Halo Effect ว่าด้วยเรื่องหลุมพลางทางความคิดและแนวคิดเชิงเทิดทูน | บทความของ Allaboutthebass

ฮัลโหลซิสสส ♡ยินดีต้อนรับทุกคนกลับมาสู่บทความเราอีกครั้ง วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับHalo Effectกัน คิดว่าบางคนอาจจะเคยได้ยินทฤษฎีนี้มาก่อนหรืออาจจะประสบพบเจอกับตัวเองแต่ไม่รู้ว่ามันคือ Halo Effect ?? วันนี้เราเลยจะมาอธิบายให้ทุกคนฟังและมากไปกว่านั้นเรายังจะมีวิธีที่สาว ๆ สามารถนำทฤษฎีไปใช้ด้วยงั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า

Halo Effect คืออะไร ?

ในหลายสถานการณ์ halo effect

ก็ทำให้เราตัดสินอะไรโดยลำเอียงโ

ดยที่ไม่ได้คิดอย่างถี่ถ้วน

เช่น

การมองว่าคนที่หน้าตาดี มีภูมิฐานที่ดี จะเป็นคนที่เก่งและมีความสามารถมากกว่าคนอื่น ถึงแม้เราอาจจะไม่รู้จักเขาด้วยก็ตาม

เหมือนกับการที่เราเดินไปร้านคาเฟ่ มีคนสองคนนั่งอยู่ คนนึงที่กำลังใส่สูท และอีกคนที่ใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ หลายคนคง

มีแนวโน้มที่จะตัดสินไปแล้วว่าคนที่ใส่สูท ต้องทำงานในบริษัทหรือไม่ก็ทำงานที่มีคนนับหน้าถือตา ?

แต่จริงๆ แล้วนั้น อาจจะในทางกลับกัน คนที่ใส่สูทอาจจะไม่ได้ทำงานที่มีคนนับหน้าถือตา เขาอาจจะเป็นคนธรรมดา ๆ ที่วันนี้อยากจะลองใส่สูทออกไปข้างนอกเฉย ๆ และคนที่ใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์นั้น

ก็อาจจะเป็นประธานบริษัทก็ได้

อย่างแรกเลยเคยได้ยินคำว่าคนที่ใช่ทำอะไรก็ถูกไปหมดไหม ?นั่นแหละค่ะ นั่นคือHalo Effectคำอธิบายอย่างเป็นทางการของทฤษฎี Halo Effect ก็คือการที่เราตัดสินว่าคนหรือสิ่งหนึ่งนั้นดีเลิศจากเพียงแค่ภายนอกของมัน ซึ่งก็จะฟังดูคล้าย ๆ กับการ stereotype เลยค่ะ

ซึ่งแนวคิด Halo Effect ได้มีการเริ่มขึ้นในปี 1920 จากบทความ The Constant Error in Psychological Ratings โดย Thorndike นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ที่ได้ทำการทดสอบและชี้ให้เห็นผ่านตัวอย่างจากภาพวาดในสมัยยุคกลาง ที่ส่วนใหญ่แล้วนักบุญมักมีวงแหวนอยู่บนหัวเพื่อที่จะแสดงให้ถึงความศักสิทธิ์ ความน่าเคารพนับถือ หรือความดีที่เป็นที่ประจักษ์ และยังมีการแสดงให้เห็นว่าโดยทั่วไปคนมักจะคิดว่าคนที่มีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดี มักที่จะเป็นคนที่มีความสุข มีหน้าที่การงานที่ดี และก็ประสบความสำเร็จในชีวิตการแต่งงานถึงแม้จะไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานอะไรมาชี้ก็ตาม(Dion et al., 1972).

ในหลายสถานการณ์Halo Effect

ก็ทำให้เราตัดสินอะไรลำเอียงโดยที่ไม่ได้คิดอย่างถี่ถ้วน

เช่น

การมองว่าคนที่หน้าตาดี มีภูมิฐานที่ดี จะเป็นคนที่เก่งและมีความสามารถมากกว่าคนอื่น ถึงแม้เราอาจจะไม่รู้จักเขาก็ตาม

เหมือนกับการที่เราเดินไปร้านคาเฟ่ มีคนสองคนนั่งอยู่ คนนึงที่กำลังใส่สูท และอีกคนที่ใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ หลายคนคงมีแนวโน้มที่จะตัดสินไปแล้วว่าคนที่ใส่สูท ต้องทำงานในบริษัทหรือไม่ก็ทำงานที่มีคนนับหน้าถือตา ? แต่จริง ๆ แล้วนั้น คนที่ใส่สูทอาจจะไม่ได้ทำงานที่มีคนนับหน้าถือตา เขาอาจจะเป็นคนธรรมดา ๆ ที่วันนี้อยากจะลองใส่สูทออกไปข้างนอกเฉย ๆ และคนที่ใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์นั้น

ก็อาจจะเป็นประธานบริษัทก็ได้

มันคือการตัดสินคนที่ภายนอก ใช้คำนี้น่าจะค่อนข้างที่จะชัดเจน การตัดสินว่าคนคนนึงดีหรือเก่งเพียงเพราะ first impression หรือในบางกรณีก็อาจจะรวมไปถึงการเลือกปฏิบัติ คนที่หน้าตาดีมักจะถูกปฏิบัติดีมากไปกว่าคนที่อาจจะไม่ได้มีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดึงดูด

▼△▼△▼△▼△▼▼△▼△▼△▼△▼▼△▼△▼△▼△▼▼△▼△▼△▼△▼

▼△▼△▼△▼△▼▼△▼△▼△▼△▼▼△▼△▼△▼△▼▼△▼△▼△▼△▼▼△▼△▼△▼△▼

โดยทั่วไปแ

ล้วเรามักจะพบได้ในก

ารเฟ้นหา

เช่น

การรับสมัครงาน

เพราะส่วนใหญ่แล้วมันคือการที่เรา

ตัดสินคนบางคนจากภายนอกก่อน จากเสื้อผ้าที่เค้าสวมใส่ จากรูปร่างหน้าตา

หรือแม้กระทั่งบางครั้ง Halo Effect ก็อาจจะแสดงออกมาผ่านการเลือกจากชื่อเสียงของมหาลัย

จากงานวิจัยของ

Journal of Experimental Social Psychology

ในปี 2021 แสดงให้เห็นว่าคนมักที่จะตัดสินว่า

เด็กจบใหม่จากมหาวิทยาลัยชื่อดังจะมีความเก่งกาจและมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้

มากกว่าคนที่จบจากมหาวิทยาลัยที่ไม่มีชื่อเสียง

ถึง

แม้ว่าผลเกรดหรือว่าผลวัดระดับของพวกเขาจะมีระดับเดียวกัน

ซึ่งในข้อนี้นั้นหลายคนก็น่าจะเห็นชัด โดยเฉพาะหัวอกของเด็กจบใหม่ ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าในหลายครั้งชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยนั้นส่งผลต่อการรับสมัครงานในยุคปัจจุบัน แต่ถึงอย่างนั้นก็อย่านอยด์ไปเลยนะทุกคน" เราเชื่อว่าสุดท้ายแล้วคนเก่งก็ต้องได้ทำงานในที่ดี ๆ แน่นอน "

หรืออีกตัวอย่างหนึ่ง

ในวงการของการเป็นศิลปินคือ

การดูแลภาพลักษณ์นั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะว่ามันส่งผลต่อสิ่งที่คนดูหรือแฟน ๆ รู้สึกต่อตัวศิลปินเอง และอย่างเช่นใน

วงการการเมือง

หลายครั้งเราถึงได้เห็น

นักการเมืองพยายามที่จะทำตัวให้ดูมีภูมิฐานอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะเรียกความไว้เนื้อเชื่อใจจากประชาชน

Halo Effect เนี่ยมักจะแฝงอยู่ในคราบของคำว่าต้องวางตัวให้ดีสิ ในสถานะของการเป็นบทบาทต่าง ๆเช่น การเป็นครู การเป็นนักศึกษา การเป็นผู้บริหาร มักจะมีรูปแบบการวางตัวที่ดีที่ถูกบัญญัติไว้

ก็อย่างเช่นในการที่จะหาแฟนคิดว่าหลายครั้งสาว ๆ ก็คงพยายามที่จะทำให้ตัวเองดูดีอยู่ตลอด หมั่นดูแลหน้า ดูแลผม และแต่งตัว เพราะว่านั่นคือสิ่งที่คนนอกมันจะมองเราส่วนตัวเรามองว่าสำคัญ แต่ถึงอย่างนั้นก็อย่าเอาคุณค่าทุกอย่างของตัวเองไปฝากไว้เพียงแค่ภายนอกเพราะสุดท้ายแล้วคนที่ถูกรับสมัครงานเพียงเพราะดูดีแต่ความสามารถอาจจะไม่ได้ดี ก็จะทำงานออกมาได้ไม่ดีอย่าลืมว่าสุดท้ายแล้วเนื้อแท้ของการรับสมัครงานอยู่ที่ความสามารถ และเช่นเดียวกับการคบหา เนื้อแท้ของความรักอยู่ที่การซื่อสัตย์ การคอยดูแล และเอาใจใส่

แน่นอนล่ะว่าการดูดีอาจจะทำให้เราได้เข้าไปทำงานในที่ดี ๆ เข้าไปอยู่ในวงการ แต่สุดท้ายแล้วความสามารถและความเป็นเอกลักษณ์ต่างหากที่จะทำให้คนคนหนึ่งไปได้ไกลและไปได้ดี

หรือการมีแฟนเองก็เช่นกัน

เราไม่ควรที่จะคบใครเพียงเพราะว่าเค้าดูดี

เ

พราะเพียงแค่การดูดีไม่ได้ทำให้เรารู้สึกถูกรัก

การดูดีไม่ได้ทำให้ใครอบอุ่น

การดูดีไม่ได้กอดเรา

การดูดีไม่ได้ทำให้เขาเป็นคนซื่อสัตย์ในความรัก การดูดีไม่ได้เปิดประตูรถหรือซื้อดอกไม้ให้

เพราะถึงแม้เราจะตัดสินกันที่ภายนอก แต่สุดท้ายแล้วสิ่งสำคัญมันก็อยู่ที่ภายในอยู่ดี

การใช้ประโยชน์จาก Halo Effect

แล้วเราจะสามารถใช้ประโยชน์อะไรจาก Halo Effect ได้หล่ะ ?ด้วยความที่Halo Effectมันคือกลลวงทางจิตวิทยา เราจึงสามารถที่จะหาข้อดีจากมัน ได้ด้วยการหมั่นที่จะดูแลตัวเอง ว่ากันว่าคนเรามักจะตัดสินกันที่ภายนอกก่อนเสมอ เพราะฉะนั้นการหมั่นที่จะดูแลรูปลักษณ์ภายนอก เสื้อผ้าที่สวมใส่ การพูดจาและการวางตัวถึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ฉะนั้นจะทำให้คนที่เพิ่งเคยเจอเราอาจจะมองว่าเราเป็นคนที่มีภูมิฐาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับคนที่ใช้ในการสมัครงานนะคะใช้มันเป็นเพียงแค่สะพานเพื่อข้ามไปสู่บางสิ่ง เพราะแน่นอนว่ามันใช่จะให้ทุกอย่างที่เราต้องการและในชีวิตจริง อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้การหาแฟนเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าคนอื่นการจะตัดสินว่าเราเป็นคนเก่งจากแค่ภายนอก ก็อย่าเป็นคนดูดีแค่ภายนอก จงเป็นคนเก่งและดีโดยเนื้อแท้กันเถอะ !!

ส่งท้ายก่อนจาก

ทุกคนมีความคิดเห็นยังไงกันบ้างกับทฤษฎี Halo Effectคิดว่าพอรู้ข้อมูลแล้วหลายคนคงอาจจะถึงบางอ้อ และคิดขึ้นมาได้ว่า เฮ้ย ! เราก็เคยเจอสถานการณ์แบบนี้นี่หว่า เพราะว่านี่คือสิ่งที่มักจะพบได้ในหลายวงการและในหลายช่วงอายุเช่นกัน เราหวังว่าทุกคนที่อ่านบทความนี้จะได้ตกตะกอนคิดอะไรบางอย่างหรืออาจจะนำข้อคิดไปปรับใช้ในชีวิตตัวเอง ขอให้ทุกคนโชคดีและพบกันในบทความต่อไปนะคะ