1. SistaCafe
  2. จัดฟันครั้งแรกแบบไหนดี และข้อควรรู้การเตรียมตัวก่อนจัดฟัน

สวัสดีค่ะชาวซิส! วันนี้เราก็จะมาจับเข่าเมาท์มอยในเรื่องของความสวยความงามกันเหมือนเดิมแต่ในวันนี้ต้องกระซิบบอกก่อนเลยว่าไม่ได้มาในเรื่องของ ผม ผิว เล็บแต่จะมาพูดกันในเรื่องของช่องปากในส่วนของการ "จัดฟัน" หรือการดัดฟันค่ะ เพราะการดัดฟันเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับความสวยของหลายๆ คน ที่จะช่วยสร้างความมั่นใจ ความมีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น ดังนั้นบทความนี้จะมาช่วยให้เพื่อนๆ ที่สนใจจะจัดฟันได้คำตอบว่า ก่อนการจัดฟันต้องรู้อะไรบ้าง ใครบ้างที่ควรจัด และมีการจัดฟันกี่แบบ แบบไหนดีที่จะเหมาะกับเรา เริ่มด้วยเช็กก่อนเลยว่าทำไมเราต้องจัดฟัน

เลือกอ่านตามหัวข้อ

การจัดฟันคืออะไร ทำเพื่ออะไร ?


ในยุคหนึ่งก่อนหน้านี้หลายคนอาจจะเริ่มได้ยินหรือสนใจคำว่าจัดฟัน หรือเทรนด์การดัดฟันก็เมื่อช่วงที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น แต่ยุคหลังๆ มาการจัดฟันไม่ได้จำกัดอยู่ช่วงวัยรุ่นอีกต่อไป แต่ยังขยายวงกว้างมากขึ้น ทั้งช่วงอายุที่หลากหลายมากขึ้น และวงการอาชีพต่างๆ ที่มักใช้การจัดฟันช่วยเสริมบุคลิกภาพมากขึ้น อย่างการเป็นนักแสดง นักร้อง ผู้ประกาศข่าว พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน อินฟลูเอนเซอร์ เป็นต้น โดยเฉพาะช่วงหลังๆ ที่มักจะเห็นได้บ่อย ๆ ก็มักจะเป็นการจัดฟันแบบใสที่เยอะขึ้น ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วหลายคนมักเข้าใจแค่เบื้องต้นว่าการจัดฟันจะช่วยทำให้ฟันสวย เรียงตัวได้ดี ซึ่งนั่นถือว่าเป็นประโยชน์เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นค่ะ เพราะจริง ๆ แล้วการจัดฟันยังช่วยแก้ปัญหาฟันได้อีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาฟันซ้อนเก ฟันห่าง ฟันไม่สบกัน การมีช่องว่างระหว่างฟัน ปรับการเรียงตัวของฟันและขากรรไกร อีกทั้งยังช่วยปรับโครงหน้าให้เข้ารูป และเมื่อเรามีรูปฟันที่สวยงามและโครงหน้าที่เข้าที่มากขึ้นความมั่นใจก็ตามมาด้วย

สิ่งสำคัญของการจัดฟันคือทุกการตัดสินใจแก้ปัญหาฟันด้วยการจัดฟันจำเป็นจะต้องผ่านการวินิจฉัยของแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพื่อให้แพทย์ระบุว่าจำเป็นจะต้องถอนฟัน อุดฟัน รวมถึงการผ่าตัดขากรรไกรก่อนที่จะดัดร่วมด้วยหรือไม่ รวมทั้งให้คำปรึกษาเรื่องรูปแบบการจัดฟันที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคลด้วย

การจัดฟันมีกี่แบบ มีอะไรบ้าง ?

หากพูดถึงการจัดฟันเชื่อว่า การจัดฟันแบบเหล็ก และการจัดฟันแบบใส น่าจะเป็นประเภทที่เพื่อน ๆ หลายคนให้ความสนใจและได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ แต่จริง ๆ แล้วนั้น การดัดฟันสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้


1. จัดฟันแบบโลหะ หรือจัดฟันเหล็ก (METAL BRACES) : เป็นการจัดฟันที่เราสามารถพบเห็นกันได้โดยทั่วไป โดยใช้อุปกรณ์ติดแน่นบนฟัน (Bracket) เป็นสีโลหะสีเงิน ร่วมกับการใช้ยางรัดลวดจัดฟันให้ติดกับ Bracket เพื่อดึงฟันให้เข้าที่นั่นเองค่ะ

ข้อดี

  • ราคาไม่สูงมากและค่อนข้างถูกกว่าการจัดฟันประเภทอื่น
  • ไม่ต้องถอดเข้าหรือออกบ่อยๆ ถอดออกทีเดียวเมื่อครบกำหนดเวลา

ข้อควรระวัง

  • ลวดจัดฟันทิ่มปากระหว่างช่วงที่จัดฟันได้ตามสถานการณ์ อาจเป็นแผลร้อนใน เป็นๆ หายๆ ได้ตลอด
  • ช่วงการปรับลวดจะปวดฟัน
  • ลวดอาจมีการเลื่อนตามการเคี้ยวอาหาร
  • เศษอาหารติดตามเหล็กได้ง่าย เป็นได้บ่อยแบบไม่รู้ตัว

2. จัดฟันแบบดามอน (DAMON SYSTEM) : เป็นรูปแบบการจัดฟันเหมือนจัดฟันแบบโลหะ แต่จะมีกลไกลและอุปกรณ์ในการดัดที่ค่อนข้างซับซ้อน เพราะการจัดฟันแบบดาม่อนจะไม่มีการใช้ยางในการดึงฟัน จึงค่อนข้างติดแน่น และง่ายต่อการทำความสะอาด ทำให้การจัดฟันประเภทนี้มีราคาที่ค่อนข้างสูงนั่นเองค่ะ

ข้อดี

  • ใช้ระยะเวลาการไปหาหมอน้อยกว่า ระยะเวลาการจัดของบางเคสอาจสั้นกว่า
  • ไม่เจ็บมาก เจ็บเฉพาะตอนแพทย์ดึงฟัน
  • ไม่ต้องเกี่ยวยาง

ข้อควรระวัง

  • ฟันไม่สบกันเป๊ะมาก บางเคสอาจมีฟันซ้อนกัน หรือห่างกัน ทำให้มีเศษอาหารติดได้
  • เหมาะกับคนที่มีงบประมาณพอสมควร เพราะค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงหลักหมื่นปลายถึงแสน

3. จัดฟันเซรามิก สีเหมือนฟัน (CERAMIC BRACES) : จะมีรูปแบบการดัดเหมือนกับการใช้เหล็กจัดฟันปกติทั่วไปเลยค่ะ เพียงแต่จะมีการเปลี่ยนตัววัสดุที่ใช้ในการดัดจากเหล็กไปเป็นเซรามิคที่มีสีเดียวกันฟันของเรา และมักใช้ยางสีใส จึงทำให้มองเห็นเครื่องมือจัดฟันไม่ชัดเจน แต่ในส่วนของลวดก็ยังคงเป็นโลหะสีเงินปกติเลยนะคะ โดยทั่วไปการจัดฟันแบบนี้จะราคาสูงกว่าแบบโลหะ

ข้อดี

  • ใกล้เคียงสีฟันจริง มีความเนียนสวยงาม เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้รอยยิ้มในการทำงาน
  • เซรามิกเป็นวัสดุที่แข็งแรงจึงทนต่อคราบและการเปลี่ยนสีได้ดี

ข้อควรระวัง

  • วัสดุแบบเซรามิกสามารถแตกหักได้ ควรระวังเมื่อเคี้ยว กัด แทะ ของแข็ง
  • อาหารสีเข้มสามาารถเปลี่ยนสียางให้เข้มขึ้นได้
  • บางกรณีอาจใช้เวลาจัดฟันยาวนานขึ้นเพราะใช้แรงในการจัดเคลื่อนฟันน้อยกว่า

4. จัดฟันแบบใส (CLEAR ALIGNER) : เป็นรูปแบบใสที่ค่อนข้างนิยมสูงในปัจจุบันและราคาก็สูงด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นการจัดฟันแบบไร้เครื่องมือ หมายถึงไม่มีลวดเหล็กมาสร้างความลำบากใจ รวมถึงไม่จำเป็นต้องคอยดึงยางหรือเปลี่ยนเหล็กในทุกเดือน ซึ่งตัวเครื่องมือดัดฟันจะเป็นพลาสติกใสที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะเฉพาะบุคคล โดยการจัดฟันของแต่ละคนอาจมีพลาสติกใสสำหรับใส่เพียงชุดเดียวจนครบระยะเวลาที่กำหนดหรือหลายชุดสับเปลี่ยนกันไปก็ได้ ขึ้นกับลักษณะฟันหรือปัญหาของฟันที่ต้องแก้ไข และในแต่ละชุดก็จะมีระยะเวลาในการใส่ มีการสังเกตการเคลื่อนของฟันก่อนจะเปลี่ยนเป็นชุดถัดไป

ข้อดี

  • เวลาใส่จะดูแทบไม่ออกว่ากำลังดัดฟันอยู่ เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการให้เห็นการดัดฟันที่ชัดเจนเช่นเวลาอยู่หน้ากล้อง
  • ช่วยลดความเสี่ยงของอาการเจ็บในช่องปากหรือกระพุ้งแก้มได้ ดังเช่นที่ ทพญ.วรรณพร มรรคดวงแก้ว ทันตแพทย์ทางด้านความสวยงาม (Dr.Vanaporn Makaduangkeo ,DDS Cosmetic Dentistry) อธิบายไว้ว่า บางครั้งการดัดฟันแบบเหล็กอาจมีบางจังหวะที่เหล็กเกี่ยวกระพุ้งแก้ม หรือมีเหตุการณ์ที่โดนกระแทกที่หน้าหรือช่วงแก้มแรงๆ ก็อาจจะมีแผลในช่องปากจากปุ่มเหล็กจัดฟันได้ง่าย ในขณะที่การจัดฟันแบบใสจะมีปุ่มเล็กๆ สีเหมือนฟันติดบนผิวฟัน ทำหน้าที่เหมือนจุดยึดเกาะให้แผ่นใส (Aligner) ออกแรงดึงหรือดันฟันให้เคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่ต้องการได้ถูกต้อง การเสียดสีกับกระพุ้งแก้มก็จะไม่ระคายเคืองหรือเจ็บเท่าแบบเหล็ก
  • ถอดง่ายใส่ง่าย ยืดหยุ่นในการถอดและใส่

ข้อควรระวัง

  • ควรใส่ให้ครบตามเวลาที่กำหนด 22 ชั่วโมงต่อวัน เว้นเฉพาะตอนกินข้าว เพื่อผลลัพธ์ที่ดีตามการคำนวณ
  • ไม่ควรกัดเคี้ยวของแข็ง เหนียว หรือแทะ อาจทำให้เครื่องมือจัดฟันเสียหายได้
  • เหมาะกับคนที่มีงบประมาณพอสมควร ราคาตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสน

5 ข้อควรรู้ก่อนจัดฟัน จัดฟันครั้งแรก เตรียมตัวยังไงดี ?

ทีนี้ถ้าเราตัดสินใจจะจัดฟันครั้งแรกเราควรจะเตรียมตัวยังไงบ้าง ใช้เวลาเท่าไหร่ หรือควรเตรียมงบประมาณแค่ไหนกันนะ

1. ก่อนจัดฟันควรปรึกษาแพทย์

แม้เราจะเห็นว่าปัญหาฟันของเราคืออะไร แต่ก่อนที่จะมีการจัดฟันควรผ่านการวินิจฉัยจากทันตแพทย์ก่อนนะคะ เนื่องจากความยาก ความซับซ้อนของปัญหาฟันนั้นแตกต่างกันออกไป รวมถึงระยะเวลาในการดัดของแต่ละเคสก็ไม่เหมือนกัน รวมถึงในบางรายอาจต้องมีการผ่าตัด รวมถึงเคลียร์ช่องปากให้เรียบร้อยก่อนที่จะเริ่มดัดฟัน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องผ่านการวินิจฉัยของแพทย์ก่อนนั่นเอง

2. วางแผนขั้นตอนและระยะเวลาในการจัดฟัน

หลังจากที่มีการวินิจฉัยจากแพทย์เรียบร้อยแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ควรสอบถามข้อมูลจากแพทย์เลยคือจะต้องมีขั้นตอนอะไรบ้าง ? ใช้เวลากี่ปี ? เพราะกว่าจะไปสู่การดัดฟัน ต้องมีการจัดการช่องปากและฟันให้พร้อมสำหรับการดัดฟันก่อน เนื่องจากเครื่องการจัดฟันจะอยู่ในปากเราไปเป็นปี ๆ เลย ดังนั้นไม่ใช่ว่าหลังการปรึกษาแพทย์แล้วจะสามารถดัดฟันได้เลยทันที

3. วางแผนงบประมาณการจัดฟัน

เมื่อทราบขั้นตอนต่าง ๆ ในการดัดฟันแล้ว หลังจากนั้นเพื่อน ๆ เองก็ ควรมาจัดสรรงบประมาณให้พร้อมนะคะ เพราะนอกจากค่าดัดฟันแล้วยังมีค่าใช้จ่ายที่ต้องมาพบคุณหมอในแต่ละเดือนและการจัดฟันบางประเภทต้องมีการเปลี่ยนอุปกรณ์อยู่เรื่อย ๆ และก่อนที่เข้าสู่ขั้นตอนการจัดฟันอาจต้องมีการตรวจเอ็กซ์เรย์ พร้อมจัดการช่องปากและฟัน บางเคสก็อาจมีการถอนฟัน อุดฟันด้วย ซึ่งขั้นตอนนี้ก็มีค่าใช้จ่ายด้วยเหมือนกันค่ะ

ค่าใช้จ่ายในการจัดฟันโดยปกติจะอยู่ที่ 30,000 บาทขึ้นไป จนถึง 50,000 บาท แต่บางประเภทที่มีปัญหาฟันซับซ้อนก็อาจใช้ระยะเวลานานขึ้น ใช้งบประมาณที่สูงขึ้นตามไปด้วย หรือการจัดฟันด้วยวิธีจัดฟันใสก็อาจใช้งบประมาณที่เพิ่มสูงขึ้นถึงหลักแสนได้

สำหรับทุกวันนี้การจัดฟันสามารถแบ่งชำระได้ รวมถึงมีโปรโมชันต่างๆ ที่น่าสนใจ ยังไงใครที่มีแผนจะจัดฟันก็อย่าลืมศึกษาข้อมูลของแต่ละสถานพยาบาลให้ครบถ้วนและถี่ถ้วนด้วยนะคะ



4. จัดฟันจะต้องรู้สึกเจ็บอยู่แล้ว ดังนั้นต้องอดทนในการจัดฟัน

ไม่ว่าจะเป็นการจัดฟันประเภทไหนก็ต้องต้องอาศัยความอดทนและระยะเวลาด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งจะเร็วหรือจะช้าก็ขึ้นอยู่กับปัญหาฟันของเพื่อน ๆ ด้วยค่ะ ดังนั้นหากอยากให้ฟันเรียงตัวสวย และมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นก็อย่าพึ่งย่อท้อนะคะ อดทนทำไปเรื่อย ๆ รับรองว่าฟันของเพื่อน ๆ จะต้องเข้าที่และออกมาสวยกันอย่างแน่นอน ซึ่งโดยส่วนมากจะใช้เวลาในการดัดฟันอยู่ที่ประมาณ 1 ปีขึ้นไปค่ะ และในส่วนของคำถามที่ว่า จัดฟัน เจ็บไหม ? บอกเลยว่าแล้วแต่เคส บางเคสอาจรูํ้สึกว่า " ระหว่างทำไม่เจ็บเลยค่ะ "เนื่องจากทางคุณหมอจะทำการฉีดยาชาให้ก่อนนั่นเอง แต่หลังจากผ่านไปแล้ว 1 วัน เพื่อนๆ อาจมีความรู้สึกตึงๆ เกิดขึ้นได้ แล้วจากนั้นจึงค่อย ๆ บรรเทาลง หากมีอาการปวดมากสามารถทานยาแก้ปวดพาราเซตามอลได้ แต่ไม่แนะนำให้กินยาแก้ปวดประเภทอื่น ๆ นะคะ เนื่องจากฤทธิ์ของยาอาจทำให้ฟันไม่เคลื่อนที่อย่างที่ควรจะเป็นได้

5. ต้องมีวินัย รักษาความสะอาดระหว่างการดัดฟัน

เพราะเครื่องมือดัดฟันจะอยู่ในปากของเราตลอด 24 ชม. แถมอยู่นานเป็นปี ๆ และจะมีโอกาสได้เข้าไปให้หมอทำความสะอาดเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น เพราะแบบนี้การรักษาความสะอาดในระหว่างการดัดฟันจึงเป็นอะไรที่สำคัญมาก เพราะหากมีฟันผุระหว่างการดัดฟันจะต้องมีการรื้อเครื่องมือใหม่เพื่ออุดฟันก่อน ทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เสียทั้งเงินเสียทั้งเวลาเพิ่มไปอีก

สรุป การจัดฟันช่วยแก้ปัญหาฟันได้ดี แต่ต้องมีวินัยและมีงบประมาณ

ต้องยอมรับว่าการจัดฟันช่วยแก้ปัญหาเรื่องฟันซ้อนเก ฟันห่าง และความไม่เรียงตัวสวยของฟันได้ดีและได้ผลอย่างมาก แต่จะดีที่สุดหากเรามีวินัยในการรักษาฟันอย่างต่อเนื่อง แม้ดัดเสร็จครบกระบวนการแล้วก็ควรดูแลรักษาความสะอาด เช็กสุขภาพช่องฟันอย่างสม่ำเสมอกันด้วยนะคะซิส และถ้าไม่มั่นใจว่าปัญหาฟันของเราควรจัดฟันไหมให้เริ่มจากการปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ออกแบบการรักษา ดูงบประมาณที่ต้องใช้ เพื่อให้ตอบโจทย์กับปัญหาสุขภาพฟันของเราได้ดีที่สุดค่ะ


บทความที่ชาวซิสห้ามพลาด