สวัสดีค่ะ สาวๆSistaCafeที่กำลัง ' เติบโต ' ทุกคน (´。• ᵕ •。`) ♡การใช้ชีวิต แน่นอนว่าไม่ได้มีแต่ทางเดินที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ช่วงที่ซิสยังเป็นเด็กอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจ เพราะเรื่องที่ทำให้ล้มยังเล็กน้อย ยังมีครอบครัวที่ช่วยซัพพอร์ตได้อยู่ แต่เมื่อเรียนจบ ทำงาน ก้าวสู่โลกความเป็นจริง เรื่องที่ล้มก็เริ่มเป็นเรื่องใหญ่ เจอผลกระทบเองคนเดียวเต็มๆ ไม่มีใครมาหารอีกต่อไปใครที่ชีวิตราบรื่นมาโดยตลอด ก็อาจเป็น Culture Shock ที่ค่อนข้างรุนแรงเหมือนกัน บางคนช็อก ท้อ ล้มแล้วไม่ยอมลุก หรือหนีปัญหาไปเลยก็มีต้องบอกก่อนว่า ไม่มีมนุษย์คนไหนที่ไม่เจอปัญหา จะยากดีมีจนก็ต้องเจออุปสรรคในการใช้ชีวิตทั้งนั้น แต่ ' ความล้มเหลว ' ก็เป็นขั้นตอนที่จะมุ่งสู่ประสบความสำเร็จเช่นกัน เมื่อเราล้ม เราจะมีโอกาสได้พัฒนาตัวเอง ทบทวนสิ่งที่ผิดพลาด ทำสิ่งใหม่ๆ แล้วก้าวต่อไปในบทความนี้เราจะมาบอกต่อ' 7 เหตุผลที่สาวๆ ควรล้มเหลวตั้งแต่อายุยังน้อย 'เพื่อประสบความสำเร็จได้ในอนาคต ทำไมต้องรีบล้ม? ถ้าล้มตอนอายุไม่มากจะดียังไง? มาอ่านกันเลย

1. ถ้าไม่เคยล้ม ก็อาจไม่มีทางเห็น 'เส้นทางใหม่ๆ ที่เป็นไปได้'

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/8c6d16bd574c3db82a68e3dfeaba2204.jpg

การใช้ชีวิตไปตามเส้นทางปกติที่ทั่วไปเดิน เราก็จะเห็นแต่เส้นทางที่คนทั่วไปมองเห็น ถ้ารู้สึกว่าชีวิตตอนนี้น่าเบื่อ ราบเรียบ ขอให้รู้ไว้เลยว่าชีวิตจริงๆ ไม่ได้น่าเบื่อหรอก แต่เธอไม่ได้ไปถางทาง สำรวจเส้นทางใหม่ๆ ต่างหาก

ทำพฤติกรรมแบบเดิม ผลลัพธ์ในชีวิตก็เหมือนเดิม ทางเดียวที่จะออกจากลูปนี้ได้คือต้องเริ่มเปลี่ยน เริ่มลงมือทำอะไรสักอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าก็อาจมีความเป็นไปได้ที่จะ ' ล้มเหลว ' เหมือนกัน

หากลองปรับเส้นทางแล้วทางนี้ไม่รอด ก็มองว่าเราเจอถนนที่มีสิ่งกีดขวาง เราก็แค่ต้องเลี้ยวรถไปหาเส้นทางอื่น ชีวิตมีหลายทางให้เลือกเสมอ อยู่ที่เราจะเจอหรือเปล่า ความล้มเหลวก็เป็นกุญแจดอกหนึ่งที่จะปลดล็อกเส้นทางเหล่านั้น

ถ้าวันนี้เคยชินกับการเดินบนพื้นคอนกรีต พื้นลาดยางแล้ว ลองลงไปเดินบนพื้นหญ้า พื้นหินกรวดดูบ้าง อาจจะเจอหนทางใหม่ๆ ที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้ค่ะ

2. ได้ตัดช้อยส์ที่ 'ไม่เวิร์คกับชีวิต' ออกไปให้เหลือน้อยลง

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/087e34bb8e9db855a96e0f5aaf42d4df.jpg

หากสาวๆ ใช้ชีวิตที่ธรรมดาราบเรียบ หรือตัดสินใจได้ถูกต้องมาตลอดตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อวันหนึ่งเธอเจอจุดเปลี่ยน เลือกเส้นทางนี้แล้วไม่เวิร์ก เช่น เลือกสายที่เรียนผิด, ไปแบ็คแพ็ค เลือกประเทศที่คิดว่าปลอดภัยแล้วแต่ที่จริงอันตราย, เลือกคบเพื่อนผิด หรือแม้แต่เรื่องง่ายๆ อย่างทำสีผมผิดแล้วหน้าดูแย่กว่าเดิม

ก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกเฟล โทษตัวเองซ้ำไปมา เพราะการตัดสินใจทุกอย่าง มันมีสองผลลัพธ์เสมอ คือดีกับพัง ถ้าหวยไปออกที่ ' พัง ' ก็แค่จำไว้ว่าอย่าทำอีก เท่านั้นเอง

แม้จะโชคร้าย เลือกเส้นทางใหม่ก็ยังล้มเหลวอีก คิดในแง่ดีคือเธอก็ได้ตัดช้อยส์สิ่งที่ไม่เหมาะกับเธอออกไปเยอะขึ้นเรื่อยๆ เข้าใกล้ความสำเร็จขึ้นไปอีกสเต็ปขนาดนักวิทยาศาสตร์ที่สร้างผลงานระดับโลกหลายคน หรือนักธุรกิจพันล้านมากมาย ก็ล้มเหลวมาเป็นร้อยๆ ครั้งกว่าจะเจอสิ่งที่เวิร์กกับตัวเอง สิ่งที่เธอเจอเป็นเรื่องปกติมาก ใครจะรู้ว่าเสี่ยงครั้งหน้าอาจเจอของดีระดับพรีเมี่ยมเลยก็ได้ และถ้าเธอไม่ล้มมาก่อน เธอก็จะไม่มีวันเจอสิ่งนี้!

3. แม้สุดท้ายจะล้มเหลว ก็ได้ 'ทักษะและประสบการณ์' กลับมา

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/57996fdd065a59a8530637582a1ead57.jpg

ในทุกๆ ความล้มเหลว ย่อมมีสิ่งให้เราเก็บเกี่ยวตามมาเสมอ นอกจากเวลาที่เสียไป เราก็ได้ ' ทักษะและประสบการณ์ ' ในสิ่งนั้นๆ กลับคืน อย่าเพิ่งสบประมาทว่าความรู้เหล่านี้ไม่มีประโยชน์ เพราะมันอาจนำมาประยุกต์ ช่วยเธอไว้ในอนาคตก็เป็นได้

เช่น ทำธุรกิจแล้วไปไม่รอด, ทำสายงานที่ไม่ถนัด, ลองคบเพื่อนที่ไลฟ์สไตล์ไม่ตรงกัน, ลงเรียนวิชาที่ไม่ชอบ เป็นต้น

แม้สุดท้ายไปไม่ถึงปลายทาง แต่อย่างน้อยก็ได้ประสบการณ์และมุมมองช่วงที่ได้ทำ เอาไปต่อยอดหรือหลีกเลี่ยงก็อีกเรื่องค่ะ

ไม่ผิดเลยถ้าเราจะลองเสี่ยงกับบางอย่าง ที่ในใจลึกๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าคงไม่ประสบความสำเร็จ เพราะแค่ได้ทักษะหรือประสบการณ์ระหว่างนั้นมาบ้างแม้เล็กน้อย ก็คุ้มแล้ว

4. ตั้งใจที่จะใช้ 'โอกาสที่สอง' อย่างมีสติมากกว่าเดิม

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/28d3376df82309c80132705afeb12644.jpg

หากเธอใช้ชีวิตอย่างระแวดระวังมาตลอด เลือกสิ่งที่ถูกต้องทุกครั้ง มันก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้วแหละ แต่ข้อเสียคือเธอจะทำทุกอย่างด้วยแพชชั่นแบบกลางๆ ทุกเรื่อง เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่ายังไงก็รอด


เช่น ลงเรียนวิชาที่ถนัด อ่านหนังสือแบบผ่านๆ ก็ยังได้เกรด A อยู่ดี แต่ในทางกลับกัน ถ้าเธอไปลงเรียนวิชายากๆ แม้จะมีโอกาสสอบตก แต่ถ้ามี ' โอกาสที่สอง ' จากอาจารย์ ให้เธอขยัน ลงแรงกับวิชานี้อีกรอบแล้วผ่าน เธอจะรู้สึกถึงคุณค่าของวิชานี้มากกว่าวิชาอื่น จริงไหมล่ะ

ถ้ายกตัวอย่างแบบสุดโต่งเลย ก็นึกภาพเด็กติดถ้ำที่เป็นข่าวดังเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา การตัดสินใจผิดเข้าไปในถ้ำทำให้เด็กๆ ต้องอดข้าวอดน้ำอยู่หลายวัน แข่งกับเวลาที่น้ำขึ้นสูงเรื่อยๆ ถ้าคนมาช่วยไม่ทันก็อาจเสียชีวิต


การได้รอดชีวิตกลับออกมา ก็เหมือนได้มีโอกาสที่สองในการ ' มีชีวิต ' อีกครั้ง ทำให้พวกเขาระวัง มีสติในการใช้ชีวิตได้มากกว่าเดิมค่ะ

5. มีภูมิคุ้มกันชีวิตมากขึ้น หากล้มครั้งหน้า ก็จะลุกได้เร็วขึ้น

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/42a7d7d2704b867fce703c6d3c031c67.jpg

คนที่ใช้ชีวิตแบบไม่เคยผิดพลาด โดยเฉพาะ perfectionist ทุกอย่างดูเพอร์เฟกต์น่าอิจฉาไปหมดก็จริง แต่หากมีเหตุการณ์ใหญ่ๆ ที่ทำให้ล้มขึ้นมา คนเหล่านี้จะล้มแล้วลุกยากที่สุด เพราะไม่มีภูมิคุ้มกันใดๆ เลย

ไม่เคยผิดหวัง ไม่เคยเสียใจ เมื่อเจอแล้วก็จะมีเอฟเฟกต์มากกว่าคนปกติ บางคนอาจรับไม่ได้ถึงกับเป็นโรคซึมเศร้า ถึงขั้นอยากฆ่าตัวตายเลยก็มี

การได้ลองเสี่ยง ลองทำอะไรเยอะๆ ถูกบ้างผิดบ้าง ข้อดีคือเธอจะมีภูมิคุ้มกันชีวิตเยอะ เข้มแข็งขึ้น เหมือนการฉีดวัคซีนเข้าร่างกายหลายๆ เข็ม หากมีเชื้อโรคเข้ามาโจมตี เธอก็จะตั้งรับได้ทัน

หากเชื้อนั้นแรงจนทำให้เธอทรุดลงอย่างช่วยไม่ได้ เธอก็จะมีกำลังใจเตรียมลุกขึ้นเมื่อหายดีได้เร็ว ในขณะที่คนไม่เคยล้ม อาจปล่อยให้ตัวเองนอนติดเตียงตลอดไป ดังนั้นทำพลาดบ้างเถอะ จะได้ไม่อ่อนแอ!

6. ตั้งรับทางความรู้สึกได้ดีขึ้น ไม่สติแตก ไม่ลนเหมือนครั้งแรก

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/9b3e2448f8e22ddb9cfa15945a78f91f.jpg

เมื่อสาวๆ ต้องเจอภาวะถาโถมจากอุปสรรคหลายอย่างในชีวิต สิ่งหนึ่งที่จะทำให้เธอได้เปรียบคนชีวิตราบเรียบก็คือ ' การตั้งรับทางอารมณ์ ( emotional resilience ) ' หรือพูดง่ายๆ ก็คือมีสติ ไม่สติแตกหรือลนลานเมื่อเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน


หากมีอุปสรรคเยอะแต่เด็ก เธอก็จะนิ่ง สุขุม มีสติ ความคิดโตเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุ แม้จะเจอขวากหนามไปเรื่อยๆ ก็จะแก้ปัญหาได้เร็วกว่าคนอื่น เพราะไม่ต้องเสียเวลาไปกับการระเบิดอารมณ์นั่นเอง

หากเป็นอุปสรรคเรื่องเดิมๆ แน่นอนว่าจะปล่อยผ่านได้เพราะเคยชิน แต่ถ้าเป็นปัญหาใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อน ก็อาจมีการกระทบจิตใจได้บ้าง คนที่เจอปัญหามาร้อยครั้ง จะมาสะเทือนใจครั้งที่ 101 ก็เป็นเรื่องปกติเช่นกันมนุษย์เราไม่ใช่พระอิฐพระปูน ยังไงก็ยังมีความรู้สึก เพียงแต่เธอจะลุกได้เร็วกว่าคนทั่วไป ไม่จมจ่อมกับเรื่องเดิมจนเสียเวลาทำเรื่องอื่นๆ ในชีวิตค่ะ

7. ความล้มเหลวจะ 'รีเซ็ตเป้าหมาย' ว่าชีวิตของเธอ ต้องการอะไรกันแน่

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/016a5d94e229ab1c044a9ea8c56fee0f.jpg

หากชีวิตของเธอสมบูรณ์แบบเกินไป ข้อเสียคือเธอจะมองเป้าหมายเด่นๆ ในชีวิตไม่ค่อยออก เพราะทุกอย่างก็ดูเป็นไปได้หมด หรือเลือนรางทั้งหมด เมื่อเป็นกลางทุกอย่าง ก็ทำให้เธอไม่มีแพชชั่นในการทำสิ่งใดเป็นพิเศษ

ใช้ชีวิตไปวันๆ เข้าภาวะ burnout ได้ง่ายโดยเฉพาะในวัยทำงาน แต่ถ้าเธอลองเสี่ยงทำบางสิ่งจนมีแรงกระแทกให้ล้มขึ้นมา เธอจะเหมือนถูกเบิกเนตรให้ตาสว่างว่า" จริงๆ ชีวิตฉันต้องการอะไรกันแน่ "

ยกตัวอย่างก็เช่น เธอลองทำธุรกิจส่วนตัวหามรุ่งหามค่ำ เพราะคิดว่าอยากมีเงินเก็บเยอะๆ แต่สุดท้ายไปไม่รอด และยังมีผลกระทบตามมาคือสูญเสียเพื่อน สุขภาพพัง ปวดหลัง ตาเป็นต้อ กล้ามเนื้ออักเสบจนต้องทำกายภาพบำบัด

เธออาจจะเพิ่งรู้ตัวตอนนั้นว่า เงินเก็บล้นบัญชีก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าต้องอยู่คนเดียวและอาจอายุสั้นเพราะสุขภาพแย่ เป็นต้น

---------------------------

การได้มาบางอย่าง ย่อมแลกมากับการสูญเสียบางอย่าง เธอจะไม่มีวันประสบความสำเร็จได้อย่างแท้จริง หากไม่เคยล้มเหลวหรือได้เรียนรู้สิ่งที่ผิดพลาดมาก่อน การล้มเหลวไม่ใช่สิ่งน่าอาย ไม่ใช่สิ่งชั่วร้าย แต่เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าเราได้กล้า ได้เสี่ยงที่จะลงมือทำ ผลลัพธ์ก็มีทั้งปัจจัยที่เราควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ หากทำเต็มที่แล้วแต่ไปไม่ถึงเป้าหมาย ก็แค่จำไว้เพื่อไม่ให้พลาดซ้ำแบบเดิมอีกในคราวหน้าชีวิตมันก็เท่านี้ อยู่เพื่อเรียนรู้และเก็บเกี่ยวข้อคิดไปเรื่อยๆ หากล้มช่วงอายุน้อย ก็ยังมีโอกาสให้ได้ล้มลุกคลุกคลานอีกเยอะ ถ้ากำลังอยากทำหรือตัดสินใจอะไรแต่ยังติดใน comfort zone ขอให้ก้าวออกมาแล้วลองทำดู ถึงจะไม่รอดก็ยังเป็นประสบการณ์ให้คิดถึง ดีกว่ารอจนอายุเยอะแล้วมาเสียดายว่าทำไมไม่ทำตั้งแต่แรก ถึงตอนนั้นก็อาจสายไปแล้ว อย่ากลัวการล้ม แต่จงกลัวชีวิตที่ไม่มีบทเรียนเลยจะดีกว่า ╮( ˘ 、 ˘ )╭