ท้องไม่พร้อมจะหมดไป ถ้าสังคมไทยช่วยกันเปลี่ยนมายเซตเรียกได้ว่า การท้องไม่พร้อมนั้นเป็นปัญหาที่เรื้อรังและถูกซุกซ่อนเอาไว้ใต้พรมขนบธรรมเนียมไทยมาอย่างยาวนาน ยิ่งเรื่องการคุมกำเนิดในวัยรุ่น ก็ถูกจัดว่าเป็นการสนับสนุนให้วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรไปซะอย่างนั้น จนทำให้ผู้หญิงหลายคนขาดความเข้าใจเพราะไม่มีใครให้ความรู้อย่างถูกต้อง นำไปสู่ปัญหาการตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ ปัญหาการมีลูกโดยไม่พร้อม รวมถึงการขาดการดูแลที่เหมาะสมจนเยาวชนเติบโตมาอย่างผิดลู่ทาง ทั้งๆ ที่เรื่องเหล่านี้ควรเป็นเรื่องที่สามารถป้องกันที่ต้นเหตุและพูดคุยอย่างเปิดเผยได้บทความนี้https://sistacafe.com/ก็เลยรวบรวม 10 คำถามยอดฮิตที่เกี่ยวกับ" การฝังยาคุมกำเนิด "ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งในวิธีการคุมกำเนิดสำหรับผู้หญิงที่เห็นผล และสามารถเข้าถึงได้ฟรีมาเล่าให้ฟังกัน ตอบข้อสงสัย ฝังยาคุมฟรีต้องทำยังไง? ฝังแล้วทำให้อ้วนจริงหรือเปล่า? และอีกหลายๆ คำถามสำหรับผู้หญิงหลายคนที่กำลังว้าวุ่นใจ มาดูไปพร้อมๆ กันเล้ย

รวม 10 คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ การฝังยาคุมกำเนิด

รูปภาพ:

Q1. การฝังยาคุมคืออะไร ?

การฝังยาคุม เป็นวิธีการคุมกำเนิดแบบชั่วคราว โดยจะเป็นการฝังหลอดบรรจุฮอร์โมนเล็กๆ ความยาวประมาณ 3 เซนติเมตร มาฝังเข้าไปที่ใต้ผิวหนังบริเวณใต้ท้องแขนด้านที่ไม่ถนัด ซึ่งฮอร์โมนจะค่อยๆ ซึมผ่านออกมาจากแท่งยาเข้าสู่ร่างกายและไปยับยั้งการตกไข่ ทำให้มูกบริเวณปากมดลูกเหนียวข้นส่งผลให้เชื้ออสุจิเคลื่อนผ่านเข้าไปในโพรงมดลูกได้ยากขึ้น และยังทำให้โพรงมดลูกบางไม่เหมาะกับการฝังตัวของตัวอ่อน ถ้าเกิดว่าในอนาคตเราอยากมีลูกขึ้นมาหรืออยากเปลี่ยนไปใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่น เพียงแค่เอาแท่งยาคุมออกก็จะสามารถมีลูกได้ตามปกติทันทีหลังหยุดใช้ยา

Q2. ฝังยาคุมมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง ?

ส่วนใหญ่ก็มีอาการคล้ายกับการใช้ยาคุมกำเนิดแบบทั่วไปเลยค่ะ คือ เจ็บคัดเต้านม มีอาการปวดศีรษะ เกิดสิว และอารมณ์แปรปรวนได้บ้าง ซึ่งส่วนใหญ่จะหายได้เองภายใน 6 เดือน แต่ถ้าหากว่ามีเลือดออกผิดปกติ ปวดศีรษะมาก มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติแนะนำให้ปรึกษากับแพทย์เพิ่มเติมนะคะ

Q3. การฝังยาคุม มีโอกาสตั้งครรภ์ได้กี่เปอร์เซ็นต์ ?

การฝังยาคุมยังมีโอกาสที่จะเกิดการตั้งครรภ์ได้อยู่บ้าง แต่โอกาสถือว่าเกิดขึ้นได้น้อยมากๆ คิดเป็นเปอร์เซ็นต์แค่เพียง0.05 - 0.1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเองค่ะ เรียกได้ว่าน้อยจนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าหากไม่เกิดการผิดพลาดในขั้นตอนการฝังยาคุม หรือว่าแท่งยาที่ฝังไม่ได้มาตรฐาน เพราะฉะนั้นสบายใจได้เลย ฝังยาคุมแล้วไม่ต้องกลัวว่าจะมีเบบี๋มาเซอร์ไพรส์ในตอนที่ยังไม่พร้อม

รูปภาพ:

Q4. การฝังยาคุมอยู่ได้กี่ปี ?

ยาฝังคุมกำเนิดชนิด1 แท่ง( Implanon® ) จะคุมกำเนิดได้นาน3 ปี

ยาฝังคุมกำเนิดชนิด2 แท่ง( Jadelle® ) จะคุมกำเนิดได้นาน5 ปีสำหรับใครที่อยากฝังยาคุมกำเนิด ซิสแนะนำว่าควรเริ่มฝังยาภายใน 7 วันแรกของการมีรอบเดือน ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการใช้ยาฝังคุมกำเนิดนั่นเองค่ะ

Q5. ฝังยาคุมแล้วประจำเดือนจะมาไหม ?

หลังจากฝังยาคุมเราก็ยังมีประจำเดือนตามปกติเลยค่ะ เพียงแค่ในช่วงแรกของการฝังยาคุมอาจมีประจำเดือนมาแบบกะปริดกะปรอย และจะค่อยๆ หายไป ทั้งนี้แต่ละคนอาจมีอาการข้างเคียงที่ส่งผลให้มีประจำเดือนที่แตกต่างกันขึ้นได้ เช่น บางคนมีมากขึ้น ถี่ขึ้นกว่าปกติ บางคนมาช้า มาเร็ว หรือบางคนประจำเดือนอาจไม่มาเลยก็ได้

Q6. ฝังยาคุมกี่วันถึงจะมีเพศสัมพันธ์ได้ ?

ควรงดมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 7 วันแรกไปก่อน หรือถ้าหากอยากมีเพศสัมพันธ์ก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ต้องป้องกันการตั้งครรภ์ด้วยการคุมกำเนิดวิธีอื่นควบคู่กันไป เช่น การใช้ถุงยางอนามัย เป็นต้น

รูปภาพ:

Q7. ฝังยาคุมแล้วไม่ใส่ถุงยางได้ไหม ?

ถ้าหากว่าเราฝังยาคุมกำเนิดมาแล้วก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ ยาที่ฝังไปเค้าก็จะออกฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้แล้วค่ะ และจากที่เราพูดถึงกันไปก่อนหน้านี้ว่าโอกาสที่จะตั้งครรภ์มีน้อยมากๆ ดังนั้น

สามารถไม่ใส่ถุงยางได้ แต่ต้องอย่าลืมว่าการฝังยาคุมนั้นป้องกันได้แค่การตั้งครรภ์แต่ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้

เพราะฉะนั้นหากใช้ร่วมกันทั้ง 2 วิธี ประสิทธิภาพการคุมกำเนิดและความปลอดภัยก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วยค่ะ

Q8. หลังจากฝั่งยาคุม หลั่งในได้ไหม ?

หากฝังยาไปแล้วเกิน 7วัน ฤทธิ์ยาคุมกำเนิดแบบฝังจะมีฤทธิ์เต็มที่ หากต้องการมีเพศสัมพันธ์แบบหลั่งในก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้วิธีการคุมกำเนิดชนิดอื่นร่วมด้วยค่ะ

Q9. ฝังยาคุมแล้วจะอ้วนไหม ?

การฝังยาคุม ไม่ได้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้อ้วน ที่บางคนอาจมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหลังจากการฝังยาคุมนั้น ก็ยังไม่มีข้อมูลบ่งชี้ชัดเจนว่าเกิดจากการฝังยาคุมจริงหรือไม่ หรือเกิดจากพฤติกรรมในการกินอาหารที่เปลี่ยนไป แต่ถ้าเรารู้สึกว่าน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นโดยไม่เกี่ยวกับการรับประทานอาหาร  ให้รีบไปพบแพทย์เพราะอาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น อาจเกิดจากภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ หรือฮอร์โมนที่ฝังไปนั้นมีผลข้างเคียงต่อร่างกายและก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมาเป็นต้น

Q10. ฝังยาคุมฟรี ทำยังไง ?

❥ อายุไม่เกิน 20 ปี


ปัจจุบันผู้หญิงชาวไทยที่มีอายุไม่เกิน 20 ปี มีสิทธิ์เข้ารับการฝังยาคุมกำเนิดได้ฟรีและไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ตามสิทธิ์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยสามารถเข้ารับคำปรึกษาเรื่องการคุมกำเนิด พร้อมกับฝังยาคุมกำเนิดฟรีได้ทุกสถานพยาบาลของรัฐทั่วประเทศ

❥ อายุเกิน 20 ปี


ส่วนใครที่อยู่ในกลุ่มอายุ 20 ปีขึ้นไป และ

มีสิทธิบัตรทอง

สามารถเข้ารับบริการได้เลยที่สถานบริการในเครือข่ายของ สปสช.ทั่วประเทศ ผ่านหน่วยบริการระบบบัตรทองที่ร่วมบริการตามความสะดวกได้ ถ้าเกิดว่าไปแล้วโดนเจ้าหน้าที่ปฏิเสธการรักษาว่าไม่ฟรี มีค่าใช้จ่าย ให้โทรหาสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อยืนยันและตรวจสอบสิทธิการใช้บริการได้เลยค่ะ

ช่องทางการตรวจสอบสิทธิหลักประกันสุขภาพ

1. ตรวจสอบผ่านสายด่วน สปสช. โทร 1330 กด 2 และกดเลข 13 หลักของบัตรประจำตัวประชาชน (ระบบการตรวจสอบอัตโนมัติ)

2. ตรวจสอบผ่านแอปพลิเคชัน สปสช. โดยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันผ่าน App Store บนระบบ iOS หรือ Play Store บนระบบ Android

3. ตรวจสอบผ่านเว็ปไซต์ สปสช. ได้ที่https://eservices.nhso.go.th/eServices/mobile/login.xhtml

4. ตรวจสอบผ่านเฟซบุ๊กเพจ สำนักงานหลักประกันสุขภาพ ได้ที่https://www.facebook.com/NHSO.Thailand

5. ตรวจสอบผ่าน LINE โดยค้นหา LINE ID: @nhso หรือคลิกhttps://lin.ee/zzn3pU6และเลือกเมนู ตรวจสอบสิทธิ

6. นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจสอบสิทธิฝังยาคุมฟรีผ่านแอปพลิเคชัน เป๋าตัง โดยลงทะเบียนเข้าระบบ แล้วเลือกเมนู กระเป๋าเป๋าสุขภาพ > สิทธิสุขภาพ ได้เช่นกัน

*ถึงจะฝังฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายก็จริงแต่ถ้าเกิดว่าเรามีผลข้างเคียงและต้องการเอายาที่ฝังออกก่อนครบกำหนดกรณีนี้จะมีค่าใช้จ่ายนะคะ ไม่ฟรี!

เพราะฉะนั้นก่อนจะฝังยาคุมกำเนิดควรปรึกษาแพทย์และสอบถามรายละเอียดให้ดี หรือถ้ามีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถติดต่อสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ตามช่องทางที่ซิสบอกไว้ข้างบนได้เลยค่ะ อย่าไปกลัว อย่าไปเขิน เพราะซิสก็เคยทักไปสอบถามมาแล้ว เจ้าหน้าที่พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างดีเลยค่ะ

- - - - - - - - - - - - - - -

เป็นยังไงกันบ้างคะ กับ 10 คำถามเกี่ยวกับ

การฝังยาคุมกำเนิด

ที่

https://sistacafe.com/

รวบรวมมาให้ ถ้าหากเรายังไม่พร้อมและไม่ได้วางแพลนจะมีเบบี๋จริงๆ ลองเรียนรู้วิธีคุมกำเนิดเอาไว้ก็ถือว่าไม่เสียหายอะไรเลยค่ะ เราจะได้รู้จักป้องกันเพื่อตัวเราเองด้วย ซึ่งแน่นอนว่าข้อดีก็มีแต่ผลข้างเคียงก็อาจมีตามมาได้เช่นกัน เพื่อความชัวร์ก็ให้ลองปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่มการรักษานะคะ และที่สำคัญที่อยากฝากเอาไว้อีกซักรอบ

การฝังยาคุมกำเนิดช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้จริงแต่ไม่ได้ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

เพราะฉะนั้นหากเรายังไม่ได้ตกลงปลงใจจะมีคู่นอนเพียงคนเดียวในตอนนี้ เพื่อความปลอดภัยไม่ว่าในสถานการณ์ไหนก็อย่าลืมยืดอกพกถุงยางไปด้วยน้าา

Designer :tt.

Writer :BabyPeachy

อ่านบทความเพิ่มเติมจาก

https://sistacafe.com/

ได้ที่นี่

https://sistacafe.com/summaries/98136

https://sistacafe.com/summaries/98136

https://sistacafe.com/summaries/98146

https://sistacafe.com/summaries/98148

https://sistacafe.com/summaries/95132