- กล้ามเนื้อกรามใหญ่ กล้ามเนื้อกรามใหญ่เกิดจากหลายปัจจัย เช่น พันธุกรรม การเคี้ยวอาหารเหนียว ๆ แข็ง ๆ อย่างต่อเนื่อง การนอนกัดฟัน รวมถึงความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกรค่ะ
- ไขมันสะสมมากเกินไป เมื่อน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น จะทำให้เกิดไขมันส่วนเกินสะสมอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายรวมถึงใบหน้า ทำให้รูปทรงของใบหน้าเปลี่ยนไปนั่นเอง
เมโสแฟตกับโบท็อกซ์ต่างกันอย่างไร เปรียบเทียบให้เห็นชัด ๆ
ก่อนจะไปเปรียบเทียบ ขอเกริ่นให้เพื่อน ๆ เข้าใจกันก่อนนะคะว่าเมโสแฟตกับโบท็อกซ์คืออะไร ?
การฉีดโบท็อกซ์ (Botox) คืออะไร?
การฉีดโบท็อกซ์ (Botox) เป็นหัตถการอย่างหนึ่งที่ฉีดสาร โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A) จากแบคทีเรียชนิด Anaerobic เข้าไปที่บริเวณผิวหนังและกล้ามเนื้อ โดยสารชนิดนี้จะไปออกฤทธิ์กับระบบประสาทในบริเวณที่ฉีดนั่นเองค่ะ
การฉีดเมโสแฟต (Meso Fat) คืออะไร?
การฉีดเมโสแฟต (Meso Fat) คือ การฉีดตัวยา เช่น L-Carnitine, Mesostabyl, Tyrosine, Artichoke extract, Phosphatidylcholine (PPC) และ Deoxycholic Acid (DCA) เข้าไปสลาย เผาผลาญ และลดการเกิดไขมันส่วนเกิน พร้อมยังกระชับสัดส่วนตามร่างกายในจุดต่าง ๆ ที่เราต้องการค่ะ
การทำงาน
- โบท็อกซ์กราม เมื่อฉีดเข้าไปที่กล้ามเนื้อบริเวณกรามจะออกฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาทที่กระตุ้นให้กล้ามเนื้อหดตัว เมื่อกล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวได้ตามปกติ จึงทำให้ขนาดของกล้ามเนื้อเล็กลงและหน้าเรียวขึ้น
- เมโสแฟต เมโสแฟตจะออกฤทธิ์โดยการทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ไขมัน หลังจากนั้นไขมันจะถูกขับออกทางระบบขับถ่าย ช่วยให้ไขมันในโครงสร้างผิวบริเวณที่ฉีดลดลงและลดการเกิดเซลล์ไขมันใหม่ด้วยค่ะ
สรุปแล้ว โบท็อกซ์ลดกรามกับเมโสแฟต ทำงานต่างกันตรงที่โบท็อกซ์เน้นลดขนาดของกล้ามเนื้อ ส่วนเมโสแฟตจะช่วยสลายไขมันส่วนเกินในบริเวณกรามนั่นเองค่ะ
การพักฟื้น
- โบท็อกซ์กราม โดยทั่วไปแล้ว หลังฉีดโบท็อกซ์กรามจะมีอาการผิวบวม แดง มีรอยช้ำบริเวณที่ฉีด แต่อาการเหล่านี้จะหายไปเองเมื่อผ่านไปประมาณ 2-3 วันค่ะ
- เมโสแฟต หลังฉีดเมโสแฟตจะมีอาการบวมอยู่บ้าง แต่จะยุบลงได้เองในระยะเวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง ซึ่งอาการบวมนี้ไม่ได้เป็นอันตรายนะคะ เป็นอาการที่เกิดจากการทำงานของตัวยา Meso fat ที่ทำปฏิกิริยาให้ไขมันแตกตัวนั่นเอง
ระยะเวลาผลลัพธ์
- โบท็อกซ์กราม การฉีดโบท็อกซ์กราม จะเริ่มเห็นผลหลังฉีดประมาณ 2 สัปดาห์ค่ะ และจะเห็นผลชัดเจนขึ้นในเวลา 4 – 6 สัปดาห์ จนในสัปดาห์ที่ 8 – 12 จึงจะคงที่ ที่ใช้เวลาค่อนข้างนานนั่นเป็นเพราะว่าต้องรอให้ Botulinum toxin A ค่อย ๆ ออกฤทธิ์ค่ะ นอกจากนี้การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามจะอยู่ได้ประมาณ 4 – 6 เดือนเลยทีเดียว
- เมโสแฟต หลังจากฉีดไขมันเริ่มจะสลายตัว 10-15% และจะเห็นผลชัดเจนเต็มที่ประมาณ 1-3 สัปดาห์ค่ะ โดยทั่วไปแล้วเมโสแฟตจะให้ผลลัพธ์อยู่ได้ 2-3 เดือน ถ้าดูแลตัวเองดีก็จะช่วยรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้นค่ะ
ราคา
- โบท็อกซ์กราม ราคาประมาณ 3,500 – 8,000 บาท ค่ะ ซึ่งราคาจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกซ์และจำนวนยูนิตที่ใช้ด้วย
- เมโสแฟต โดยเฉลี่ยแล้วการฉีดแฟตราคาควรจะเริ่มต้นที่ประมาณ 1,500-2,000 บาท ต่อจุด ค่ะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นแต่ละคลินิก และรูปแบบการจำหน่ายด้วยนั่นเอง
เหมาะกับใคร
- โบท็อกกราม เหมาะสำหรับเพื่อน ๆ ที่มีปัญหากรามใหญ่อันเนื่องมาจากกล้ามเนื้อจากการนอนกัดฟันและเคี้ยวอาหารเหนียว ๆ แข็ง ๆ อย่างต่อเนื่องค่ะ
- ไม่รองรับการแสดงผลนี้image
- เมโสแฟต เหมาะสำหรับเพื่อน ๆ ที่มีไขมันสะสมบริเวณกราม ทำให้ใบหน้าดูไม่เรียว ไม่วีเชฟ เพราะเมโสแฟตสามารถลดไขมันได้แบบเฉพาะจุดค่ะซิส
สรุปส่งท้าย
จบไปแล้วค่ะเพื่อน ๆ กับการเปรียบเทีบ ความแตกต่างระหว่างเมโสแฟตกับโบท็อกซ์กราม หวังว่าข้อมูลในบทความนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ เข้าใจการทำงานของทั้งสองหัตถการมากขึ้นนะคะ และถ้าหากเพื่อน ๆ มีโอกาสไปทำหน้าเรียว อย่าลืมเลือกใช้บริการกับคลินิกเสริมความงามที่ได้มาตรฐาน แพทย์มีความเชี่ยวชาญ และใช้เครื่องมือที่มีคุณภาพด้วยน้า
ขอบคุณภาพประกอบบทความจาก Canva