รูปภาพ:https://i.pinimg.com/736x/8d/ec/c7/8decc77ee2b0c661dd3cc845e4d5de82.jpg

สวัสดีค่าา วันนี้แวะมาชวนเพื่อนๆ พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัวอย่างเพศสัมพันธ์กันค่ะ ^^

หลายคนพอได้ยินคำว่าเพศสัมพันธ์ก็เกิดอาการหน้าแดง เขินอาย ม้วนไปมาจนตัวจะบิดเป็นเกลียวอยู่แล้ว เพราะคิดว่าเป็นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าอายทั้งที่ความจริงแล้วเรื่องเพศสัมพันธ์ถือเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวของเราทุกคนอย่างมาก จึงควรศึกษาและทำความเข้าใจอย่างถูกต้องค่ะ

เพราะหากมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร หรือมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ก็อาจทำให้เกิดปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ หรือที่เรียกกันว่าการท้องไม่พร้อมตามมาได้แล้ววิธีที่จะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจก็คือการคุมกำเนิดค่ะ เราจึงอยากชวนชาวซิสไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับ“ วิธีการคุมกำเนิด ” ให้มากขึ้นว่ามีกี่แบบ และแต่ละแบบเหมาะกับใครบ้างอย่ามัวรอช้าแล้วตามไปดูพร้อมกันเลย


♥ การคุมกำเนิดมีกี่ประเภท? ♥

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/originals/92/4c/6c/924c6c0d9bcd8aa9c1c7e8afa3dbb5d9.jpg

คำถามแรกเกี่ยวกับการคุมกำเนิดที่หลายคนอยากรู้คำตอบเหมือนกันก็คือการคุมกำเนิดมีกี่ประเภท?นี่แหละค่ะ ทางเราต้องบอกเลยว่าการคุมกำเนิดมีให้เลือกหลายแบบเลยนะ ซึ่งแต่ละแบบก็มีวิธีการ ประสิทธิภาพ ข้อจำกัด และผลข้างเคียงที่แตกต่างกันออกไปโดยการคุมกำเนิดจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักคือการคุมกำเนิดแบบชั่วคราวและการคุมกำเนิดแบบถาวรค่ะ

• การคุมกำเนิดแบบชั่วคราวคือการคุมกำเนิดชนิดที่สามารถกลับมาตั้งครรภ์ได้อีกเมื่อหยุดปฏิบัติโดยการคุมกำเนิดแบบชั่วคราวมีทั้งแบบที่ใช้ฮอร์โมน เช่น การกินยาคุมกำเนิด แผ่นแปะคุมกำเนิด ยาฉีดคุมกำเนิด ยาฝังคุมกำเนิด เป็นต้น และแบบที่ไม่ใช้ฮอร์โมน เช่น ถุงยางอนามัย ห่วงคุมกำเนิด เป็นต้น

คือวิธีการคุมกำเนิดสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการตั้งครรภ์อีกต่อไปด้วยวิธีการทำหมันหญิงและการทำหมันชายค่ะ

หลังจากที่ทำความรู้จักกับการคุมกำเนิดทั้ง 2 ประเภทไปแล้วคราวนี้ก็ตามไปส่องวิธีการคุมกำเนิดแต่ละแบบต่อเลยดีกว่าว่าแบบไหนเหมาะกับใคร และมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดมากน้อยแค่ไหนค่ะ


♥ วิธีการคุมกำเนิดแต่ละแบบเหมาะกับใคร? มีประสิทธิภาพแค่ไหน? ♥

➀ ถุงยางอนามัย

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/4b/54/c3/4b54c3e6888de97f3f1a110e203046a2.jpg

เริ่มต้นด้วยวิธีคุมกำเนิดแบบแรกที่ได้รับความนิยม เพราะใช้งานสะดวกและหาซื้อได้ง่าย อย่างการใช้ถุงยางอนามัยก่อนเลยค่ะ นอกจากถุงยางอนามัยจะช่วยคุมกำเนิดและลดโอกาสเกิดการตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจ ด้วยการป้องกันไม่ให้อสุจิเล็ดลอดเข้าไปในช่องคลอดได้แล้ว ถุงยางอนามัยยังช่วยป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ที่เกิดจากการสัมผัสโดยตรงของสารคัดหลั่งและอวัยวะเพศเช่น โรคเอดส์ หนองใน กามโรค เป็นต้น โดยหากใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธีถุงยางอนามัยชายจะมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด 98%และถุงยางอนามัยหญิงจะมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด 95%เลยนะ แต่หากถุงยางอนามัยขาดหรือสวมถุงยางอนามัยไม่ถูกต้อง ก็มีโอกาสที่จะเกิดการตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจได้ค่ะ


➁ ยาคุมกำเนิด

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/2f/d8/eb/2fd8eb008c2c24911c251007b6fcc121.jpg

วิธีคุมกำเนิดแบบที่สองก็คือการใช้ยาคุมกำเนิดค่ะ โดยยาเม็ดรับประทานสำหรับช่วยคุมกำเนิดมีอยู่ 3 ชนิดด้วยกัน ชนิดแรกคือยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ที่ประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสตินและฮอร์โมนเอสโตรเจนทำหน้าที่ช่วยยับยั้งการตกไข่และเพิ่มความหนืดบริเวณปากมดลูก ยาคุมกำเนิดชนิดนี้มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดประมาณ 91% ส่วนชนิดที่สองคือยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว ที่ประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสตินเพียงตัวเดียว เหมาะสำหรับคนที่รับฮอร์โมนเอสโตรเจนไม่ได้ยาคุมกำเนิดชนิดนี้มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดประมาณ 91% และชนิดสุดท้ายคือยาคุมกำเนิดหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อยาคุมฉุกเฉิน ยาคุมกำเนิดชนิดนี้จะรับประทานในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันซึ่งยาคุมกำเนิดแต่ละชนิดก็จะมีวิธีรับประทานและผลข้างเคียงที่ต่างกัน จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนซื้อยามารับประทานทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยของตัวเราเองค่ะ


➂ แผ่นแปะคุมกำเนิด

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/39/43/bb/3943bb0555115fbd4386bdd1e5cdd109.jpg

แผ่นแปะคุมกำเนิดก็เป็นวิธีการคุมกำเนิดอีกหนึ่งแบบที่ได้รับความนิยมมากๆ ค่ะ โดยแผ่นแปะคุมกำเนิดก็คือยาคุมในรูปแบบของแผ่นแปะขนาดประมาณ 4x4 เซนติเมตรตัวแผ่นแปะจะมีส่วนประกอบของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนและฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ช่วยป้องกันการตกไข่และการปฎิสนธิ จึงช่วยลดโอกาสเกิดการตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจได้ ซึ่งวิธีใช้แผ่นแปะคุมกำเนิดมีวิธีใช้ที่ง่ายมากๆ เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องการกลืนยาหรือไม่อยากโดนฉีดยาเพราะกลัวเจ็บ เพียงแปะแผ่นคุมกำเนิดบริเวณต้นแขน ท้องน้อย หรือแผ่นหลัง แล้วเปลี่ยนแผ่นแปะคุมกำเนิดตามระยะเวลาที่ระบุไว้บนฉลากถ้าใช้แผ่นแปะคุมกำเนิดอย่างถูกต้องก็จะมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดถึง 99.7%เลยค่ะ


➃ ห่วงอนามัยคุมกำเนิด

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/a6/df/3e/a6df3e27f9d48bfc4e2b1e023489d41b.jpg

ตามมาดูวิธีการคุมกำเนิดแบบต่อไปอย่างการใช้ห่วงอนามัยคุมกำเนิดต่อเลยค่ะ สำหรับคนที่สงสัยว่าห่วงอนามัยมีหน้าตายังไง? ห่วงอนามัยคุมกำเนิดเป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่มีลักษณะคล้ายตัว Tวิธีใช้ก็จะสอดห่วงอนามัยเข้าไปในโพรงมดลูกให้เหลือสายห่วงยาวออกมาประมาณ 2-3 เซนติเมตร โดยห่วงอนามัยจะขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อนในมดลูก หากใช้อย่างถูกต้องจะมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดถึง 99.4%โดยห่วงอนามัยคุมกำเนิดมีอยู่ 2 แบบด้วยกัน แบบแรกคือห่วงอนามัยแบบมีฮอร์โมน ที่มีส่วนประกอบของฮอร์โมนลีโวนอร์เจสเตรล ช่วยคุมกำเนิดได้นาน 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับปริมาณของตัวยาส่วนอีกหนึ่งแบบคือห่วงอนามัยแบบหุ้มทองแดง ที่จะค่อยๆ ปล่อนประจุออกมาเพื่อป้องกันการปฏิสนธิของอสุจิและไข่ มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้นาน 3-10ปี แต่วิธีการคุมกำเนิดด้วยห่วงอนามัยอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ เพื่อนๆ จึงควรไปพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอค่ะ


➄ ยาฉีดคุมกำเนิด

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/00/d6/b0/00d6b01e37fa45b3850c64782258ac6a.jpg

วิธีการคุมกำเนิดแบบต่อไปที่นิยมใช้กันก็คือยาฉีดคุมกำเนิดนั่นเองค่ะซิสในประเทศไทยนิมยมใช้ยาคุมกำเนิดแบบฉีดด้วยยาชนิดที่มีฮอร์โมนโพรเจสตินอย่างเดียวโดยแพทย์จะทำการฉีดยาคุมกำเนิดบริเวณต้นแขนหรือบั้นท้ายทุกๆ 12-14 สัปดาห์กลไกการทำงานของยาฉีดคุมกำเนิดจะช่วยป้องกันการตกไข่ในแต่ละเดือน และช่วยเพิ่มความหนืดบริเวณปากมดลูกทำให้อสุจิไม่สามารถเข้าไปปฏิสนธิได้ ซึ่งการคุมกำเนิดวิธีนี้มีประสิทธิภาพประมาณ 94% แต่อาจมีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังจากที่ฉีดยาคุมกำเนิดตามมา เช่น ประจำเดือนมาไม่ปกติ ปวดหัว อารมณ์แปรปรวน ท้องอืด น้ำหนักตัวขึ้น เป็นต้น


➅ ยาฝังคุมกำเนิด

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/46/31/37/46313770af53d3c9295064e51199eff8.jpg

ส่วนวิธีการคุมกำเนิดแบบต่อไปก็คือการใช้ยาฝังคุมกำเนิดค่ะ โดยยาคุมกำเนิดแบบฝังเป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่มีลักษณะเป็นหลอดยาเล็กๆ ความยาวประมาณ 3 เซนติเมตรที่แพทย์จะทำการฝังหลอดยาเข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณต้นแขนด้านในเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่อาจรู้สึกเจ็บนิดหน่อยระหว่างการฝังยา แต่ช่วยคุมกำเนิดได้นานประมาณ 3-5 ปี และมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดถึง 99%เลยนะ พอฝังยาคุมกำเนิดเข้าไปแล้วตัวยาจะค่อยๆ ปล่อยฮอร์โมนโปรเจสตินเข้าสู่ร่างกาย ช่วยยับยั้งการตกไข่และป้องกันไม่ให้อสุจิเข้าไปปฏิสนธิแม้ว่าการใช้ยาฝังคุมกำเนิดจะเหมาะกับคนที่ต้องการคุมกำเนิดระยะยาว แต่ก็มีผลข้างเคียงที่พบบ่อยๆ อย่างประจำเดือนมาไม่ปกติ น้ำหนักตัวขึ้น หรือมีอาการปวดหัวคลื่นไส้ค่ะ


➆ การทำหมัน

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/e7/96/c1/e796c1d8b595f42a2f6040568046d3f7.jpg

และวิธีการคุมกำเนิดแบบสุดท้ายที่เรานำมาให้เพื่อนๆ ได้ทำความรู้จักกันก็คือการทำหมันที่เป็นการคุมกำเนิดแบบถาวรค่ะ โดยการทำหมันเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากมีบุตร และไม่ต้องการตั้งครรภ์อีกต่อไปในอนาคตเพราะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้เกือบ 100%เลยทีเดียววิธีการคุมกำเนิดด้วยการทำหมันก็สามารถทำได้ทั้งเพศชายและเพศหญิงเลยนะคะซึ่งสำหรับการทำหมันชาย แพทย์จะทำการผ่าตัดเพื่อผูกและตัดท่อน้ำเชื้อทั้งสองข้างในถุงอัณฑะ ทำให้อสุจิไม่สามารถออกไปปฏิสนธิกับไข่ได้ ส่วนการทำหมันหญิง แพทย์จะผ่าตัดเพื่อผูกและปิดท่อนำไข่ เพื่อไม่ให้ไข่ไปปฏิสนธิกับอสุจิ ซึ่งหลังจากผ่าตัดทำหมันเสร็จแล้วก็สามารถกลับบ้านได้ในวันเดียวกันได้เลย และใช้เวลาพักฟื้นเพียงแค่ 1-2 วันก็กลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติแล้วค่ะ


หลังจากอ่านบทความนี้จบแล้ว เพื่อนๆ ก็คงเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการคุมกำเนิดมากขึ้นกว่าเดิมแล้วนะว่า วิธีการคุมกำเนิดมีกี่แบบ แต่ละแบบมีประสิทธิภาพแค่ไหน และวิธีการคุมกำเนิดแบบไหนเหมาะกับตัวเองมากที่สุดโดยเราขอย้ำอีกครั้งว่าก่อนที่จะตัดสินใจคุมกำเนิดด้วยวิธีใดก็ตาม ชาวซิสควรศึกษาหาข้อมูลและทำความเข้าใจให้ละเอียดก่อนทุกครั้ง ที่สำคัญก็ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับตัวเองและมีประสิทธิภาพมากที่สุดค่ะ ♥