สวัสดีจ้ะทุกคน เคยมั้ยที่เวลาไปเที่ยวที่สยาม ร้านค้าต่างๆ ก็มีมากมายให้เดินไปแวะเวียน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่รู้จะช้อปอะไรดี
// หมดงบแล้วไงประเด็น
เลยอยากจะหาที่นั่งชิลล์ๆ หลีกหนีผู้คนซักที่ หรือบางทีอยากจะไปสยามอ่ะ แต่ไม่รู้จะนั่งร้านไหนดี วันนี้เราจะมาชี้เป้าแหล่งแฮงค์เอาท์ที่เพิ่งไปค้นพบโดยบังเอิญกัน เชื่อว่าสาวๆ จะต้องถูกใจแน่ๆ เพราะเราไปมาแล้ว.. และขอบอกว่าโดนใจสุดๆ ไปเลยล่ะค่ะ โดยเฉพาะบรรยากาศร้านที่หาไม่ได้จากที่ไหนในสยาม วันนี้จะมารีวิวกันแบบละเอียดยิบไปพร้อมๆ กับมือถือคู่ใจพี่
Samsung S7 edge
นี่แหละ ตามมาๆ!!
ชี้เป้าตำแหน่งคาเฟ่ เดินจากบีทีเอสสยาม ไม่เกิน 5 นาทีก็ถึง!
ร้าน
Growth Cafe & Co.
อยู่ไม่ไกลจากบีทีเอสสยามเลยค่ะคุณ ร้านตั้งอยู่ที่สยามสแควร์ซอย 2 ค่ะ เลี้ยวซ้ายเข้าซอยมาปุ๊บมองซ้ายไว้ก็เจอทางขึ้นร้านเลย ป้ายสีเขียวสดใส อยู่ตรงข้ามเยื้องๆ กับทรูคาเฟ่
ตัวคาเฟ่จริงๆ จะอยู่บริเวณชั้น 2 ค่ะ มีบันไดให้เดินขึ้นไป ซึ่งระหว่างทางขึ้นถึงจะเป็นบันไดเล็กๆ แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวแม้แต่นิดเดียว เค้าตกแต่งไว้อย่างอบอุ่นทีเดียวเชียว โปรยบรรยากาศความสบายใจไว้ด้วยผนังสีขาวและกรอบรูปน่ารักๆ เดินไปถึงด้านบนก็จะถึงทางเข้าบริเวณชั้น 2 ซึ่งเป็นบริเวณของคาเฟ่นั่นเอง บริเวณคาเฟ่นี้ไม่เล็กไม่ใหญ่ เรียกว่าขนาดกำลังพอดีๆ จัดโต๊ะไว้อย่างน่านั่ง ตกแต่งเป็นสไตล์ Loft ผนังสีขาว เฟอร์นิเจอร์ไม้สีสะอาดตา
แต่เราว่าที่นี่เป็น Loft ที่สไตล์แตกต่างจากที่อื่นตรงที่ใช้สีเขียวเป็นส่วนหนึ่งในการตกแต่งด้วยนี่แหละ ทำให้ความรู้สึกแรกที่เดินเข้าไปในร้านมันสบายตาสบายใจเหมือนหลุดมาอีกโลกหนึ่งเลยแหละ ใครจะคิดว่ากลางสยามสแควร์ที่ผู้คนรายล้อมด้วยห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ร้านค้าหรูหรา ร้านเสื้อผ้ามากมาย ก็มีที่
Growth Cafe & Co.
นี่แหละ ที่เป็นเหมือน
' โอเอซิสแห่งสยามสแควร์ '
เลยล่ะ
เพราะที่นี่นอกจากจะได้หลีกหนีความหนีความวุ่นวายจากเมืองกรุงแล้ว บรรยากาศสีเขียวที่ทำให้เราเหมือนได้ใกล้ชิดธรรมชาติไปในตัวด้วยล่ะ แต่ความดีงามของที่นี่ไม่ได้มีแค่บรรยากาศสวยๆ เท่านั้นนะ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องดื่มหรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ เค้าจัดหนักจัดเต็มให้ผู้มาเยือนทุกคนเลยค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวกที่ Growth Cafe & Co. มีอะไรบ้าง?
1. ปลั๊กไฟ
สิ่งอำนวยความสะดวกที่นี่เรียกว่าครบครันเลยนะ ส่วนตัวให้คะแนน 10 10 10 ไปเลยค่ะ เพราะไม่ว่าจะเลือกนั่งมุมไหนก็มีปลั๊กไว้คอยอำนวยความสะดวก จะเสียบปลั๊กคอมพ์หรือชาร์ตมือถือ ทางร้านก็จัดชุดใหญ่ไฟกะพริบให้ลูกค้าในทุกๆ มุมเลย
2. ไวไฟ
อีกอย่างที่ขาดไม่ได้นั่นคือ.. ไวไฟ นั่นเองงง!! ซึ่งปกติถ้าเราไปตามคาเฟ่อื่นๆ หรือแมคโดนัลด์ เค้าก็จะจำกัดชั่วโมงการเล่นใช่มั้ยล่ะ แต่ที่ Growth Cafe & Co. นี้เค้าจะให้รหัสมากรอกแล้วเล่นได้ยาวๆ ไปเลยค่ะ แถมไวไฟที่ใช้เป็นสายเฟเบอร์ด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องความเร็วนี่หายห่วง ไม่มีอืดแน่นอน
3. อาหารจานหลัก + ขนม + เครื่องดื่ม
ที่นี่มีส่วนของอาหารและเครื่องดื่มให้บริการครบค่ะ ชั้น 2 เป็นคาเฟ่ ส่วนชั้น 3 และ 4 เป็นโซนทำงาน แต่ไม่ว่าจะนั่งชั้นไหนก็สามารถสั่งอาหารและเครื่องดื่มไปทานได้ ไม่ได้จำกัดโซนอะไร สะดวกสบายสุดๆ ไม่ต้องออกไปไหนก็อิ่มได้
4. โซนจัดอีเว้นท์
บริเวณชั้น 3 และ 4 มีบริเวณกว้างๆ ไว้จัดอีเว้นท์ได้ค่ะ โดยเค้าจะแบ่งเป็น 3 ช่วงเวลา ได้แก่ 8.30-12.00 น. / 13.00-16.30 น. / 17.30-21.00 น. จุได้ถึง 40 คนเลย ส่วนห้องประชุมบริเวณชั้น 4 แยกต่างหากก็มี สามารถจุได้ 12 คน คิดค่าบริการ 550 บาท / ชั่วโมง แถมมีจอโปรเจ็คเตอร์ให้บริการด้วยค่ะ
5. โซนบาร์ขนมและน้ำดื่ม ฟรี! ( เฉพาะชั้น 3 )
บริเวณชั้น 3 ซึ่งเป็น co-working space จะมีโซนที่เป็นบาร์อยู่ค่ะ ตรงนี้เค้าจะมีขนมขบเคี้ยว น้ำเปล่า น้ำอัดลม ให้บริการ ฟรี!! นอกนั้นก็มีมาม่าคัพด้วยแต่ก็ต้องเสียค่าบริการนะ
ส่วนของคาเฟ่ - นั่งยาวๆ ได้ไม่ว่ากัน!
ในส่วนของคาเฟ่บริเวณชั้นสองนี้เป็นบริเวณที่สามารถนั่งชิลล์ได้ในหลายๆ มุมเลยค่ะ เค้ามีโต๊ะหลายๆ แบบให้เลือกนั่ง ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้นุ่มๆ สบายๆ ที่ตั้งอยู่ริมกระจก สามารถนั่งจิบกาแฟ มองบรรยากาศความวุ่นวายในสยามได้ ( ส่วนชั้นนั่งอยู่ในแอร์เงียบๆ โฮะๆๆ ) หรือถ้าอยากจะนั่งแบบโต๊ะเพื่อนั่งทำงาน ส่วนคาเฟ่นี้เค้าก็มีจัดไว้ให้เหมือนกัน
ความเก๋ไก๋ของที่นี่คือ ถึงแม้ว่าจะเป็นส่วนของคาเฟ่ แต่เค้าไม่หวงปลั๊กเลยนะคะ มีจัดให้ทุกโต๊ะเลย ใครที่อยากมานั่งทำงานยาวๆ แต่ไม่แคร์เรื่องเสียงรบกวนนักก็สามารถนั่งทำงานที่นี่ได้เลย เค้าไม่หวงแม้แต่นิดเดียว เพราะจุดประสงค์ก็คืออยากให้ทุกคน enjoy the moment ที่สุดแล้วกลับมานั่งที่นี่อีกนั่นเอง ( ไม่มีความดราม่าเหมือนที่อื่นที่เค้าจะไม่อนุญาตหรือมองแรงแน่นอน! )
อาหารและเครื่องดื่ม จัดหนักจัดเต็ม อยู่ได้ทั้งวัน!
อาหาร ขนม และเครื่องดื่มของที่นี่เค้าจัดหนักจัดเต็มค่ะ หลักๆ ในส่วนของเครื่องดื่มก็เหมือนคาเฟ่ทั่วไปที่จะเสิร์ฟกาแฟประเภทต่างๆ แต่ความพิเศษของที่นี่คือเค้ามีเมนูพิเศษเพิ่มเติมค่อนข้างหลากหลายเมนูเลยทีเดียวค่ะ เช่น White Malt Cornflake, Mocha Oreo Milkshake หรือจะเป็นเครื่องดื่มประเภท Smoothie หรือ Italian Soda เค้าก็มีเสิร์ฟเหมือนกัน ซึ่งแต่ละอย่างจะเห็นได้ชัดเลยว่าเค้าใส่ใจในรายละเอียดจริงๆ
สำหรับราคาของเครื่องดื่มจะเริ่มต้นตั้งแต่ 75 - 145 บาท ถือว่าเป็นราคาเรียกว่าค่อนข้างรับได้เลยสำหรับคาเฟ่ที่อยู่กลางสยามแบบนี้
นอกจากนี้ในส่วนของอาหารและของหวาน ที่นี่เค้าก็มีให้บริการเหมือนกัน แถมมีให้เลือกเยอะด้วยนะ สำหรับใครที่ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ อยากได้อะไรเบาๆ รองท้องก็สามารถสั่งซุปต่างๆ มาทานก่อนได้ เช่น ซุปข้าวโพด ซุปแซลม่อน ซุปผักโขม ซุปฟักทอง เป็นต้น หรือถ้าหิวจัดเลยก็สามารถจัดหนักกับเมนูหลักต่างๆ ได้ เช่น สปาเก็ตตี้ แซนวิช หรือข้าวหน้าต่างๆ แต่ละเมนูเห็นแล้วเลือกไม่ถูกเลยว่าจะทานอะไร ไงสาวๆ ก็ลองมาเลือกทานดูกันได้นะ
อ้อๆๆ ส่วนของหวานเค้าก็มีเยอะแยะนะเธอ ไม่ว่าจะเป็นเค้กช็อกโกแลตก้อนโต หรือชีสพายต่างๆ แต่ละชิ้นก้อนใหญ่มาก ฟินสุดๆ สำหรับคอของหวานค่ะ
ในส่วนของราคานั้นนนน.. เราปลาบปลื้มมากเพราะจริงๆ แล้วเราคิดว่าราคามันจะโหดกว่านี้เนื่องจากอยู่กลางสยาม ( อาหารมีสองร้อยอัพแน่ๆ ) แต่ๆๆๆๆ!!! ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 75 บาท ไปจนถึง 150 บาท เท่านั้น!!
ส่วนของ Co-Working Space : ขอพื้นที่เล็กๆ ให้ยังมีโลกของตัวเองได้มั้ย~
ส่วนของพื้นที่ที่จัดเป็น Co-Working Space หรือพื้นที่สำหรับนั่งทำงานนี้จะอยู่บริเวณชั้น 3 และชั้น 4 ค่ะ ซึ่งจะเรียกว่ามันเป็นโซนเงียบก็ไม่เชิงนะ เรียกว่าเป็นพื้นที่สำหรับใครก็ตามที่ต้องการพื้นที่ทำกิจกรรมดีกว่า เพราะจากที่สังเกตดูคนที่เลือกมานั่งบริเวณนี้นอกจากจะเป็นพี่น้องสายอาชีพไอทีที่ต้องทำงานกับโน้ตบุ๊คและเหล่าฟรีแลนซ์ทั้งหลายที่ไม่มีออฟฟิศให้ไปนั่งแล้ว ก็มีบางกลุ่มที่มาเวิร์คช็อปสอนแต่งหน้า ทำงานกลุ่ม หรือจะมานั่งต่อเลโก้สร้างโลกส่วนตัวของตัวเองก็จัดได้เลย ที่นี่เค้าเปิดรับสำหรับทุกไลฟ์สไตล์อยู่แล้วล่ะ
บริเวณชั้น 3 นี้มีโต๊ะให้นั่งทั้งแบบมุมสันโดษนิดๆ กับมุมที่เป็นโต๊ะใหญ่ ซึ่งสำหรับมุมสันโดษนี่จะว่าโดดเดี่ยวเดียวดายก็ไม่ใช่ซะทีเดียวเพราะไม่ได้เป็นโต๊ะแยกเดี่ยวเลย เรียกว่าเป็นโต๊ะใหญ่แต่มีพื้นที่ของตัวเองดีกว่า เราว่าทางร้านตั้งใจออกแบบให้เป็นแบบนี้เลยเพราะสามารถนั่งทำงานไป แถมพูดคุยกับคนที่มานั่งทำงานข้างๆ ได้ด้วย สร้าง connection แถมแชร์ความรู้กัน เก๋จะตาย!
จริงๆ concept ของ co-working space โดยตัวมันเองแล้วคือสถานที่สำหรับการแชร์ข้อมูล ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็นกันนั่นเอง แต่สำหรับบ้านเราก็อาจจะเก้อเขินกันไปบ้างเนอะ ก็ แหม.. แอบเกรงใจคนข้างๆ เหมือนกัน แต่ถ้าเราสนใจจริงๆ ก็ลองกระแซะๆ ถามดูก็ได้นะ นอกจากจะได้เพื่อนใหม่และความรู้ใหม่ๆ แล้วอาจได้เจอคนรู้ใจก็เป็นได้
// โอ๊ยยย พล็อตเกาหลีไปอี๊กกก~
ต่อมาเราลองขึ้นมาดูบริเวณของชั้น 4 กันบ้างว่าจะแตกต่างจากชั้น 3 ซึ่งเป็น co-working space เหมือนกันอย่างไร ปรากฎว่าบริเวณชั้น 4 นี้เค้าก็มีโซนโต๊ะทำงานเหมือนกันค่ะ แต่จะแตกต่างตรงที่มีห้องประชุมแยกต่างหากที่สามารถจุคนได้ทั้งหมด 12 คน แบบสบายๆ แถมด้านนอกก็มีพื้นที่โต๊ะเตี้ยๆ สำหรับนั่งกับพื้นเผื่อใครนั่งเก้าอี้จนเบื่อ อยากยืดเส้นยืดสายกลิ้งเกลือก อันนี้ทางร้านก็ไม่ว่ากัน แถมจัดให้ไปเลยกับโต๊ะเล็กๆ น่ารัก น่านั่ง น่านอน
จริงๆ แล้วชั้น 4 นี้มีโซนที่เป็นห้องอาบน้ำด้วยนะ เพราะทาง
Growth Cafe & Co.
เค้าเตรียมพร้อมไว้สำหรับคนที่อยู่ทำงานทั้งคืนจนถึงเช้าแล้วต้องไปทำงานต่อก็สามารถอาบน้ำอาบท่าแล้วไปทำงานต่อได้เลย สะดวกครบครันแถมนึกถึงจิตใจคนทำงานหามรุ่งหามค่ำแบบเรา ปลื้มปลิ่มค่าา~~
สบายตา สบายใจมากๆ เลยใช่มั้ยล่ะ เวลาที่เราไปบางครั้งก็แค่ไปนั่งริมกระจกกับลาเต้อุ่นๆ ซักแก้ว นั่งมองความวุ่นวายของสยามด้านล่างไปเรื่อยๆ แค่นี้ก็ฟินแล้วจริงๆ หรือบางวันก็หอบโน้ตบุ๊คติดมือไปนั่งทำงานยาวๆ ทั้งวัน งานก็เสร็จไปเยอะ แถมได้ทานของอร่อยๆ ด้วย ฟินไปอีกค่ะเธอ
เอาเป็นว่าใครที่กำลังเบื่อๆ สยามสแควร์ ไม่รู้ว่าไปแล้วจะทำอะไรดีก็ลองแวะไปที่
Growth Cafe & Co.
ดูก็ได้นะ แล้วจะติดใจในความชิลล์ ไปแล้วต้องกลับไปอีกเหมือนเรานี่แหละ ฮ่าๆๆ วันนี้ลาไปก่อนค่ะ มีที่ไหนน่าเที่ยวน่าไปโดนแล้วจะมาแนะนำกันใหม่นะ บ๊ายบาย