รูปภาพ:

ฝ้าแดด อีก 1 ปัญหาหาผิวชวนหนักใจ ที่ทำให้เราขาดความมั่นใจ ทุกข์ใจ ไม่กล้าเผยผิว ยิ่งฝ้าหนาขึ้นเท่าไหร่ เยอะขึ้นเท่าไหร่ ความมั่นใจก็ยิ่งลดลงเท่านั้น และยิ่งประเทศไทย ที่แดดแรงขึ้นชื่ออยู่แล้ว ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลักของปัญหาผิวเลยโดยเฉพาะเมื่อเราโดนแดดเป็นเวลานาน จึงเป็นที่มาของ ฝ้าแดดสะสม

ซึ่งนอกจากแสงแดดแล้ว ฝ้ายังเกิดได้จากแหล่งกำเนิดอื่น ๆ อย่างแสงสีฟ้า แสงโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ เรียกได้ว่า สาเหตุการเกิดฝ้านั้น อยู่รายล้อมรอบตัวเราเลยค่ะ

ดังนั้น นอกจากพยายามหลีกเลี่ยงแล้ว แต่เมื่อเป็นฝ้าก็ต้องหาวิธีรักษาอย่างเร่งด่วน อย่างการหา สกินแคร์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นฝ้า ซึ่งวันนี้เราจะมาแชร์วิธีการเลือกสกินแคร์ที่เหมาะกับปัญหาฝ้าแดดจุดดำรอยคล้ำและชวนเพื่อน ๆ มาจัดSkincare Regimeสำหรับคนเป็นฝ้า กันค่ะซิส

แต่ก่อนที่เราจะไปจัดSkin Regimeสำหรับคนที่มีปัญหาฝ้าแดดจุดดำรอยคล้ำสิ่งที่เราจะต้องรู้อย่างแรกก็คือ การรู้จักกับActive Ingredientsที่ช่วยดูแลปัญหารักษาฝ้าแดด จุดดำ รอยคล้ำกันก่อนเลย

Active Ingredients ปราบฝ้า

รูปภาพ:

โดยส่วนประกอบที่เป็น Active ตัวหลัก ๆ ที่มักนิยมใช้ในการแก้ปัญหา

ฝ้าแดด จุดดำ รอยคล้ำ

นั้น ได้แก่

Hydroquinone :ตัวยาทาผิวหนัง ที่ช่วยยับยั้งกระบวนการเปลี่ยนแปลงของสีผิว โดยเข้าไปรักษาภาวะที่ผิวหนังผลิตเม็ดสีมากผิดปกติ เป็นสารที่สามารถใช้รักษาปัญหาฝ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง แต่ก็สามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ ดังนั้น การใช้ยาตัวนี้ จึงควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ และเภสัชกรเสมอ และปัจจุบันนี้ถูกสั่งห้าม ไม่ให้ใส่ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่วางจำหน่ายทั่วไป

Kojic Acid :กรดที่เกิดจากการหมักข้าวสาเก มีคุณสมบัติในการปรับสีผิว ให้เม็ดสีผิวที่เข้มผิดปกติจางขึ้น พร้อมลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน พร้อมช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี ช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ และกระจ่างใส

Niacinaminde :หรือที่รู้จักโดยทั่วไปว่า วิตามินบี 3 มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ในการดูแล ฟื้นฟู และปกป้องผิว ช่วยให้ผิวแข็งแรง พร้อมสร้างเกราะป้องกันผิว

Vitamin C :หรือ L Ascorbic Acid มีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ สามารถช่วยเพิ่มความต้านทานต่อการถูกแดดเผามากขึ้นถึง 20% ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว และมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ช่วยปรับผิวให้กระจ่างใส และยังช่วยดูดซึมของกลูต้าไทโอนในเซลล์ของร่างกาย และจัดเป็นวิตามินบำรุงผิวที่ไม่อันตราย ไม่เกิดการสะสมในร่างกายอีกด้วย

เมื่อเรารู้แล้วว่ามีActive ingredientsตัวไหนบ้างที่มีคุณสมบัติช่วยในการแก้ปัญหาฝ้าแดด จุดดำ รอยคล้ำนั้น ทีนี้เราก็จะสามารถจัดSkincare Regimeของเราได้แล้วค่ะ ตามไปดูกันเลยว่า แต่ละขั้นตอน ควรเลือกผลิตภัณฑ์แบบไหนกันบ้าง

Step 1 #คลีนผิวใส ห่างไกลฝ้าแดด

รูปภาพ:

เริ่มต้นที่ขั้นตอนแรกกันก่อนเลยค่ะ นั่นก็คือการคลีนผิวเป็นขั้นตอนที่เราจะมองข้ามไม่ได้เลยโดยเฉพาะกับคนที่ต้องแต่งหน้าจัดเต็มอยู่บ่อย ๆ ยิ่งต้องใส่ใจกับขั้นตอนนี้เป็นพิเศษเลยค่ะ การข้ามขั้นตอนนี้ไปล้างหน้าเลยอาจจะส่งผลเสียระยะยาวต่อผิวได้ เพราะการล้างหน้าภายในขั้นตอนเดียวนั้นไม่สามารถการันตีได้ว่า ผิวของเราจะสะอาดเกลี้ยงเกลา 100 % ดังนั้นจึงต้องทำการDouble Cleanในทุก ๆ วัน เพื่อไม่ให้เหลือสิ่งสกปรกตกค้างบนผิว ที่เป็นสาเหตุหลักของปัญหาสิว ผิวเสีย และก็ให้เกิดผิวอักเสบ ทำให้ผิวอ่อนแอ แพ้ง่าย ทำให้ผิวหน้าไวต่อแสง ซึ่งสามารถสะสมเป็นจุดด่างดำ และเป็นสิว ฝ้าได้ค่ะ

โดยคำแนะนำ คือ ควรเลือกคลีนซิ่งที่มีความอ่อนโยน ปราศจากสารเคมีที่รุนแรง ซึ่งในขั้นตอนนี้เราสามารถเลือกคลีนซิ่งที่มีActive Ingredientsที่ช่วยลดปัญหา ฝ้าแดด จุดดำ รอยคล้ำได้

Step 2 #ล้างหน้าให้สะอาด พร้อมฟาดฝ้าแดด

รูปภาพ:

อีก 1 ขั้นตอนที่สำคัญลำดับต้น ๆ เลยค่ะซิส อย่างขั้นตอนของการเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าสำหรับผิวของคนที่มีปัญหาฝ้านั้น จัดได้ว่า เป็นผิวที่มีความบอบบาง มีความเซนซิทีฟมาก ๆ และเป็นผิวที่สามารถเกิดอาการแพ้ได้ง่ายมาก ๆ ค่ะ ดังนั้นโฟมล้างน้าที่เหมาะคนคนมีปัญหาฝ้านั้น จะต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความบอบบางเป็นพิเศษอย่าง ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของธรรมชาติที่ผสมActive Ingredientที่สามารถแก้ปัญหาฝ้า และเน้นปรับผิวให้มีความกระจ่างใส แต่ต้องไม่ทำให้ผิวแห้งตึงหลังล้างหน้าด้วย เพราะเมื่อผิวแห้งตึงจนเกินไปจะก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวบริเวณฝ้าได้ดังนั้นแนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าด้วย

Step 3 #บำรุงผิวใส ไฟท์ฝ้าแดด

รูปภาพ:

มาที่ขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ในการสู้กับฝ้าแดดเจ้าปัญหาเลยก็คือ การเลือกเซรั่มที่จะเข้าไปบำรุง จัดการกับปัญหาฝ้าแดดอย่างตรงจุด ซึ่งการเลือกเซรั่มก็ง่าย ๆ เลย คือ เลือกเซรั่มที่มีActive Ingredientsที่มีคุณสมบัติ ที่สามารถเข้าไปยับยั้งการทำงานของเซลล์สีผิว ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ไม่สม่ำเสมอ อย่างที่เราแนะนำกันไปแล้วในหัวข้อก่อนหน้านี้ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำให้เราแพ้ โดยหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอม สารกันบูด แอลกอฮอล์ พาราเบน ซิลิโคน หรือสีซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ หรือระคายเคืองต่อผิว เพราะถ้าขืนใช้ตัวที่ไม่ถูกกับเรา ก็จะส่งผลให้ปัญหาฝ้าแดดแย่ลงได้เลยค่ะ

ซึ่งตัวที่เราอยากแนะนำเพื่อน ๆ เลยก็คือGarnier Bright Complete Vitamin C Ampoule Serumตัวนี้เค้าเป็นแอมพูลเซรั่ม ที่อัดแน่นไปด้วยActive Ingredientsเข้มข้น มีประสิทธิภาพมากกว่าเซรั่ม โดยเค้าช่วยจัดการปัญหาฝ้าแดดลึก จุดด่างดำสะสม พร้อมดูแลปัญหารอยคล้ำใต้ตาได้ด้วยค่ะ  และเค้าเคลมว่าให้เราเห็นผลลัพธ์ภายใน 6 วันเลย


รูปภาพ:

Garnier Bright Complete Vitamin C Ampoule Serumมีส่วนผสมของ 2 Active Ingredients ที่ช่วยแก้ปัญหาฝ้าแดด คือ3% วิตามินซีและไนอาซินาไมด์นั่นเองค่ะ โดยเค้าจะถูกซีลมาในแอมพูลเพื่อคงความสดใหม่ทุกครั้งที่เปิด สะอาด ไม่มีสารปนเปื้อน ใช้งานง่าย หากเราใช้สกินแคร์อะไรอยู่ แล้วรู้สึกว่าไม่แพ้ ก็สามารถเพิ่มตัวนี้เข้าไปได้เลย หรือว่าจะใช้เดี่ยว ๆ ก็ได้ เห็นผลกันไปเลยใน 6 วันค่ะ

รูปภาพ:

เนื้อแอมพูลมีความเข้มข้นมาก แต่ให้สัมผัสที่มีความบางเบา ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ผ่านการทดสอบทางคลินิกแล้วว่า สามารถใช้ได้ปลอดภัยกับทุกสภาพผิว

Step 4 ล็อกผิวชุ่มชื้น ฟื้นผิวสู้ฝ้าแดด

รูปภาพ:

หลังจากที่เราบำรุงผิวด้วยเซรั่มหรือ แอมพูลกันไปแล้ว สิ่งที่ห้ามลืมเลยก็คือ ขั้นตอนการล็อกความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วยการทามอยส์เจอไรเซอร์เพื่อลด หรือป้องกันภาวะผิวแห้ง ลอก คัน หรือระคายเคือง บำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวนุ่ม และอิ่มน้ำมากยิ่งขึ้นค่ะ

Step 5 #กันแดดกันฝ้าแดด

รูปภาพ:

ขั้นตอนที่ห้ามขาดเลยค่ะ ก็คือขั้นตอนของการทากันแดด ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ช่วยป้องกันปัญหาฝ้าได้ดีมาก ๆ เพราะสาเหตุหลักของการเกิดฝ้า โดยเฉพาะฝ้าแดดนั้น ก็มาจากแสงแดดนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นUVAและUVBที่สามารถทะลุจากชั้นบรรยากาศ เข้ามาทำร้ายผิวหนังเราได้ และหากยิ่งสะสมนาน ๆ ก็จะทำให้เม็ดสีผิวที่ผิดปกติเข้มขึ้น จนเกิดเป็นฝ้า นั่นเองค่ะ

ดังนั้นเวลาเลือกครีมกันแดด จึงควรเลือกครีมกันแดดที่สามารถปกป้องผิวของเราจากทั้งรังสี UVA และ UVB โดยให้เราดูค่าต่าง ๆ ดังนี้SPFหรือSun Protection Factorคือ ค่าการป้องกันรังสี UVB โดยปกติผิวหนังของคนเรา จะทนต่อแสงแดดได้ไม่เกิน 30 นาที SPF15 แปลว่า ครีมกันแดดนี้จะปกป้องผิวของเราได้ 15 เท่า

PAหรือProtection Grade of UVAคือ ค่าการป้องกันรังสี UVA ยิ่ง PA+ มากเท่าไหร่ ยิ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ได้มากขึ้นเท่านั้น สูงสุดจะอยู่ที่ PA++++

Step 6 #Makeup ดี ก็หนีฝ้าแดดได้

รูปภาพ:

อีกหนึ่งทางออกง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ทันทีเลยก็คือ Makeup ค่ะ โดยใช้ไพรเมอร์ คอนซีลเลอร์ ตามด้วยรองพื้น เพื่อปกปิดจุดด่างดำ และฝ้าแดด แต่คำแนะนำคือ เราไม่ควรแต่งหน้าหนาจนเกินไป เพราะแทนที่ผิวเราจะเรียบเนียน ไร้ฝ้า แต่เมคอัพที่หนาอาจจะนำมาซิ่งสิ่งสกปรก อุดตันรูขุมขน ก่อให้เกิดปัญหาผิว อย่างสิวอุดตันได้ ดังนั้น แนะนำให้เลือกเมคอัพที่มีความบางเบา แต่ปกปิด ทำความสะอาดง่าย ที่สำคัญคือ ควรเลือกเมคอัพที่มีส่วนช่วยในการบำรุงผิวด้วยค่ะ

สูตรไม่ลับ ยกกำลังสวย สับฝ้าแดด ด้วย Garnier Bright Complete Ampoule Serum

รูปภาพ:

ซิสบอกต่อ เคล็ดไม่ลับค่ะชาวซิส นอกจากจะใช้เป็นเซรั่มเพียว ๆ แล้ว เรายังสามารถใช้Garnier Bright Complete Ampoule Serumนำมาผสมกับสกินแคร์อื่น ๆ ในขั้นตอนต่าง ๆ ได้ด้วยน้าไม่ว่านำมาผสมกับแผ่นมาสก์หน้า แล้วนำมามาสก์หน้า หรือจะนำมาผสมกับกันแดด และรองพื้น ก็จะช่วยเสริมการบำรุงผิวเข้าไปในทุกขั้นตอนอีกด้วย ซึ่งสามารถใช้ได้ทุกวันเลยค่ะตัวนี้เป็นเคล็ดไม่ลับที่ช่วยสับฝ้าแดด แบบฟาด ๆที่เราอยากแนะนำให้ลอง และหากเพื่อน ๆ คนไหนสนใจ ก็สามารถหาซื้อ และนำมาผสมในสกินแคร์ที่ใช้อยู่เป็นประจำกันได้เลยค่ะ

ขนาด 1.5 ml x 12 ชิ้น ราคา 449 บาทขนาด 1.5 ml 1 ชิ้น ราคา 39 บาท

รูปภาพ: