1. SistaCafe
  2. Aura Aesthetic วิธีหาแรงบันดาลใจ เพิ่มออร่าให้รักตัวเองมากขึ้น

จากปีก่อนๆ ที่เรามักจะเฟ้นหาแรงบันดาลใจความสวย การประสบความสำเร็จจากหลายๆ มุมมอง และเทรนด์ในแต่ละครั้ง จนทำให้บางครั้งเราได้ลองเรียนรู้การพัฒนาตัวเองและการหาตัวตนของตัวเองเจอ แต่จะง่ายขึ้นไหมถ้าเรามาลองเข้าใจ Aesthetic ของตัวเองกันว่าจริงๆ เราชอบอะไร? อะไรคือตัวตนของเรา? เรามาลองเรียนรู้ตัวเราจากเราเองกันดีไหมเผื่ออะไรจะง่ายขึ้น?! ซึ่งการหา Aura Aesthetic ของตัวเองก็ไม่ยากจนเกินไปอาจจะใช้เวลาและการค่อยๆ มองหาและเริ่มพัฒนาให้เป็นไปตามภาพที่เราสร้างไว้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยพัฒนาได้หลายทางไม่ใช่แค่เรื่องเสน่ห์หรือความสวยเท่านั้น การเรียนรู้และรู้ Aesthetic ของตัวเองหรือมูดออร่าจะช่วยอะไรได้บ้างนอกจากนี้เราไปดูกันเลย


✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿

Aura Aestheticคืออะไร ?

Find your Aesthetic การหาแรงบันดาลใจจากแสงเรืองรองของจิตใจพลังงานสีสัน และจิตวิญญาณ คือ การที่เรารู้จักตัวเองอย่างดีพอ จากการสะสมจากการเรียนรู้จากหลายสไตล์และค้นพบสิ่งที่ใช่ที่สุดสำหรับตัวเอง แต่สิ่งสำคัญคือการยอมรับความชอบและสไตล์ตัวเองจริงๆ ซึ่ง aesthetic ไม่ใช่แค่เรื่องหน้าตา การแต่งตัว ความสวยที่เข้ากับ aesthetic แต่มันคือการสร้างตัวตนจากการยอมรับตัวเองได้จริงๆ ว่าฉันเข้ากับแบบนี้ แบบนี้แหล่ะคือตัวฉัน คล้ายกับมี branding เป็นของตัวเองและจดจำเราได้ด้วยสไตล์แบบนี้

โดยสิ่งเหล่านี้ คือช่วงระหว่างการเดินทางที่ทั้งสนุกและสะท้อนตัวตนของตัวเอง ซึ่งบางสิ่งบางอย่างเราไม่ต้องรีบร้อนหรือเร่งมันเกินไป เราสามารถค่อยๆ รู้จักสิ่งที่เรารู้สึกว่า “ใช่” ที่มาตอบคำถามในใจลึกๆ ของเราเจอว่าเจอคำตอบแล้วอย่าง “อะไรที่ทำให้ฉันรู้สึกเป็นตัวเองที่สุด?” “ ฉันอยากให้คนอื่นรับรู้ว่าฉันมีพลังแบบไหน?” จากนั้นเราก็จะสามารถค้นหาสไตล์หรือแนวทางความงามที่สะท้อนตัวตนของเรามากที่สุด อาจจะไม่ใช่แค่เรื่องแฟชั่นเท่านั้น

ดังนั้นเมื่อเรามีคำตอบที่ใช่ และรับรู้ถึงสไตล์ของตัวเอง อาจจะค่อยๆ ปรับเปลี่ยน ยอมรับในสิ่งที่เราเป็น และทำมันออกมาให้ดีที่สุด โดยสิ่งสำคัญเลยคือเราต้องยอมรับและซื่อสัตย์ในความรู้สึก ‘เราจะไม่รู้จักสไตล์ตัวเอง จนกว่าเราจะรู้จักตัวเอง’


✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿

รู้ออร่าของตัวเองแล้วดียังไง ?

การค้นพบสไตล์ตัวเองก็เหมือนกับการได้ลองสวมใส่ชุดที่ใช่! ใส่แล้วมั่นใจ พร้อมกับการมั่นใจในการใช้ชีวิต การถ่ายรูป รวมถึงทุกๆ อย่าง ซึ่ง ‘ความมั่นใจ’ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จะช่วยเพิ่มออร่าที่เรามองไม่เห็นเกิดขึ้นรอบๆ เราจนคนรอบข้างสามารถสังเกตได้ นอกจากนี้เราก็จะ ‘รักตัวเองมากขึ้นไปอีก’ ประโยคที่ว่า “รักตัวเองไม่เจ็บเลยสักวัน” ไม่ใช่แค่ประโยคฮีลใจอย่างเดียวแต่สามารถใช้ได้จริงในทุกสถานการณ์ยิ่งโดยเฉพาะสถานการณ์ที่เราสามารถค้นพบตัวเองเจอ และสามารถซื่อสัตย์กับสิ่งนั้นได้จริงๆ


✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿

Auta Aesthetic มีกี่ประเภท ?

ออร่า(Aura) ในตรงนี้คือแนวคิดที่ผสมผสานระหว่างความงามภายนอกกับพลังงานภายใน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่เป็นประกายและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หรืออีกอย่างคือแสงที่แพร่ออกมาจากตัวเรา ซึ่งในทางจิตวิญญาณเชื่อว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนอารมณ์ ความรู้สึก และบุคลิก เมื่อแบ่งแยกเป็นประเภทแล้วนั้นโดยทั่วไปมีออร่าประมาณ 13 สีหลัก ซึ่งแต่ละสีมีความหมายเฉพาะตัว เช่น

  • สีแดง หมายถึงพลังงาน ความทะเยอทะยาน ความกระฉับกระเฉง
  • สีส้มหรือแสด หมายถึงความสุข ความว่องไว สุขภาพดี
  • สีเหลือง หมายถึงความฉลาด เมตตา มองโลกในแง่ดี
  • สีน้ำเงิน หมายถึงความสงบ สัจจะ การสื่อสารที่ดี
  • สีคราม หมายถึงพลังจิตสัมผัสที่ 6 ความคิดสร้างสรรค์
  • สีม่วง หมายถึงความลึกลับ จิตวิญญาณ สมาธิ
  • สีชมพู หมายถึงความรัก ความอ่อนโยน และโรแมนติก
  • สีน้ำตาล หมายถึงความขยัน ความมีระเบียบ ความมุ่งมั่น
  • สีดำ หมายถึงการสิ้นสุด หรือการเปลี่ยนแปลง
  • สีขาว หมายถึงความสมดุล ความบริสุทธิ์ จิตใจสูงส่ง
  • สีเงิน หมายถึงแรงบันดาลใจ ข่าวสารจากโลกวิญญาณ
  • สีทอง หมายถึงพลังจักรวาล และความศักดิ์สิทธิ์

โดยสีออร่า(Aura) ของแต่ละคนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามอารมณ์ ความคิด และสภาพแวดล้อม นอกจากนี้เมื่อเรารู้จักสีออร่าของตัวเองก็สามารถนำมาเป็นแนวทางการเลือกเสื้อผ้าได้ เช่น สีชมพูอาจจะเลือกเป็นแนว soft girl หรือถ้าเป็นการจัด mood board ก็จะเป็นการรวมภาพที่ตรงกับพลังงานของเรา เช่น ธรรมชาติ แสงแดด ความลึกลับ รวมไปถึงการเลือกกลิ่นน้ำหอม เพลง หรือแสงไฟในห้องให้ตรงกับอารมณ์และพลังงานที่อยากจะสื่อได้


✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿

วิธีหา personal aesthetic ออร่าของเราเป็นสีไหน

ชอบมาตั้งแต่เด็กๆ

ลองสังเกตหรือคิดย้อนกลับไปว่าตอนเด็กเราชอบอะไร อะไรที่เราเห็นแล้วต้องหยิบมาเป็นสิ่งแรก เช่น สี เสื้อผ้า ของตกแต่ง ของประดับ เป็นต้น โดยองค์ประกอบพวกนี้คือสิ่งแรกที่เราคิดและมักจะมองหามันตลอดแต่อาจจะเพราะสังคมรอบข้างที่อาจจะไม่ได้เกิดการยอมรับหรือมองว่าไม่เข้าพวก ทำให้สิ่งที่เราชอบค่อยๆ เลือนหายออกไปและค่อยๆ ชอบไปตามกระแสสังคมแทน ยกตัวอย่างเช่น ชอบความเป็นผู้หญิงเน้นสีชมพู แต่ ณ ด้วยตอนเด็กอาจจะถูกมองว่าหวานเกินไป เลี่ยนเกินไป จนทำให้เราต้องไหลไปกับความชอบตามกระแสจนรู้สึกไม่ใช่ตัวเรา

ดังนั้นพอลองมองย้อนกลับมาลองนำสิ่งที่หายไปคืน ก็สามารถค้นพบว่านั่นแหล่ะคือสิ่งที่ใช่สำหรับเรานี้คือสิ่งที่เราชอบที่สุดและ ’มันคือตัวเรา‘ ที่อดีตได้ลบมันออกไปมานาน


ครีเอตได้แบบไม่สิ้นสุด

แต่ถ้าเมื่อความชอบตอนเด็กอาจจะไม่ใช่คำตอบอย่างตรงตัว เราลองกลับมาที่ปัจจุบันมองหาสไตล์การแต่งตัวหลายๆ แบบที่มี และลองหยิบมาสักหนึ่งสไตล์ที่คิดว่าตัวเองชอบที่สุดดู อาจจะลองสังเกตตู้เสื้อผ้าว่าส่วนใหญ่เสื้อผ้าที่เราเลือกสวมใส่เป็นแนวสไตล์แบบไหน แล้วเราสามารถแมตช์มันออกมาได้หลายแบบมากแค่ไหนจากเสื้อผ้าที่เรามี สังเกตรูปถ่ายที่ส่วนใหญ่เราแต่งออกมาแล้วไปเข้ากับสไตล์ไหนมากกว่าก็ได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น เสื้อผ้าและเครื่องประดับส่วนใหญ่เป็นแนวคลาสสิก โทนเรียบๆ และเวลาแต่งออกมาทุกครั้งประจำก็จะเป็นแนว old money หรือแนว classy เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งตรงกันข้างกับสไตล์แบบ Y2K ที่ชอบแต่งหลายๆ ลุคเสื้อผ้าหลากสีสันและหลายดีไซน์ เป็นต้น


อย่าเปลี่ยนทีเดียวทั้งหมด

บางอย่างเมื่อเราค้นพบสิ่งที่ใช่เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนไปหมดสะทีเดียว ค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละนิดเพื่อให้เรายังสนุกกับเทรนด์ใหม่ๆ ได้เสมอ เพราะบอกเลยว่าเทรนด์กระแสในแต่ละครั้งก็เป็นอะไรที่ไม่สามารถต้านทานได้จริงๆ การที่จำกัดเกินไปว่าเราเหมาะแบบนี้ๆ อาจจะทำให้เราพลาดสไตล์ใหม่ๆ ที่อาจจะมาเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราลองแล้วเกิดความชอบก็ได้ แต่สิ่งสำคัญคือ aesthetic ตัวเองก็ยังคงเป็นตัวหลักในการที่เราเลือกหยิบจับมาเลือกอันดับแรกอยู่ดี


สร้าง Mood Board

หากการคิดอาจจะยังไม่เห็นภาพชัดเจนเราก็สร้าง Mood Board ขึ้นมาเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น การสร้าง Mood Board คือ การรวมรูปภาพจาก Pinterest, Instagram หรือที่เราเจอในชีวิตจริง ที่ทำให้เรารู้สึกสบายใจ มีแรงบันดาลใจ หรืออยากเป็นส่วนหนึ่งของมัน  ซึ่งจะทำให้เราเห็นลายเส้นภาพรวมของ Aesthetic ที่เราชอบ เช่น Minimal, Cottage core, Retro-Futurism หรือ Stargirl โดยสิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นการตอบคำถามบางส่วน เช่น เราชอบสีอะไร แล้วทำไมถึงเลือกสีนี้?, ชอบสถานที่แบบไหน ป่า เขา ทะเล เมือง หรือคาเฟ่?, เพลงที่ชอบหรือศิลปินที่เรามักจะฟังและรู้สึกว่านี่แหละคือเรา, สไตล์การแต่งตัวที่ชอบ เช่น หวานๆ เซ็กซี่ สีสัน หรือวินเทจ หรือภาพยนตร์หรือซีรี่ส์ที่ชอบคือเรื่องอะไร แล้วมีอะไรที่ดึงดูดเรา? เป็นต้น โดยคำถามพวกนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถช่วยเราจัดทำ Mood Board Aesthetic ที่สะท้อนตัวของเราได้ขึ้นมา และเราก็จะค่อยๆ สร้างภาพลักษณ์ที่เราเป็นจริงๆ ไปได้

ดังนั้นการสร้าง Mood Board คล้ายๆ กับที่เราคุ้นหูอย่าง Vision Board จากการเรียบเรียงผ่านการเมนิเฟสต์(Manifest) นั่นเอง ซึ่งเราสามารถหาเสน่ห์ การแต่งตัว แฟชั่นสไตล์ หรือการพัฒนาบุคลิกภาพได้ทั้งหมด


✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿

สรุป

แนวคิด Aura Aesthetic หรือสุนทรียศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับความงาม ความรู้สึก รสนิยมหรือสไตล์ความชอบสามารถเป็นตัวบ่งชี้ถึงตัวตนของเราได้เป็นอย่างดี และเมื่อเราสามารถค้นพบมันได้และสามารถยอมรับมันจริงๆ ก็สามารถช่วยให้เราสามารถสร้าง Personal Branding ให้กับตัวเองได้ และเมื่อเรารู้ทิศทางในการนำมาพัฒนาเพื่อตัวเราเองนั่นก็จะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้เราก้าวผ่านความกลัวมาเป็นความมั่นใจและรักตัวเองในทุกๆ วันได้ ใครที่ยังมองหา Aesthetic ตัวเองไม่เจอบอกเลยว่าห้ามพลาดเพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยพวกเราได้เป็นอย่างดีและเป็นสิ่งที่จะมาตอบคำถามของเราว่านั่นคือ “ใช่” และถ้าใครยังหาไม่เจอก็ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปได้เพราะบางครั้งต้องเกิดจากการสะสมและเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างเข้าด้วยกัน เราถึงจะเจอสิ่งที่ใช่ที่สุดสำหรับเรา ใครที่มองเกี่ยวกับความสวย การพัฒนาตัวเองอีกก็สามารถมาเจอกันในบทความหน้ากันได้ วันนี้ก็ขอตัวลาก่อนนะคะซิส บ้าย บายยย


ขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล : Tt@marisol_wann, Medinfo, Thegoodtrade


บทความอื่นๆ ที่แนะนำ

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้

🔮 ดูดวงกับ SistaCafe ผ่าน Line Official !
รูปภาพสำหรับป๊อปอัพลอย:1