เคยรู้สึกว่าซื้อสกินแคร์มาแล้วไม่คุ้มเงินที่จ่ายไปกันไหมคะ ... ?เชื่อว่าทุกคนน่าจะต้องเคยบ้างแหละเนอะ อาจจะซื้อเพราะอ่านคำเคลมมาหรืออาจจะซื้อเพราะรีวิวก็แล้วแต่ แต่ประเด็นคือซื้อมาแล้วไม่เห็นผล แถมราคาก็ไม่ใช่ว่าจะถูก ๆ ซะด้วยแบบนี้ก็ต้องหาทางแก้แล้วละซิ ซึ่งทางแก้บอกเลยว่าไม่ยากค่ะ แค่ทำตาม 7 ขั้นตอนที่เราจะบอกต่อไปนี้รับประกันเลยว่าทุกคนจะสามารถใช้และซื้อสกินแคร์ได้อย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ เห็นผลได้ชัดเจนแน่นอนอะ! อยากรู้ละสิว่ามีทริคอะไรบ้าง อยากรู้กันจะช้าอยู่ใยละค้า เลื่อนจอลงมาโลดจ้า~
♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦
บอกต่อ 7 ทริคใช้ " สกินแคร์ " ยังไงให้คุ้มค่าและเห็นผลมากที่สุด
1. รู้สภาพผิวของตัวเอง
สภาพผิวก็คือผิวแห้ง ผิวมัน ผิวธรรมดา ผิวผสม ผิวแพ้ง่ายนั่นเองค่ะ ซึ่งตรงนี้ก็สำคัญมาก ๆ ล่ะ ถ้าเรารู้แล้วว่าเรามีสภาพผิวแบบไหนจะทำให้เราเลือกซื้อสกินแคร์มาใช้ได้ถูกต้อง แล้วเราก็จะใช้มันได้อย่างคุ้มค่าและเห็นผลชัดที่สุดซึ่งวิธีการเช็คเบื้องต้นก็ง่ายแสนง่ายนะคะ ก็แค่ล้างหน้าตามปกติเลยค่ะ ใช้โฟมล้างหน้าที่ใช้ประจำได้เลย ไม่ต้องใช้ผ้าเช็ดนะคะ ปล่อยให้มันแห้งเองแล้วก็รอให้เวลาผ่านไปประมาณ 30 นาทีถ้าผิวรู้สึกตึงมากแทบขยับไม่ได้ก็แสดงว่าเราเป็นคนผิวแห้ง ถ้ามันแค่ช่วง T-zone ( หน้าผาก จมูกและคาง ) แสดงว่าเป็นคนผิวผสม ถ้ามันทั้งหน้าแสดงว่าเป็นคนผิวมัน ส่วนคนที่ไม่รู้สึกอะไรเลยก็แสดงว่าเป็นคนผิวธรรมดาค่ะ คนผิวแพ้ง่ายอาจจะทดสอบวิธีนี้ไม่ได้นะคะ ให้สังเกตเวลาใช้สกินแคร์แทนว่าเราแพ้บ่อยไหม ถ้าใช้แล้วแพ้นั่นแพ้นี่ไปหมดแสดงว่าเป็นคนผิวแพ้ง่ายนั่นเอง
2. รู้ปัญหาผิวของตัวเอง
นอกจากรู้สภาพผิวของตัวเองแล้วว่าเป็นคนผิวแบบไหน ก็ต้องรู้ด้วยว่าตัวเองมีปัญหาผิวในเรื่องไหนเช่น เราเป็นคนหน้ามัน แต่ผิวมีขุย มีลอก รู้สึกว่าผิวตึง ๆ หลังล้างหน้า แสดงว่าเป็นคนที่ผิวมันขาดน้ำนั่นเองค่ะ ซึ่งปัญหาผิวหน้าที่เบสิค ๆ มักจะพบได้บ่อย ๆก็จะมีรูขุมขนกว้าง ผิวขาดน้ำ/ขาดความชุ่มชื้น เป็นสิวง่าย หมองคล้ำหรือมีจุดด่างดำ เป็นต้น เมื่อเรารู้แล้วว่าปัญหาผิวเราคืออะไร ก็จะทำให้เราเลือกซื้อสกินแคร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพกับผิวที่สุดนั่นเองค่ะ รับรองเลยว่าถ้าเจาะถูกจุดใช้ยังไงก็คุ้มค่าและเห็นผลแน่นอน!
3. ลองซื้อเทสเตอร์มาใช้ก่อน
ถ้าสกินแคร์ที่เราไปสอดส่องสรรพคุณและรีวิวมาเรียบร้อยแล้วเนี่ยมีเทสเตอร์ ( Tester = ขนาดทดลอง )ก็ให้ลองซื้อเทสเตอร์มาใช้ก่อนจะดีที่สุดเลยค่ะ เพราะว่าเทสเตอร์จะมีปริมาณที่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ราคาไม่ได้สูงเท่าขนาดจริง ถ้าเราใช้แล้วเกิดอาการแพ้หรือคันขึ้นมาก็จะได้รู้สึกไม่เสียดายเท่าไหร่นั่นเองค่ะ มันอาจจะต้องเสียเงินหลายขั้นหลายตอนนะคะ แต่เพื่อไม่ให้ผิวหน้าเราพังเนื่องจากแพ้สกินแคร์ ก็ต้องใช้วิธีนี้เท่านั้นเลยค่ะ โดยเฉพาะคนที่มีผิวแพ้ง่ายนะคะ ขอบอกไว้เลยว่าสิ่งนี้ควรทำมาก ๆเพราะผิวของเราค่อนข้างที่จะไวต่อส่วนผสมบางอย่างในสกินแคร์ การซื้อเทสเตอร์มาลองก่อนจะปลอดภัยกับผิวหน้าของเราที่สุด จำไว้น้า~
4. ลองทดสอบการแพ้ก่อนใช้จริง
ได้เทสเตอร์มาแล้วอย่าเพิ่งรีบเอาไปทาผิวหน้านะคะต้องทดสอบการแพ้ก่อนซึ่งวิธีการทดสอบบอกเลยว่าง่ายสุด ๆ ให้เราเลือกป้ายสกินแคร์ไปที่ผิวบริเวณข้อพับตรงท้องแขนหรือหลังใบหูก็ได้ค่ะ ที่ให้เลือก 2 ส่วนนี้ก็เพราะว่าเป็นจุดที่ผิวมีความบอบบางที่สุด ถ้าทาตรงบริเวณผิวบอบบางแล้วไม่แพ้ก็แสดงว่าผิวหน้าเราน่าจะใช้ได้จากนั้นทิ้งไว้ 24 ชั่วโมงหรือ 1 วัน ถ้าได้เทสเตอร์มาในช่วงเย็น ๆ ก็แนะนำว่าให้อาบน้ำก่อนป้ายนะคะ หลังจากนั้นก็ปล่อยใจได้เลยค่ะ รอดูว่ามีอาการอะไรไหม ถ้าไม่มีก็แสดงว่าปลอดภัย แต่ถ้ารู้สึกคันหรือมีผื่นขึ้นแสดงว่าเราแพ้สกินแคร์ตัวนี้นั่นเองค่ะ แล้วก็ถ้ามีอาการที่มากกว่าแค่การคันหรือผื่นขึ้นก็อย่าลืมไปพบแพทย์นะคะ ไม่งั้นอาจจะอันตรายได้เน้อ
5. ถ้าไม่แพ้ก็ลองทาลงบนผิวได้เลย
ถ้าใครทาแล้วไม่แพ้ก็เอา
มาใช้ทาบนผิวหน้าได้เลย
ค่า แต่ไม่ใช่ว่าจะลงซี้ซั้วมั่ว ๆ ได้นะคะ ต้องลงตามขั้นตอนของสกินแคร์ด้วย จะเอาตัวที่เนื้อหนักมาลงก่อนตัวที่เนื้อบางเบาก็คือใช้ยังไงก็ไม่เห็นผลนะคะ ให้เรา
เริ่มจา่กสกินแคร์ตัวที่เนื้อบางเบาไปจนถึงเนื้อที่หนักที่สุด
แต่ใด ๆ ก็ตาม
ต้องอ่านวิธีการใช้ก่อนด้วย
นะคะ เพราะสกินแคร์บางตัวก็อาจจะต้องลงหลังจากเช็ดโทนเนอร์เลยก็มี ซึ่งถ้าเราไปใช้เขาในขั้นตอนอื่น ๆ อาจจะทำให้สกินแคร์ตัวนั้นใช้แล้วไม่เห็นผลได้เหมือนกันค่ะ รู้แบบนี้แล้วก็อ่านวิธีใช้ก่อนเสมอนะคะ ถ้าไม่มีแจ้งไว้ก็ให้ยึดจากเบา - หนักได้เลยค่ะ
6. ใช้ปริมาณที่เหมาะสมกับแต่ละชนิด
สกินแคร์มีหลากหลายแบบมากนะคะ ไม่ว่าจะน้ำตบ แอมพูล เซรั่ม อีมัลชัน โทนเนอร์ ครีม มาสก์ ฯลฯ มากมายก่ายกอง แต่ถ้าเราใช้มันในปริมาณที่น้อยเกินไปหรือมากเกินไปก็จะทำให้ไม่เห็นผลลัพธ์หรืออาจจะทำให้ผิวมีปัญหามากขึ้นได้ด้วยค่ะวิธีการสังเกตว่าเราใช้น้อยไปหรือมากไปก็ง่าย ๆ เลยค่ะ ถ้าน้อยไปก็จะเกลี่ยไม่ทั่วหน้า แต่ถ้ามากไปก็จะซึมเข้าสู่ผิวได้ช้า แถมยังอาจจะทำให้ผิวรู้สึกเหนอะหนะหรือมันเยิ้มได้ด้วย ถ้าไม่อยากใช้สกินแคร์ไม่คุ้มค่าละก็มาดูกันดีกว่าว่าสกินแคร์แต่ละตัวใช้ในปริมาณเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมจิ้มลงก์บทความด้านล่างได้เล้ย~
รีบเปลี่ยนก่อนสาย! รู้หรือไม่… “ สกินแคร์ ” แต่ละสเต็ปใช้ปริมาณไม่เท่ากัน
https://sistacafe.com/summaries/90390
7. ตัวไหนใช้แล้วเห็นผลก็ซื้อไซซ์จริงไปเลย!
สกินแคร์จะใช้ให้เห็นผลอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยนะคะ หรือพูดง่าย ๆ ว่าต้องใช้อย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไปนั่นเองค่ะ ซึ่งเทสเตอร์บางตัวยังไม่ถึง 1 เดือนก็หมดก่อนด้วยซ้ำ ก็ให้ทุกคนสังเกตว่าหมดขวดเทสเตอร์แล้วผิวดีขึ้นไหมถ้ารู้สึกว่าใช้แล้วดีขึ้นแบบรู้สึกได้ก็สามารถซื้อไซซ์จริงได้เลยค่ะรับรองว่าซื้อไซซ์จริงมาแล้วใช้ได้อย่างคุ้มค่าและเห็นผลแน่นอนเพราะเราได้เลือกสกินแคร์ที่ตอบโจทย์กับสภาพผิวและปัญหาผิวมาแล้วเรียบร้อย แถมยังทดสอบการแพ้แล้วด้วย
แต่ถ้าใช้แล้วไม่เห็นผลเลยว่ามันจะดีขึ้น ใช้ไซซ์จริงก็แล้วอะไรก็แล้วลองมาเช็คให้ชัวร์ด้วยบทความด้านล่างนี้กันเลยค่า ช่วยไขข้อข้องใจได้แน่นอนเล้ย
แบบนี้นี่เอง!? ส่อง 7 สาเหตุที่ใช้ 'สกินแคร์' แล้ว 'ไม่เห็นผล' พร้อมทริคใช้ง่าย ๆ แต่เห็นผลแบบปัง!
https://sistacafe.com/summaries/90464
♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦
เป็นยังไงกันบ้างคะกับวิธีการเลือกซื้อและเลือกใช้สกินแคร์ให้คุ้มค่าและเห็นผลมากที่สุดหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนใช้สกินแคร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนะคะสกินแคร์ก็ไม่ได้ราคาถูก ๆ อะเนอะ ดังนั้นก็ต้องเลือกให้ดี ให้คุ้มค่าและเห็นผลที่สุดถ้าชอบบทความนี้ก็ฝากกดแชร์บอกต่อเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆกันด้วยนะคะบทความหน้าเราจะมีอะไรมาบอกต่อก็ฝากติดตามด้วยน้าบ๊ายบายค่า ♥