สำหรับชาวซิสที่อยากปรับรูปหน้าให้หน้าเรียวยิ่งขึ้น โดยใช้วิธีการฉีดโบท็อกซ์กรามแต่ก็กังวลว่าหลังเข้ารับบริการต้องใช้ระยะเวลานานเท่าไหร่ กว่าจะหายบวมหรือตึงที่บริเวณกราม ซึ่งถือเป็นอาการที่พบได้บ่อย และเป็นอาการปกติจากการฉีด อีกทั้งยังสงสัยว่าผลลัพธ์จะแสดงออกอย่างชัดเจนเมื่อไหร่ กว่าหน้าจะเซตรูปเรียวสวยนั้นต้องรออีกนานแค่ไหน บทความวันนี้https://sistacafe.com/จะมาไขข้อสงสัยและตอบข้อเท็จจริงทั้งหมดของการhttps://www.gangnamconsult.com/jaw-botox/นานไหมกว่าจะหายบวม ใช้เวลากี่วันถึงจะเห็นผลลัพธ์สวย ชัดเจนที่สุด


หลักการทำงานของโบท็อกซ์ ช่วยลดกรามได้อย่างไร ?

การฉีดโบท็อกซ์ คือการฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซินเป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสติริเดียม ซึ่งตัวสารดังกล่าวจะเข้าไปรบกวนการทำงานของระบบประสาทที่มีหน้าที่ควบคุมกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อส่วนกรามมีความอ่อนแรงลง และค่อยๆ เริ่มหดตัวจนเล็กลงในที่สุด ส่งผลให้หลังฉีดกล้ามเนื้อกรามจะค่อยๆ มีขนาดที่เล็กลง และทำให้ใบหน้าเรียวเข้ารูปมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

รูปภาพ:

โบท็อกซ์กราม เหมาะกับใครบ้าง ?

การฉีดโบท็อกซ์กรามนั้นแน่นอนอยู่แล้วว่า จะต้องเหมาะกับคนที่ต้องการปรับรูปหน้า ลดขนาดกล้ามเนื้อกรามให้มีขนาดที่เล็กลงแบบชั่วคราวแทนการผ่าตัดศัลยกรรม ซึ่งหลังโบท็อกซ์จะมีอายุการเห็นผลประมาณ 12-18 เดือน โดยผลลัพธ์จะค่อยๆ เริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ ประมาณ 1-2 เดือนหลังฉีด

โบท็อกซ์กรามต้องฉีดกี่ยูนิต ?

ในส่วนของปริมาณในการใช้ฉีดโบท็อกซ์กรามนั้นจะขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ผู้ฉีดว่าควรจะใช้ปริมาณอยู่ที่กี่ยูนิต แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้อยู่ประมาณ 100 ยูนิตขึ้นไปจึงจะทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนนั่นเอง

รูปภาพ:

หลังฉีดโบท็อกซ์กราม กี่วันถึงจะหายบวม ?

โบท็อกซ์ลดกราม บวมนานไหม ? ตอบตรงนี้เลยว่า อาการผลข้างเคียงที่ปกติจะหายไปภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่หากมีอาการหายใจติดขัด ปวดศีรษะ มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีผื่นคันขึ้นตามผิวหนังควรเข้าพบแพทย์ทันทีนะคะ

สำหรับการฉีดโบท็อกซ์ หรือฉีดโบทูลินั่มท็อกซินเข้าไปในบริเวณกรามนั้นมีความปลอดภัยสูง ไม่ต้องพักฟื้น และไม่ต้องดูแลรักษาแผลเพราะไม่ใช่การศัลยกรรมผ่าตัด แต่ถึงอย่างนั้นแล้วหลังเข้ารับบริการทันทีอาจมีอาการข้างเคียงที่พบได้ปกติ นั่นก็คือ อาการบวมเข็ม ก็จะค่อยๆ ยุบและหายบวมในที่สุดภายใน 5 - 14 วัน ซึ่งในบางรายอาจมีความบวมมากหรือน้อยที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณยาและยี่ห้อที่ใช้ฉีดนะคะ

ฉีดโบท็อกซ์กรามอันตรายไหม ?

หลายคนอาจจะมีความกังวลว่าถ้าฉีดโบท็อกซ์กรามไปแล้วจะอันตรายไหม เพราะหลักการทำงานของโบท็อกซ์ คือการไปรบกวนระบบประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อ ซึ่งก็ต้องตอบเลยค่ะว่าไม่ต้องกังวลใจไปน้า เพราะเป็นการรบกวนเพียงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อเวลาผ่านไปตัวยาโบท็อกเริ่มค่อยๆ หมดฤทธิ์กล้ามเนื้อส่วนนั้นก็จะสามารถกลับมาทำงานได้อย่างปกติ

นอกจากนั้นยังยาโบท็อกซ์ของแท้หลายยี่ห้อก็ได้มีการรองรับความปลอดภัยทั้งทางอย.ของไทยและอเมริกา พร้อมกับมีงานวิจัยรองรับความปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้วดังนั้นจึงควรเลือกฉีดด้วยโบท็อกของแท้ที่มีอย. รองรับเท่านั้น ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ปลอม หรือโบท็อกซ์ที่หมดอายุอย่างเด็ดขาดเพราะอาจเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงเช่น หน้าเบี้ยว รวมไปถึงการดื้อยาขึ้นได้นั่นเอง

รูปภาพ:

ระหว่างการฉีดโบท็อกซ์ เจ็บมากไหม ?

ในระหว่างที่ทำการฉีดโบท็อกซ์นั้นอาจมีความรู้สึกเจ็บขึ้นได้ในขณะที่แพทย์ทำการเริ่มฉีดและเดินยาเข้าสู่กล้ามเนื้อซึ่งถือเป็นความเจ็บในระดับที่สามารถทนได้ เนื่องจากก่อนฉีดแพทย์จะมีการใช้การประคบเย็นให้ผิวบริเวณที่จะฉีดโบท็อกซ์เกิดความชาก่อนลงเข็มอยู่แล้ว นอกจากนั้นหากเพื่อนๆ คนไหนที่กลัวเจ็บมากๆ สามารถขอรับการแปะยาชาก่อนฉีดจากแพทย์ได้นะคะ

ใครบ้างที่ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ลดกราม ?

เมื่ออธิบายถึงอาการบวม ที่เกิดจากการแพ้โบท็อกซ์กันไปแล้ว ฉะนั้นแล้วมาเช็กเพื่อความชัวร์กันหน่อยดีกว่าว่า เราเข้าข่ายไม่เหมาะที่จะฉีดโบท็อกซ์ลดกรามหรือไม่ เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการเกิดอาการบวม ซึ่งเป็นผลมาจากอาการไม่พึงประสงค์นั่นเองค่ะ

- ผู้ที่มีประวัติแพ้ โบทูลินั่ม ท็อกซิน อย่างรุนแรง

- ผู้หญิงตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร

- ผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่าย หรือเลือดหยุดช้า

- ผู้ที่กำลังรับประทานยาจำพวก ยาละลายลิ่มเลือด

- ผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง

- ผู้ที่มีความผิดปกติของกล้ามเนื้อ หรือเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง

ฉีดโบท็อกซ์ลดกรามกี่วัน ถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่สวยอย่างชัดเจนที่สุด ?

ส่วนผลลัพธ์ที่ชัดเจนสุดของการฉีดโบท็อกซ์ลดกราม สำหรับเพื่อนๆ ที่มีมัดกรามเนื้อใหญ่ อาจจะต้องรอผลลัพธ์ที่ชัดเจนนานกว่าปกตินะคะ แต่โดยทั่วไปแล้วระยะเวลาในการเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลง หรือโบท็อกซ์จะเข้าไปทำงานให้กล้ามเนื้อหดตัวได้อย่างสมบูรณ์จนสวย ชัดเจน และครอบคลุมที่สุดนั้นอยู่ที่ประมาณ 2 เดือนหลังเข้ารับบริการค่ะ

โบท็อกซ์กราม อยู่ได้นานเท่าไหร่ ?

ผลลัพธ์โบท็อกซ์ลดกรามจะคงสภาพได้นานเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับบริเวณที่เราต้องการฉีดเพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อ, ยี่ห้อโบท็อกซ์, โดสที่ใช้ในการฉีด, การดูแลตัวเองหลังฉีด แต่ถึงอย่างนั้นสำหรับการโบท็อกซ์ลดกรามจะแสดงผลลัพธ์เฉลี่ยอยู่ที่ 4 - 8 เดือน

รูปภาพ:

วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์กราม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและอยู่ได้นานขึ้น

จะดีมากยิ่งขึ้นหากผู้เข้ารับบริการฉีดโบท็อกซ์ลดกรามจะดูแลตัวเองควบคู่ไปด้วย เพื่อให้โบท็อกซ์แสดงผลลัพธ์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จากที่แต่เดิมมีประสิทธิภาพดีอยู่แล้ว และทำให้อยู่ได้นานยิ่งขึ้น ดังนั้นมาเช็กกันเลยดีกว่าว่า วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์กราม มีอะไรบ้าง ?

1. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดดูดบุหรี่

เพราะทำให้หลอดเลือดขยายตัว แน่นอนว่าจะทำให้โบท็อกซ์ทำงานได้น้อยลง และทำให้โบท็อกซ์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น

2. งดกินอาหารบางชนิด ที่ส่งผลให้โบท็อกซ์เสื่อมสภาพไวขึ้น

อาหารที่มีผลต่อโบท็อกซ์ คืออาหารประเภทที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อนๆ เช่น ปิ้งย่าง หมูกระทะ บุฟเฟ่ต์ ชาบู เป็นต้น

3. งดกิจกรรมที่ต้องเผชิญกับความร้อน หรือทำให้อุณหภูมิในร่างกายร้อนมาก

เพราะความร้อนจะไปทำให้การทำงานของโบท็อกซ์ที่กำลังกระจายตัวกับกล้ามเนื้อ สามารถทำได้น้อยลงและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ดังนั้นควรงดกิจกรรมเหล่านี้ไปก่อน 1 เดือน เช่น ออกกำลังกายอย่างหนัก, ทำกิจกรรมกลางแจ้งที่แดดร้อนจัดเป็นระยะเวลานาน เป็นต้น

4. พยายามกินอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสี

แร่ธาตุสังกะสี มีฤทธิ์ช่วยให้โบท็อกซ์อยู่ได้นานขึ้น แต่ก็ต้องกินในปริมาณที่เหมาะสม เพราะหากมากเกินไป ก็จะเกิดผลข้างเคียงได้เช่นกัน ดังนั้นแนะนำให้กินตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น

แต่อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ก็คือการเลือกสถานพยาบาล หรือคลินิกที่มีมาตรฐานสูงและพร้อมไปด้วยแพทย์ที่เชี่ยวชาญในการเลือกและฉีดโบท็อกให้เหมาะสมกับใบหน้าของแต่ละคน สามารถตรวจสอบข้อมูลแพทย์และคลิกที่เว็บไซต์ของแพทยสภา :https://checkmd.tmc.or.th/

หากใครที่กำลังมองหาคลินิกเพื่อฉีดโบท็อกซ์ที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล กังนัมคลินิกเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก มีครบทุกคุณสมบัติ และพร้อมให้คำปรึกษาอย่างซื่อสัตย์ตรงไปตรงมากับเพื่อนๆ ที่สนใจเข้าฉีดโบท็อกซ์ลดกราม เพื่อต้องการปรับรูปหน้าเรียวด้วยการฉีดโบท็อกซ์ลดกรามและต้องการผลลัพธ์ที่ดี สวยเป็นธรรมชาติ และปลอดภัยต่อร่างกาย

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ