เมื่อนึกถึงสีหวาน ๆ มีความเป็นผู้หญิงอยู่ในตัวมันเอง จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก
' สีชมพู '
ซึ่งไม่ว่าจะไปอยู่ตรงไหน ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า มันก็ดูมีความเป็นสาวไปเสียหมด ไม่เว้นแม้แต่ในเครื่องสำอางด้วย มีสาว ๆ ที่ชอบบลัชออนสีชมพู เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำให้ใบหน้าของเราดูสดใส มีสุขภาพดี แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าเป็นอายแชโดว์ล่ะ? .....
หลายคนกลับเลี่ยงที่จะนำสีชมพูมาแต่งตา เพราะกลัวว่าจะทำให้ตาดูบวม!
อันที่จริงก็มีคนอยากแต่งตาสีชมพูเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ? วันนี้เราจะมาบอก
เคล็ดลับของการแต่งตาด้วยอายแชโดว์สีชมพู
กัน
แบบที่ดูหวาน และทำให้ตาไม่ดูบวม
ด้วย จะมีวิธีการอย่างไรนั้น ตามมาชมกันได้เลยค่า
1. เลือกอายแชโดว์สีชมพูที่เข้มกว่าผิวสัก 2 เฉดเป็นสีพื้น
เรื่องนี้คล้าย ๆ กับเรื่องทฤษฎีสีค่ะ อย่างการใส่เสื้อผ้าสีเข้มจะทำให้เราดูผอมลง ในขณะที่คนรูปร่างอวบก็จะไม่กล้าใส่เสื้ออ่อนเพราะกลัวว่าจะดูอ้วน เช่นเดียวกับเรื่องการใช้อายแชโดว์สีชมพูนั่นแหละค่ะ ยิ่ง
ใช้สีชมพูอ่อนกว่าหรือประมาณเดียวกันกับผิว ก็มีสิทธิ์ที่จะทำให้ตาของเราดูบวมกว่าเดิมได้
ยิ่งเป็นคนผิวขาว ตาหมวยด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง อันดับแรกที่เราควรทำก็คือ
เลือกอายแชโดว์สีชมพูที่เข้มขึ้นมาในระดับกลาง ๆ
จะเป็นชมพูออกมาทางเฉดไหนก็ได้ ทั้งชมพูหวาน ชมพูอมส้ม ชมพูอมแดง หรือชมพูอมม่วง ทาให้ทั่วเปลือกตาเป็นพื้น แล้วอาจจะใช้เจ้าสีเดิมนี่แหละ ค่อย ๆ ไล่สีสร้างมิติให้เปลือกตาเข้าไป เป็นหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ตาดูบวมน้อยลงค่ะ :)
2. ไล่เฉดความเข้ม-อ่อนของอายแชโดว์สีชมพู
ต่อยอดมาจากข้อที่แล้วเลยค่ะ ถ้ารู้สึกว่าใช้ชมพูเฉดเดียวนำมาไล่สีมันดูน่าเบื่อเกินไป นำสีชมพูเฉดอื่น ๆ มาใช้ร่วมกันก็ได้ค่ะ อาจจะเลือกเป็นอายแชโดว์พาเลทเล็ก ๆ สักตลับที่เขาคุมโทนสีมาให้เลยก็ได้ อย่างถ้าเป็นโทนชมพู มันก็ต้องมีทั้งชมพูอ่อน ชมพูกลาง ชมพูเข้ม และอาจมีสีอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงพอจะแมทช์กันได้ อย่างม่วงพลัม สีแดง หรือสีน้ำตาล เป็นต้น
วิธีการก็ง่าย ๆ เลยแค่เลือกสีชมพูกลาง ๆ เป็นตัวยืนพื้น แล้วใช้สีเข้มในการเน้นตรงส่วนอื่น ๆ ที่เป็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่นเบ้าตา ชั้นพับเปลือกตา หรือหางตาก็ได้ค่ะ
3. เจือโทนสีอื่น ๆ ลงไป
ข้อนี้เสมือนเป็นการแตกแยกย่อยมาจากข้อ 2 ค่ะ ถ้าอยากสนุกกับสีสันมากขึ้น ใช้อายแชโดว์สีอื่น ๆ นอกจากสีชมพูเจือ ๆ เข้าไปด้วยก็ได้ค่ะ แต่สีอื่น ๆ ในที่นี้ไม่ใช่ว่าจะใช้สีอะไรก็ได้นะคะ เกิดไปเลือกสีคู่ตรงข้ามอย่างสีฟ้า สีเขียวขึ้นมา อันนี้ไม่รู้ด้วยน้า...
แนะนำว่า
สีที่จะนำมาแมทช์กับสีชมพูนั้น ควรเป็นสีพื้น ๆ ที่เรานำมาแต่งตาได้ตลอดในทุก ๆ โอกาส
เช่น สีเบจ สีน้ำตาล สีส้ม สีม่วง หรือแม้แต่สีแดงที่เป็นต้นกำเนิดของสีชมพูอีกที นอกจากจะสร้างมิติแล้ว ยังเป็นการช่วยให้การแต่งตาของเราดูมีลูกเล่นมากขึ้นอีกด้วย!
4. ใช้เทคนิคการแต่งตาแบบสโมกกี้อายส์
ใครที่แต่งหน้าเป็นประจำคงจะรู้จักการแต่งตาแบบ
' สโมกกี้อายส์ '
กันดี ซึ่งสโมกกี้อายส์แบบคลาสสิคนั้นจะมาในโทนสีเทา-ดำ หรือไม่ก็น้ำตาล-ดำเป็นส่วนมาก แต่จริง ๆ มันก็สามารถใช้เฉดสีอื่น ๆ ได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นสีชมพูหรือสีใด ๆ ก็ตาม
เพียงใช้สีดำหรือสีน้ำตาลเข้มในการเน้นบริเวณหางตา หรือคัดเบ้าสักเล็กน้อย ก็ได้ความเป็นสโมกกี้อายส์แล้ว
( ลืมบอกไปอีกนิดว่าการแต่งตาแบบสโมกกี้อายส์นั้นจะช่วยให้ดวงตาของเราดูชัดและกลมโตมากขึ้นค่ะ )
5. เพิ่มมิติใด้วยอายแชโดว์สีสว่างแวววาวที่กลางเปลือกตา
หากเป็นคนไม่ชอบแต่งตาหนัก ๆ แบบสโมกกี้อายส์ ไม่อยากใช้สีสันมากนัก หรืออยากเน้นความชัดของเนื้อสีอายแชโดว์ให้มากหน่อย แนะนำว่าไม่ต้องสรรหาอายแชโดว์พาเลทอะไรมาเยอะแยะค่ะ ง่ายสุดก็แค่เลือกอายแชโดว์สีชมพูในเฉดที่ชอบมาทาให้ทั่วเปลือกตาเป็นสีพื้น และใช้อายแชโดว์สีสว่าง ๆ ผสมชิมเมอร์มาแท้บ ๆ ตรงกลางเปลือกตาเล็กน้อย เท่านี้ก็จะทำให้การแต่งตาของเราดูน่าสนใจมากขึ้นไปอีก เสมือนเป็นการเล่น Texture เพื่ออำพรางความตาบวมได้อีกขั้นหนึ่งค่ะ
6. อายไลเนอร์และมาสคาร่าคือตัวช่วยสุดท้ายในการปิดจ๊อบ!
เป็นเรื่องที่บอกเป็นประจำเวลาว่าการที่จะแต่งตาให้ดูสวยเปล่งประกาย มีความน่าสนใจได้นั้น
ควรมีการเขียนอายไลเนอร์และมาสคาร่าเข้ามาด้วยทุกครั้ง เพื่อทำให้การแต่งตานั้นดูสวยสมบูรณ์แบบค่ะ
จะเลือกแต่เขียนตาหรือปัดขนตาอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือจะเลือกทั้งสองอย่างก็ได้ แต่อย่างน้อยต้องไม่ทำให้ดวงตาดูโล้นเกินไปค่ะ ( ถ้าทาแค่อายแชโดว์อย่างเดียวก็จะเป็นแบบนั้นล่ะ )
***************************************
ได้ไอเดียและรู้เทคนิคกันไปพอสมควรเลยใช่มั้ยล่ะ? ทุกอย่างนี้มาจากประสบการณ์การแต่งหน้าล้วน ๆ ค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมิ้วเป็นคนชอบแต่งตามาก ๆ ค่ะ เลยพอจะรวบรวมเป็นไอเดียมาฝากเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ชาว
SistaCafe
ได้ ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าแต่งตาสีชมพูแล้วจะดูบวมอีกต่อไป สุดท้ายนี้ก็หวังว่าจะชื่นชอบบทความนี้กัน ขอตัวลาไปแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีค่ะ :)