จากผลสำรวจของ วีซ่า (Visa) ผู้นำด้านบริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก พบว่า ประเทศที่นักท่องเที่ยวชาวไทยอยากไปมากที่สุดในปี 2023 คือ“ประเทศญี่ปุ่น”ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกเลย เพราะหากพูดถึงประเทศที่หลายคนอยากไปเที่ยว หรือไปแล้วอยากกลับไปอีก"ญี่ปุ่น"มักจะเป็นประเทศแรก ๆ ที่หลายคนพูดถึงอยู่เสมอ

ญี่ปุ่นเป็นอีกประเทศที่เราไปเยือนกี่ครั้งก็ไม่มีเบื่อเลย มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ ทั้งด้านธรรมชาติ ด้านวัฒนธรรม และแหล่งช้อปปิ้งขึ้นชื่อ นอกจากนี้ญี่ปุ่นยังเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวสูง ด้วยอัตราการเกิดอาชญากรรมต่ำ จึงทำให้เรารู้สึกปลอดภัย เป็นประเทศที่เราสามารถเที่ยวได้อย่างสะดวกใจแม้จะไปคนเดียว ญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมด้านอาหารที่หลากหลาย มีหลายเมนูให้เลือก และได้รับความนิยมของอย่างมากในหมู่คนไทย ทั้งญี่ปุ่นยังมีการคมนาคมที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้เราสามารถเดินทางได้สะดวกทั้งในเมืองและนอกเมือง และที่สำคัญคือนักท่องเที่ยวไทย สามารถพำนักในญี่ปุ่นได้ไม่เกิน 15 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่า

จึงเรียกได้ว่าครบ จบ ติ๊กถูกทุกข้อสำหรับการเป็นประเทศที่น่าเที่ยวสุด ๆ ประเทศหนึ่งเลย


เรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่น ผ่านศิลปหัตถกรรมดั้งเดิม "ภูมิภาคโฮคุริคุ"

รูปภาพ:

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่คนไทยนิยมไปมากที่สุดคือเมืองหลวงอย่างโตเกียว, โอซาก้า เมืองเศรษฐกิจ และซัปโปโร เมืองหลวงของเกาะฮอกไกโด แต่อีกหนึ่งสถานที่ที่น่าเที่ยวไม่แพ้เมืองยอดนิยมเลยก็คือ"ภูมิภาคโฮคุริคุ"

โฮคุริคุตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศญี่ปุ่น บริเวณตรงกลางของเกาะฮอนชู อยู่เหนือภูมิภาคชูบุ โดยประกอบด้วยจังหวัดนีงะตะ, โทยามะ, อิชิคาวะ, และฟูกุอิ โดยจุดเด่นของภูมิภาคนี้คือ ทัศนียภาพทางธรรมชาติที่สวยงาม กลิ่นอายของธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบดุจภาพวาด ด้วยพื้นที่โดยรอบติดกับทะเลญี่ปุ่น และภูมิประเทศที่รายล้อมไปด้วย เทือกเขาที่ราบสูง เป็นที่ตั้งของเทือกเขาแอลป์ที่ทอดผ่าน มีแม่น้ำ ลำธาร และบ่อออนเซ็นธรรมชาติที่ชวนให้ผ่อนคลาย ตื่นตา สงบใจ เหมาะกับใครที่ต้องการเสพสุนทรียทางธรรมชาติเป็นที่สุด

นอกจากความสมบูรณ์ทางธรรมชาติแล้ว โฮคุริคุยังเป็นแหล่งรวบรวมความงดงามทางมรดกทางวัฒนธรรมที่ล้ำค้าของญี่ปุ่น เป็นที่ตั้งของแหล่งกำเนิดของ"ศิลปหัตถกรรมดั้งเดิมต่าง ๆ "ที่ถูกสืบทอดส่งต่อภูมิปัญญากันมาอย่างช้านาน หลายศตวรรษ


เครื่องเขินวาจิมะ

รูปภาพ:

จุดเด่นของศิลปะหัตถกรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นคือ"ความปราณีต"แต่ละชิ้นงานถูกรังสรรค์ด้วยเทคนิคพิเศษที่มีความละเมียดละไม จนเกิดเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นจนไม่สามารถลอกเลียนแบบได้

ในปัจจุบันกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นได้ขึ้นทะเบียนสินค้าหัตกรรมพื้นบ้านไว้จำนวน 241 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น กระดาษญี่ปุ่น ภาพวาดอุกิโยะ กระดิ่งลม ตุ๊กตาโคเคชิ ตุ๊กตาดารุมะ ฯลฯ และหนึ่งในนั้น มีงานหัตถกรรมของภูมิภาคโฮคุริคุรวมอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็น เครื่องเขินวาจิมะ สินค้าขึ้นชื่อเมืองวาจิมะ, ตะเกียบ ของจังหวัดฟูกูอิ ซึ่งขึ้นชื่อในการใช้เทคนิคที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน, เครื่องปั้นดินเผาพื้นเมืองและจานชาม สินค้าขึ้นชื่อของเมืองอิชิคาวะ มีแหล่งกำเนิดอยู่บริเวณเมืองคานาซาวะ เมืองคากะ เมืองโคมัตสึ เมืองโนมิ และเมืองอื่นๆ รวมถึง เครื่องทองเหลือง จากเมืองทาคาโอกะ จังหวัดโทยามะ โดยใช้กรรมวิธีผลิตเครื่องทองเหลืองแบบโบราณดั้งเดิมที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่นตั้งแต่สมัยเอโดะ(ค.ศ.1603-1868)

รูปภาพ:

ภูมิภาคโฮคุริคุ ยังรวบรวมมรดกวัฒนธรรมอื่น ๆ ไว้อีกมากมาย ทั้งเทศกาล ประเพณีดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาเป็นเวลากว่าร้อยปีอย่าง เช่น เทศกาลดอกไม้ไฟนางาโอกะ ซึ่งจัดขึ้นทุกปีที่เมืองนางาโอกะ จังหวัดนีงะตะ ถือเป็นหนึ่งในเทศกาลดอกไม้ไฟที่ใหญ่ที่สุด 1 ใน 3 ของประเทศญี่ปุ่น แต่ละปีสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างคับคั่ง


ยิ่งช้อป ยิ่งให้ ส่งใจซับพอร์ต วิกฤตแผ่นดินไหว ผ่านสินค้าพื้นเมืองโฮคุริคุ

รูปภาพ:

เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา อย่างที่ทุกคนทราบกันว่า

คาบสมุทรโนโตะจังหวัดอิชิคาวะได้เผชิญเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งยิ่งใหญ่

จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทุกคนเองสามารถมีส่วนร่วมเล็ก ๆ น้อย ๆ

ในการร่วมเป็นกำลังใจและช่วยฟื้นฟูภูมิภาคโฮคุริคุได้ โดยให้ความสนใจ

และอุดหนุนสินค้าหัตถกรรมพื้นเมืองของที่นี่ การเรียนรู้วิถีชีวิตดั้งเดิมของประเทศญี่ปุ่น

ผ่านงานศิลป์หัตถกรรมล้ำค่าของภูมิภาคโฮคุริคุจะช่วยสนับสนุนพื้นที่ได้


หากเพื่อน ๆ คนไหนที่กำลังมีแพลนไปเที่ยวญี่ปุ่น

" โฮคุริคุ "

ก็เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายที่น่าสนใจที่ทำให้ประสบการณ์ในการท่องเที่ยวของเราเป็นที่น่าจดจำ