ร่างกายยังมีวันเหนื่อยล้า สมองของเราก็มีเหมือนกันนะเออ...หลายคนอาจจะไม่รู้นะคะว่าสมองเราที่มันทำงานอยู่ตลอด มันก็มีวันที่รู้สึกอ่อนล้าเหมือนกัน แล้วมันก็เกิดเป็นภาวะที่เรียกว่า" ภาวะสมองล้า " หรือ Brain Fog Syndromeขึ้นมา แต่ว่าเอ๊ะ มันคืออะไร? ล้านี่ต้องล้าแบบไหน อาการเป็นยังไง อันตรายรึเปล่า มีวิธีแก้ไขไหม ป้องกันไม่ให้มันเกิดได้รึเปล่า? เราจะมาไขคำตอบให้ทุกคนในบทความนี้กันค่ะ แถมยังมีบอกถึงอาหารที่ช่วยบำรุงสมองด้วยนะเออ ถ้าอยากจะรู้จักภาวะนี้ให้มากขึ้นแล้วก็มาทำความรู้จักกับมันกันได้เลยค่ะ



มารู้จัก " ภาวะสมองล้า " พร้อมเช็กสัญญาณเตือน!


" ภาวะสมองล้า ( Brain Fog Syndrome ) " คืออะไร?

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/8d/98/7b/8d987b1811496b6c38b548ffecf619b2.jpg

ภาวะสมองล้า หรือ Brain Fog Syndromeเปรียบเสมือนการที่หมอกลงในสมองนะคะเป็นอาการที่เกิดจะภาวะเครียดโดยไม่รู้ตัวเนื่องจากสมองถูกใช้การอย่างหนักซึ่งปัญหาก็อาจจะเกิดจากการเร่งรีบทำงานให้เสร็จ พักผ่อนน้อย หรือใช้เวลาทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์มากเกินไป จนทำให้สารสื่อประสาทในสทองเสียสมดุลประสิทธิภาพการทำงานของสมองเราจึงแย่ลงนั่นเองค่ะแล้วถ้ามันเกิดขึ้นบ่อย ๆ ก็อาจจะกลายเป็นสาเหตุของโรคต่าง ๆ ได้นะคะ เช่น โรคกระเพาะ, โรคอ้วน, ภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติ, โรคเบาหวาน ฯลฯ


" ภาวะสมองล้า " มีสาเหตุจากอะไร?

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/50/b4/5a/50b45a7eb565138bff057f97d1f806d7.jpg

สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะสมองล้าก็มาจากหลากหลายเหตุผลนะคะ แต่หลัก ๆ มาจากไลฟ์สไตล์ของเราที่เปลี่ยนไปนี่แหละค่ะ1. คลื่นแม่เหล็ก: ที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์ แท็ปเลต ไอแพด มือถือมากเกินไป จนมันไปรบกวนการหลั่งสารสื่อประสาทในสมอง

2. ความเครียด: ยิ่งเครียดจะยิ่งทำให้สมองใช้งานหนักขึ้นนะคะ การไหลเวียนเลือดก็จะลดลงอีก ยิ่งทำให้เรารู้สึกมึน ๆ ปวดหัวได้ง่ายขึ้นนั่นเองค่ะ3. ขาดสารอาหาร: ขาดพวกกรดอะมิโน วิตามินต่าง ๆ เกลือแร่ และสารต้านอนุมูลอิสระ

4. นอนดึก นอนไม่เพียงพอ และไม่ออกกำลังกาย

5. สารพิษในชีวิตประจำวัน:สารเคมี มลภาวะ ยาฆ่าแมลงที่ปนเปื้อนในอาหาร น้ำดื่มและอาหารที่ไม่สะอาด


มีอาการเตือนแบบไหนบ้าง?

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/63/2e/dd/632edd71b67d389928a03393f44d0d29.jpg

แล้วเราจะรู้ได้ยังไงกันว่าเราอยู่ในภาวะสมองล้ารึเปล่า มีอาการแบบไหนบ้างนะที่บ่งบอกว่าเราอยู่ในภาวะสมองล้า มาเช็กลิสต์กัน!• นอนไม่หลับ• มีอาการปวดหัวเรื้อรัง• สายตาอ่อนเพลีย• ไม่สดชื่น• ขี้หลงขี้ลืม• อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย• สมาธิเริ่มสั้นลง ความจำก็เช่นกัน• การจัดการแก้ไขปัญหาแย่ลง• ความคิดสร้างสรรค์ที่เคยมีเริ่มหายไป


ปรับพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยงกันเถอะ!

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/d3/58/af/d358afba88b3b711e13ca32fa0160c0b.jpg

ถ้าใครยังไม่เข้าข่ายว่าเสี่ยงเป็นก็อยากจะให้ทุกคนลองหันมาปรัยบพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยงกันค่ะ โดยวิธีการมีดังนี้...

1. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และต้องไม่ลืมมื้อเช้า

3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ครั้งละไม่ต่ำกว่า 30 นาที อย่างน้อย 3 - 5 ครั้ง/สัปดาห์

4. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงที่มีความเครียด

5. หยุดเล่นโซเชียลหรือหยุดเสพข่าวที่มีความเครียดในช่วงที่ตัวเราก็มีความเครียดอยู่แล้ว

6. มองโลกในแง่บวก ปรับอารมณ์ หากิจกรรมทำให้ผ่อนคลาย

7. รู้จักการจัดลำดับความสำคัญ จะช่วยทำให้ความเครียดลดน้อยลง

8. ฝึกสมาธิ เมื่อจิตใจเราสงบ เราจะไม่เครียดทำให้สมองไม่ต้องทำงานหนักนั่นเองค่ะ


การทานอาหารบำรุงสมองช่วยได้นะ!

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/originals/68/2f/53/682f534e07bc79acdcd179d19d481dec.jpg

ถ้าอยากให้สมองของเราแข็งแรง ๆ ก็แนะนำเลยค่ะว่าต้องทานอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะ...1. ปลา: โดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึก อย่างแซลมอน ทูน่า แฮริง ฯลฯ2. ไข่ไก่: มีสารโคลินที่จะช่วยเรื่องของความจำและการทำงานของสมอง3. ผักโขม: มีเอนไซม์ที่ดีต่อปลายเซลล์ประสาท ช่วยลดอาการความจำเสื่อมในผู้หญิงได้ดีมาก ๆ4. พืชตระกูลถั่ว: มีวิตามินดีที่สำคัญต่อระบบความจำและกระบวนการคิด แถมยังมีโปรตีนสูง ไขมันดี แล้วก็เป็นแหล่งรวมโปรตีนอีกด้วย5. แปะก๊วย: เป็นพืชสมุนไพรที่ช่วยรักษาโรคสมองเสื่อมและโรคซึมเศร้า6. ผลไม้รสเปรี้ยวและผลไม้ตระกูลเบอร์รี: ช่วยทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดี  ลดความดันโลหิตสูง มีวิตามินดีและมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูงอีกด้วย7. ช็อกโกแลต: อ่านไม่ผิดค่า ช็อกโกแลตนี่แหละที่จะช่วยทำให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระเยอะ ซึ่งมันจะช่วยเรื่องระบบไหลเวียนเลือดนั่นเองค่า



ได้รู้จักภาวะสมองล้ากันมากขึ้นแล้วใช่ไหมคะ?หวังว่าทุกคนจะยังไม่ตกอยู่ในภาวะนี้กันน้า หรือถ้าใครที่เข้าข่ายก็สามารถไปพบแพทย์เพื่อให้เขาตรวจอย่างละเอียดอีกทีก็ได้นะคะอาการที่เราบอกมันเป็นอาการเบื้องต้น แต่ถ้ารู้สึกว่าอาการเรามันน่าจะใช่ ก็ไปหาหมอจะดีที่สุดค่ะจะได้มั่นใจแล้วก็รักษาทันด้วย ส่วนใครที่ไม่ได้ตกอยู่ในภาวะนี้ก็อยากให้ป้องกันและดูแลตัวเองกันเยอะ ๆ ด้วยนะคะทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอด้วย ร่างกายจะได้แข็งแรง ๆตอนนี้เราก็หมดเวลาแล้ว ต้องลาทุกคนไปก่อน กลับมาเจอกันใหม่ในบทความหน้านะคะ บ๊ายบาย ♥