อีกไม่กี่วันก็จะเข้าสู่เทศกาลแห่งความสุขอย่างวันคริสต์มาส พร้อมโอบรับความสุขแบบยาว ๆ เรื่อย ๆ ไปถึงปีใหม่ อีกหนึ่งช่วงเวลาที่หลาย ๆ ต่างรอคอย เพราะเป็นช่วงเวลาที่อบอวลไปด้วยงานเฉลิมฉลอง การได้พบปะพบเจอ การได้ส่งมอบความสุขให้กันและกัน และเป็นช่วงเวลาที่เราพร้อมเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ รีเซ็ตเรื่องเก่า ๆ หลายวัฒนธรรมจึงมีความเชื่อเกี่ยวกับช่วงเวลานี้มากมาย วันนี้ซิสจะพาซิสไปดูความเชื่อเกี่ยวกับคริสต์มาสและปีใหม่ที่น่าสนใจกัน ไปดูกันเลย
ความเชื่อในวันคริสต์มาส-ปีใหม่
1. ทำไมต้องแขวนถุงเท้าในวันคริสต์มาสอีฟ ?
เพื่อน ๆ เคยสงสัยกันมั้ยว่า ทำไมถึงต้องแขวนถุงเท้าที่เตาผิง หรือบนต้นคริสต์มาสในวันคริสต์มาสอีฟ ความเชื่อรื่องนี้เริ่มต้นจากตำนานของซานต้าต้นฉบับอย่างนักบุญเซนต์ นิโคลัส หรือมีชื่อเต็ม ๆ ว่า นักบุญนิโคลัสแห่งไมรา (Saint Nicholas of Myra) ท่านเป็นนักบุญที่มีชื่อเสียงในเรื่องของความเมตตา โดยมีเรื่องเล่าว่า มีพี่น้อง 3 คนที่ฐานะยากจนมาก จนต้องไปประกอบอาชีพเป็นโสเพณีเพื่อความอยู่รอด แต่เผอิญเรื่องนี้ไปถึงท่านนักบุญ ท่านจึงช่วยเหลือโดยแอบไปหยอดเหรียญทองลงปล่องไฟ แล้วบังเอิญว่า 3 พี่น้องได้แขวนถุงเท้าไว้ที่ปล่องไฟพอดี เหรียญทองจึงตกลงไปในถุงเท้าที่แขวนไว้ พอเช้ามาทั้ง 3 คนก็เจอเหรียญทองก็ดีใจใหญ่เพราะไม่ต้องไปเป็นโสเภณีอีกต่อไป อีกเรื่องเล่าว่าผู้คนมักจะนำหญ้าแห้งไปวางไว้ในรองเท้า เมื่อนักบุญนิโคลัสผ่านมาก็จะนำหญ้าแห้งไปให้ลาของท่านกิน แล้วท่านก็จะนำเหรียญเงินใส่ไว้ในรองเท้าเพื่อเป็นค่าตอบแทน จากเรื่องราวนี้ก็กลายมาเป็น ธรรมเนียมการแขวนถุงเท้าไว้ที่เตาผิง หรือต้นคริสต์มาสอย่างในทุกวันนี้
ความเมตตาและใจบุญของท่านได้รับการยกย่อง และกลายเป็นที่รู้จักในยุโรป ในช่วงศตวรรษที่ 16 ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งคริสต์มาส และเมื่อชาวดัตช์เดินทางไปถึงสหรัฐฯ ก็เรียกท่านว่า ‘ซินเตอร์คลาส’ (Sinterklaas) จาก ‘ซินเตอร์คลาส’ ก็กลายมาเป็น ซานตาคลอส แบบที่เรารู้จักกันในปัจจุบันนั่นเอง
2. ต้นกำเนิดต้นคริสต์มาส
ชาวซิสรู้มั้ยว่า ตำนานการเกิด "ต้นคริสต์มาส" นั่น มาจากความบังเอิญเจอสิ่งสวยงาม ! โดยเรื่องมีอยู่ว่า ขณะที่มาร์ติน ลูเทอร์ ชายชาวเยอรมัน กำลังเดินกลับบ้านตอนกลางคืนอยู่นั้น เค้าก็บังเอิญเหลือไปเห็นแสงจันทร์ที่ส่องผ่านกิ่งไม้ มีความระยิบระยับ สวยงาม ก็เกิดความต้องตาต้องใจ จนเขาปิ๊งไอเดีย ตัดต้นไม้ต้นเล็ก ๆ มาตกแต่งในบ้าน แล้วนำเทียนมาประดับให้เกิดความสวยงามในช่วงคริสต์มาส เพื่อนบ้านมาเห็นก็เกิดความชอบ แล้วก็ทำตาม ๆ กัน จนกลายเป็นที่นิยมไปทั่วเยอรมัน และราชวงศอังกฤษก็ได้เอาการตกแต่งต้นไม้นี้มาใช้อย่างจริงจังในช่วงคริสต์มาส ทำให้ธรรมเนียมการตกแต่งต้นคริสต์มาสได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลกเลย
3. มิสเซิลโทและฮอลลี
หากพูดถึงคริสต์มาส อีกสิ่งที่หลายคนนึกถึงก็คงหนีไม่พ้น "มิสเซิลโท" ตามความเชื่อของชาวเคลต์ มิสเซิลโทเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตและความหวัง ส่วนฮอลลีเป็นตัวแทนของการปกป้องคุ้มครอง มีความเชื่อว่าการนำฮอลลีไปห้อยที่ประตูบ้าน จะช่วยปกป้องสิ่งชั่วร้าย และช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปได้ และทั้งฮอลลีและมิสเซิลโทมักจะถูกนำมาตกแต่งด้วยกัน นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าหากคู่รักได้จูบกันได้ต้นมิสเซิลโท ก็จะมีความรักที่ยืนยาวและรักกันตลอดไป และหากชายใดที่ได้จูบหญิงที่ตัวเองหมายปอง หากผู้หญิงปฏิเสธ ชายผู้นั้นจะได้รับความโชคร้ายไปตลอดทั้งปี แต่ถ้าผู้หญิงไม่ปฎิเสธก็จะกลายเป็นรักยืนยาวนั่นเองค่ะ
4. กินพาย 12 ชิ้น โชคดี 12 เดือน
"พายคริสต์มาส" ไม่ได้แค่อร่อยอย่างเดียว แต่เป็นอาหารที่ยังมีความหมาย และการทำพายด้วยกันยังเป็นกิจกรรมที่สามารถสร้างความอบอุ่นในครอบครัวได้อีกด้วย ในอดีตการทำพายนั้นเป็นอะไรที่ยากมาก ต้องใช้เวลาและส่วนผสมค่อนข้างเยอะ ดังนั้นคนเลยนิยมทำอาหารชนิดนี้ในโอกาสพิเศษเท่านั้น มีความเชื่อว่าการกินพาย 12 ชิ้นในวันคริสต์มาส จะนำโชคดีมาให้ตลอด 12 เดือนของปีหน้า และการแบ่งพายให้แขกก็เหมือนการส่งต่อความสุขและคำอวยพร และลักษณะสี่เหลี่ยมของพายนั้นยังสื่อถึงเปลของพระเยซูด้วย
5. เศษจาน = โชคลาภ
ท่องตำนานวันคริสต์มาสไปแล้ว มาท่องตำนานวันปีใหม่กันบ้าง โดยเริ่มที่ประเทศเดนมาร์กกันก่อนเลย บอกเลยว่า ชาวซิสจะต้องอึ้งแบบสุด ๆ เพราะว่าชาวเดนมาร์ก มีธรรมเนียมแปลก ๆ ในการฉลองปีใหม่นั่นก็คือการเก็บสะสมจานและถ้วยชามที่แตกหรือไม่ได้ใช้ไว้ตลอดทั้งปี จากนั้นในคืนวันสิ้นปี พวกเค้าจะนำจานเหล่านี้ไปเขวี้ยงใส่บ้านของเพื่อนหรือครอบครัว เพื่อเป็นการแสดงความรักและส่งต่อโชคลาภให้กัน แต่ถ้าบ้านไหนที่ไม่อยากดูรุนแรง อาจจะแค่นำเศษจานไปวางไว้หน้าประตูบ้านก็ได้เหมือนกัน ยังเชื่อกันอีกว่ายิ่งบ้านมีเศษจานมากเท่าไหร่ ก็จะมีคนรักและคิดถึงเรามากเท่านั้นและยังเชื่อว่าเศษจานยังนำโชคดีมาให้ตลอดปีใหม่ด้วย
6 . กินองุ่นให้ครบ 12 ลูก
ต่อกันที่ธรรมเนียมจากประเทศสเปน ชาวสเปนมีความเชื่อว่าในคืนวันที่ 31 ธันวาคม ก่อนเที่ยงคืนให้เตรียมองุ่นไว้ 12 ลูกไว้ เมื่อเสียงนาฬิกาตีบอกเวลา 12 ครั้ง ในการตีแต่ละครั้ง เราจะต้องกินองุ่น 1 ลูก โดยองุ่นแต่ละลูกเป็นตัวแทนของโชคลาภในแต่ละเดือนของปีหน้า ธรรมเนียมนี้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2438 แต่เริ่มได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปี พ.ศ. 2452 โดยชาวสวนในเมืองอาลีกันเตที่ต้องการโปรโมตองุ่นจากการเก็บเกี่ยวในท้องถิ่น นอกจากจะเป็นธรรมเนียมที่สนุกสนานแล้ว ยังมีความเชื่ออีกว่าการกินองุ่น 12 ลูกจะช่วยขับไล่สิ่งชั่วร้ายและนำโชคดีมาสู่ชีวิตได้อีกด้วย
7. สิ่งกลม ๆ รอบกาย = รายล้อมด้วความโชคดี มั่งคั่ง
ในประเทศฟิลิปปินส์ ทรงกลมถือเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีและความมั่งคั่ง ชาวฟิลิปปินส์จึงมีธรรมเนียมที่น่ารักในวันสิ้นปี นั่นคือการล้อมรอบตัวเองด้วยสิ่งของกลม ๆ อย่างเช่น เหรียญ ผลไม้ หรือเสื้อผ้าลายจุด โดยมีความเชื่อว่า สิ่งของกลม ๆ เหล่านี้จะเป็นตัวแทนของความมั่งคั่งและความสำเร็จ หากเราลายรอบไปด้วยสิ่งกลม ๆ ก็จะดึงดูดความมั่งคั่งและความเจริญรุ่งเรืองเข้ามาในปีใหม่ วงกลมยังเป็นตัวแทนของความไม่สิ้นสุด เปรียบเสมือนความมั่งคั่ง รุ่งเรืองที่ไม่มีวันจบสิ้นด้วย
8. กางเกงในสีนำโชค
ในประเทศแถบอเมริกาใต้อย่าง เม็กซิโก โบลิเวีย และบราซิล มีความเชื่อเรือง "กางเกงในสีมงคล" โดยเชื่อกันว่าสีของกางเกงในที่ใส่ในวันปีใหม่จะกำหนดโชคชะตาในปีนั้น ๆ เช่น ถ้าใส่กางเกงในสีแดงจะมีโชคเรื่องความรักตลอดทั้งปี ถ้าใส่กางเกงในสีเหลืองก็จะมีโชคเรื่องเงินทองตลอดทั้งปี และถ้ามีความสุขตลอดปีให้ใส่กางเกงในสีขาว และถ้าอยากโชคดีแบบดับเบิ้ลคูณสองให้ใส่กางเกงให้ตัวใหม่แกะกล่อง ยิ่งถ้าได้กางเกงในตัวนั้นเป็นของขวัญมานะ ก็จะยิ่งโชคดีแบบทวีคูณไปอีกค่ะ บางประเทศที่ยังมีความเชื่อว่าต้องใส่กางเกงในกลับด้านก่อนเที่ยงคืนแล้วค่อยเปลี่ยนกลับด้านให้ถูกเมื่อเวลา 00.00 น
9. แอบฟังน้องสัตว์เมาท์มอย
อีกความเชื่อที่น่ารักสุด ๆ มาจากประเทศโรมาเนียค่ะ ชาวโรมาเนียเชื่อว่าในคืนก่อนวันปีใหม่ ชาวนาบางคนจะพยายามฟังเหล่าสัตว์ในฟาร์มของตัวเอง เพราะเชื่อว่าในคืนวันนั้น สัตว์จะได้รับพลังวิเศษที่ทำให้พูดคุยกันได้ หากได้ยินเสียงน้อง ๆ พูดคุยกัน เราก็จะได้โชคลาภในปีหน้า นอกจากนี้ชาวโรมาเนียยังใส่ชุดหมี ที่ทำมาจากขนของหมีจริง ๆ แล้วเต้นรำเพื่อขับไล่วิญญาณร้ายในวันปีใหม่ด้วย
เรียกได้ว่า คริสต์มาส-ปีใหม่ เป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองและเต็มไปด้วยความเชื่อ ตำนาน และเรื่องเล่ามากมาย จนกลายเป็นธรรมเนียมและประเพณีที่สืบทอดมาสู่ปัจจุบัน บางความเชื่อบางธรรมเนียมอาจจะมีความแปลกอยู่บ้าง แต่ทุกความเชื่อ ทุกธรรมเนียมนั้นก็ล้วนมีจุดประสงค์เดียวกันนั่นก็คือความโชคดี มีสุข เป็นการสร้างความหวังความศรัทธา ให้เราใช้ชีวิตอย่างมีความหมายในปีถัด ๆ ไป นอกจากความเชื่อที่เรานำมาฝากแล้ว เพื่อน ๆ ชาวซิส มีความเชื่อในวันคริสต์มาส-ปีใหม่ เรื่องอะไรกันบ้าง
ขอบคุณแหล่งข้อมูลอ้างอิงจาก : Vogue, Thaiger, สำนักพิมพ์ เม่นวรรณกรรม
บทความแนะนำ
เลี้ยงแมวกันผี ! ส่องตำนานเรื่อง "แมว" ในมุมของทาสจากทั่วโลก ! | บทความของ Tenshi Yuri | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/202584
ความเชื่อวันปีใหม่ ควรทำหรือไม่ควรทำอะไรบ้างนะ ? | บทความของ Yoong Peskyy | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/97682
รวมเรื่องลึกลับ สัตว์มหัศจรรย์ และอสูรกายในตำนาน | บทความของ ✞ *:.。.Madame LULU.。.:* ✞ | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/6500
ไขข้อข้องใจ ! ทำไมต้องแต่งผี วันฮาโลวีน ? | บทความของ Tenshi Yuri | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/202891
นางนพมาศเป็นใคร ? มีจริงไหม ในประวัติศาสตร์ | บทความของ Tenshi Yuri | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/203061