1. SistaCafe
  2. โรคกลัวฝน พาทำความรู้จัก Ombrophobia คืออะไร ? พร้อมวิธีรับมือเมื่อต้องเผชิญ

เพื่อน ๆ หลายคนอาจจะเคยดูซีรีส์หรือหนังที่ตัวเอกของเรื่องเป็น

โรคกลัวฝนหรือ Ombrophobia

กันมาบ้าง แต่อาจจะคิดหรือสงสัยขึ้นมาว่า

โรคแบบนี้มีอยู่จริง ๆ หรอ ?

ดอลลี่ขอตอบเลยว่า


มีอยู่จริงค่ะ !


โดยเป็นอาการของโรคแพนิคอย่างหนึ่งนั่นเอง และในวันนี้ดอลลี่จะพาทุกคนมาทำความรู้จักโรคนี้กันให้มากขึ้นกับ โรคกลัวฝน (Ombrophobia) คืออะไร สาเหตุเกิดจากอะไร พร้อมบอกวิธีรับมือง่าย ๆ ที่สามารถทำได้เมื่อต้องเผชิญ ถ้าพร้อมแล้วตามไปอ่านกันได้เลย



• • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •

ชวนทำความรู้จักกับ โรคกลัวฝน คืออะไร ?

โรคกลัวฝน

(Ombrophobia)


เป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่งที่มีอาการคล้ายกับโรคแพนิค

สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเพศไหนวัยไหน ตั้งแต่เด็กไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ โดยสาเหตุหลักของการเกิดโรค

เกิดจากการฝังใจจากเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาที่ฝนตก

เช่น เห็นเหตุการณ์ทางธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับฝนที่รุนแรงและน่ากลัว หรือสูญเสียคนที่รักจากอุบัติเหตุทางฟ้าฝน กลายเป็นอาการของโรคกลัวฝนนั่นเอง







อาการของโรคกลัวฝน (Ombrophobia)

ผู้ที่เป็น

โรคกลัวฝน (Ombrophobia)


จะมีอาการมากน้อยขึ้นอยู่กับระดับความกลัว และเหตุการณ์ฝังใจของแต่ละบุคคล แต่สิ่งที่มีความคล้ายคลึงกันก็คือ ระดับของความกลัวและรู้สึกไม่ชอบเมื่อมีฝนตกจะมากกว่าบุคคลปกติทั่วไป

ซึ่งเกิดจากความผิดปกติทางจิต เมื่อสภาพอากาศเริ่มดูมีทีท่าเหมือนฝนจะตก

จะเกิดอาการสั่นกลัว จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว และลำบาก

นอกจากอาการเหล่านี้ผู้ที่ป่วยเป็นโรคกลัวฝนอาจจะมีอาการกลัวในเรื่องของน้ำ หรือ กลัวฟ้าร้องร่วมด้วยได้เช่นเดียวกัน



รับมือยังไงเมื่อเป็นโรคกลัวฝน ?

โรคกลัวฝน วิธีรับมือที่ 1. หากิจกรรมที่ชอบทำในช่วงฝนตก

วิธีนี้เป็นการช่วงเบี่ยงเบนความสนใจของเราให้หยุดคิดว่าขณะนี้ฝนกำลังตกอยู่ หากเพื่อน ๆ รับรู้ว่าฝนกำลังตกอยู่

ให้หากิจกรรมที่ชื่นชอบทำระหว่างฝนตก เพื่อเป็นการปรับสภาพจิตใจให้รู้สึกดีขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม ดูหนัง ดูซีรีส์ อยู่กับเพื่อนและคนรัก สิ่งเหล่านี้สามารถช่วยให้เราลืมช่วงเวลาแย่ ๆ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตไปได้ชั่วขณะ เนื่องจากเป็นความสุขและความชื่นชอบของเรานั่นเอง



โรคกลัวฝนกับวิธีรับมือที่ 2. ไม่อยู่คนเดียวในช่วงฝนตก

วิธีนี้ถือว่าเป็นวิธีรับมือกับอาการของโรคกลัวฝนได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ


เพราะการที่เรามีใครสักคนมาอยู่ข้าง ๆ ในช่วงเวลาที่รู้สึกแย่และเลวร้ายต่อความรู้สึกเรา ใครสักคนที่สามารถเป็นเซฟโซนและความสบายใจให้กับเราได้ ก็จะ

ทำให้เรารู้สึกอุ่นใจมากขึ้น และคลายความกังวลลง


ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน คนรัก หรือสัตว์เลี้ยงที่แสนน่ารักของเราก็ถือว่าเป็นยารักษาใจที่ดีได้เช่นเดียวกัน ^^



โรคกลัวฝนกับวิธีรับมือที่ 3. ไม่อยู่เงียบ ๆ ขณะฝนตก

การอยู่เงียบ ๆ ขณะฝนตกถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งค่ะ

สำหรับผู้ที่เป็นโรคกลัวฝน เพราะเมื่อฝนตกก็จะเกิดเสียงดัง เสียงฝนกระทบกับหลังคา ทำให้เรารับรู้ว่าขณะนี้ฝนกำลังตกอยู่


ทางที่ดีที่สุดก็คือควรจะหากิจกรรมที่เสียงดังทำ อย่างเช่น การฟังเพลง ดูหนัง หรือเปิดอะไรก็ได้ที่ทำให้เราไม่ได้ยินเสียงฝนตก


เสียงเหล่านี้จะช่วยกลบเสียงความกลัวที่อยู่ภายในจิตใจเรา ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้นั่นเอง



โรคกลัวฝนมีโอกาสรักษาหายไหม ?

สำหรับใครที่เป็นอยู่ หรือมีคนใกล้ตัวที่เป็นโรคกลัวฝนและ

สงสัยว่าโรคนี้มีสิทธิ์ที่จะรักษาให้หายไหม

ดอลลี่ตอบเลยว่า

มีค่ะ

เพราะโรคนี้ถือว่าเป็นอาการของโรคในกลุ่มจิตเวชชนิดหนึ่ง อย่างกลุ่มของอาการแพนิคต่าง ๆ

หากได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องและได้รับคำแนะนำ การดูแลจากแพทย์อย่างถูกวิธี ก็มีสิทธิ์ที่จะหายขาดจากโรคนี้ได้

เพียงแค่เราอดทนและเอาชนะตนเองให้ได้ ดอลลี่เชื่อว่าในสักวันหนึ่งเราจะต้องหายดี และสามารถกลับมาสดใสร่าเริงในช่วงหน้าฝนได้อีกครั้งแน่นอนค่ะ ^^



นอกจากโรคนี้ก็ยังมีโรคที่คล้ายกันอยู่อีกนะ !

นอกจากโรคกลัวฝนที่เกิดขึ้น ดอลลี่บอกเลยว่าก็ยังมีโรคแปลก ๆ ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงอีกมากมาย เนื่องจากแต่ละบุคคลล้วนประสบพบเจอกับเหตุการณ์สะเทือนใจในชีวิตที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่น

โรคกลัวลม (Ancraophobia) โรคกลัวหิมะ (Chionophobia)โรคกลัวแสงแดด เป็นต้น

ซึ่งเกิดจาก ณ ช่วงเวลานั้นเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้บุคคลนั้นจำฝังใจนั่นเอง และโรคเหล่านี้ก็สามารถรักษาให้หายได้เช่นเดียวกับโรคกลัวฝน ไม่ว่าจะกลัวอะไร เราก็สามารถรักษาได้นะ ถ้าใจเราสู้ !



★  ★°★ . *. °☆ . ● . ★ ☆ ★ ° ☆ ¸. ¸★

เป็นยังไงกันบ้างคะกับการทำความรู้จักกับโรคกลัวฝน(ombrophobia)

หวังว่าทุกคนที่เข้ามาอ่านจะไม่มีใครกลัวฝนกันน้า เพราะช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝนที่ดอลลี่อยากให้ทุกคนมีความสุขกันเยอะ ๆ ไม่ประสบพบเจอกับเรื่องที่น่าเจ็บปวดใด ๆ แต่ถ้าใครเป็นอยู่ก็เอาใจช่วยนะคะ มั่นใจว่าชาวซิสที่น่ารักและเข้มแข็งจะต้องผ่านไปได้อย่างแน่นอน สำหรับวันนี้ก็ต้องขอตัวลาไปก่อนแล้วพบกันใหม่กับสาระดีดีได้อีกที่https://sistacafe.com/ในครั้งหน้านะคะบ๊าย บาย~



บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

https://sistacafe.com/summaries/96180

https://sistacafe.com/summaries/95440

https://sistacafe.com/summaries/95415

https://sistacafe.com/summaries/95253

https://sistacafe.com/summaries/95305


เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้