"ต้องระวังและไม่ควรละเลย "ปัจจุบันการนำผักสดมากินประกอบกับอาหารหรือกินแบบเดี่ยวๆ มีมากมาย เพราะผักบางชนิดนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องผ่านความร้อนแค่นำไปล้างทำความสะอาดให้ดีก็สามารถนำมากินได้เลย และนั้นคือประเด็นหลักที่ต้องพูดถึงเมื่อไม่ผ่านความร้อนการนำไปล้างน้ำให้สะอาดนั้นย่อมอาจมีสิ่งแปลกปลอมตกค้างอยู่ที่ผักได้ โดยสิ่งเหล่านั้นเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัวและน่ากังวลเป็นอย่างมากหากเข้าไปสะสมในร่างกายเป็นเวลานานๆ ดังนั้นแล้วเรามารู้ถึงข้อควรระวังสำหรับคนที่ชอบกิน 'ผักสด'กันดีกว่า ว่ามีอะไรบ้างที่สามารถนำมาปฏิบัติเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงอันตรายนี้กัน

ผักสด คืออะไร ?

รูปภาพ:

ผักสดหรืออีกอย่างหนึ่งที่เรียกกันคือผักดิบผักที่ยังไม่ผ่านกระบวนการนำไปปรุงสุกไม่ว่าจะเป็นประเภทต่างๆ ทั้งหมด เมื่อกินแล้วจะให้ความรู้สึกที่กรอบ สดใหม่ บางครั้งอาจจะไม่ค่อยมีกลิ่นเหม็นเขียวมากในบางชนิด ทั้งสัมผัสแตกต่างจากการกินผักปรุงสุกอย่างสิ้นเชิง บางชนิดนั้นเมื่อกินแล้วก็สามารถให้สารอาหารที่สูงกว่าผักปรุงสุกได้เพราะยังไม่ผ่านกระบวนการทำอาหารนั่นเอง โดยในผักสดนั้นจะมีโภชนาการทางอาหารครบ 100% อีกด้วย

ผักสด อันตราย ? ข้อควรระวังสำหรับการกินผักดิบ

รูปภาพ:

การบริโภคผักสดนั้นก็ย่อมมีความเสี่ยงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน คือการติดเชื้อภายในระบบทางเดินอาหารที่เปอร์เซนต์การติดสูงกว่าผักที่ผ่านการปรุงสุกแล้ว โดยความเสี่ยงเหล่านี้ที่เกิดจากผักสดนั้นมาจากธรรมชาติหรือสามารถเกิดจากการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม ไม่เพียงแต่เท่านั้นในผักสดอาจจะมีสารที่ปนเปื้อนมากับย่าฆ่าแมลงที่ชาวเกษตรกรฉีดใส่อีก โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นกับร่างการนั่นคือ เกิดอาการท้องเสีย ปวดท้อง เกิดอาหารเป็นพิษ หรืออาจจะสามารถเกิดเป็นพยาธิในลำไส้ได้ ผักสดในบางชนิดที่มีสัมผัสที่แข็งเกินไป ก็สามารถส่งผลต่อระบบการย่อยอาหารให้ทำงานหนักขึ้นจนเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรืออาหารไม่ย่อยได้เช่นกันนอกจากนี้ในผักสดบางชนิดก็มีสารด้านโภชนาการ (Anti-Nutrients) ตามธรรมชาติ โดยสารชนิดนี้ต้านการดูดซึมของสารอาหารบางประเภทอย่างพืชกระกูลถั่ว ถั่วเปลือกแข็ง และธัญพืชขัดสีน้อยที่เมื่อกินเข้าไปแล้วจะไปลดการดูดซึมของแร่ธาตุในร่างกายอย่างเช่น ธาตุเหล็ก แมกนีเซีม สังกะสี และแคลเซียม ส่งผลให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างไม่เต็มที่นั่นเอง

กรณีตัวอย่าง! อุทาหรณ์สำหรับคนที่ชอบกินผักสด

รูปภาพ:

เพจ facebook : โรงพยาบาลดอนสัก DonSak Hospitalได้ออกมาโพสต์สำหรับเคสกรณีผู้ป่วยหญิงตั้งครรภ์ อายุ 27 ปี มีอาการสำคัญก่อน 1 วันคือมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียนเป็นเศษอาหาร 5 ครั้ง มีอาการปวดท้องเป็นช่วงๆ ไม่มีถ่ายเหลว โดยแพทย์นั้นให้นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลในขณะที่นอนพักเกิดอาการอาเจียนขึ้น 2 ครั้ง ทั้งยังมีสิ่งแปลกปลอมลักษณะคล้ายไส้เดือน ความยาวประมาณ 10-15 เซน ออกมา 2 ตัว เมื่อนำส่งผลตรวจเข้าห้องปฎิบัติการพบว่าเป็น Ascaris lumbricoides ระยะ Adults (พยาธิไส้เดือน) เมื่อได้มีการสอบถามกับผู้ป่วยจึงได้ความว่าผู้ป่วยนั้นทานอาหารที่มีการปรุงสุกและทาน ' ผักสด' แพทย์จึงได้สันนิษฐานว่า ผู้ป่วยนั้นได้รับพยาธิไส้เดือนเข้าสู่ร่างกายโดนผ่านทางอาหาร ผักและผลไม้ ที่ปนเปื้อนไข่พยาธิไส้เดือนพยาธิไส้เดือนปกติไข่จะมักพบอยู่ตามดินที่ชื้นแฉะ หรือในน้ำ ไข่จะฟักเป็นตัวอ่อน เมื่อปนเปื้อนมากับอาหารแล้วสามารถผ่านเข้าสู่ลำไส้เล็กไปในร่างกายได้ โดยทางทีมแพทย์ได้ทำการรักษาเป็นยาขับพยาธิทันที ดังนั้นผู้ป่วยจึงได้มีอาการที่ดีขึ้นนั่นเอง

ผักที่ปนเปื้อนและมักพบพยาธิมากที่สุด

รูปภาพ:

1. ขึ้นฉ่ายฝรั่ง 63.3%2. สะระแหน่ 60%3. ใบบัวบก 57.1%4. ผักชีไทย 44.8%5. หอม 43.3%6. ผักชีฝรั่ง 36.7%7. ผักกาดขาวจีน 23.3%8. ผักสลัด 20.0%9. โหระพา 10.0%10. ผักบุ้งจีน 6.7%

5 วิธีล้างผัก เพื่อลดความเสี่ยงจากสารตกค้าง

วิธีล้างผัก ที่ 1 การใช้ผงฟู

รูปภาพ:

---------------------------------------------- ใช้ผงฟู ( Baking Soda ) ปริมาณ 1 ฃ้อนโต๊ะ ละลายในน้ำอุณหภูมิปกติ 1 กะละมังหรือเทียบเท่าน้ำปริมาณ 20 ลิตร- แช่ผักทิ้งไว้ เป็นระยะเวลาทั้งหมด 15 นาที- เมื่อแช่เสร็จแล้วให้นำมาล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกรอบก่อนนำไปกิน- วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณของสารตกค้างได้ถึง 80 - 95 % เลยทีเดียว---------------------------------------------

วิธีล้างผักที่ 2 การใช้น้ำเพื่อให้ไหลผ่าน

รูปภาพ:

---------------------------------------------- ผักที่สามารถแยกใบออกได้ ให้เด็ดออกมาเป็นใบๆ- ล้างด้วยน้ำสะอาดไหลผ่านอย่างต่อเนื่องและค่อยๆ ใช้มือถูไปที่ใบผักอย่างเบามือ- วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณสารตกค้างได้ถึง 54 - 63%---------------------------------------------

วิธีล้างผักที่ 3 การใช้ด่างทับทิม

รูปภาพ:

---------------------------------------------- ใช้ด่างทับทิมปริมาณ 20 - 30 เกล็ด นำมาละลายกัน้ำในอุณหภูมิห้องปกติ ในปริมาณ 4 ลิตร- แช่ผักทิ้งไว้ โดยระยะเวลาทั้งหมดในการแช่อยู่ที่ 10 นาที- เมื่อแช่เสร็จให้นำมาล้างน้ำสะอาดอีกรอบหนึ่งก่อน- วิธีนี้สามารถลดสารตกค้างได้ถึง 35 - 45 %---------------------------------------------

วิธีล้างผักที่ 4 การใช้น้ำส้มสายชู

รูปภาพ:

---------------------------------------------- ใช้น้ำส้มสายชูปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมลงในน้ำอุณหภูมิห้อง 4 ลิตร- แช่ผักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที- นำผักมาล้างน้ำสะอาดอีกรอบก่อนนำไปกิน- วิธีนี้ช่วยลดสารพิษตกค้างได้ถึง 29 - 38%---------------------------------------------

วิธีล้างผักที่ 5 การใช้เกลือ

รูปภาพ:

---------------------------------------------- ใช้เกลือป่นปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมลงกับน้ำอุณหภูมิห้องปกติ 4 ลิตร- แช่ผักทิ้งไว้ในน้ำประมาณ 10 นาที- นำผักที่แช่เสร็จแล้วมาล้างน้ำสะอาดอีกรอบก่อน- วิธีนี้ช่วยลดสารตกค้างได้ถึง 27 - 38%---------------------------------------------

จะเห็นได้ว่าผักสดที่เรากินอยู่ทุกวันสามารถส่งผลอันตรายต่อร่างกายได้ หากไม่ล้างทำความสะอาดอย่างดี แต่ไม่ใช่ว่าไม่สามารถกินผักสดได้เลยเพราะผักสดนั้นมีโภชนาการมากกว่าผักปรุงสุก อีกทั้งสัมผัสของผักก็ทำให้รสชาติดีกว่าผักปรุงสุกบางชนิด แต่สิ่งสำคัญหากอย่างทานผักสดควบคู่กับอาหารปรุงสุกแล้ว ควรที่จะล้างน้ำสะอาดไหลผ่านตลอด และใช้มือคอยลูบถูผักเบาๆ เพื่อล้างพวกสารตกค้างหรือสารเคมีให้หลุดออกมา เท่านี้แล้วก็สามารถทำให้กินผักสดอย่างหายห่วงแล้ว มาติดตามทริคความรู้ดีๆ ได้ทุกวันที่https://sistacafe.com/


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

https://sistacafe.com/summaries/76143

https://sistacafe.com/summaries/96001

https://sistacafe.com/summaries/95355