ฮัลโหลเพื่อน ๆ มาพูดคุยเมาท์มอยกันหน่อยเร็วว สำหรับบทความนี้ขอเปิดประเด็นในเรื่องของความสวยความงาม ถ้าให้พูดตามตรงใคร ๆ ก็อยากเป็นคนที่ดูดีกันอยู่แล้วเนอะ และถึงแม้ว่าโลกเราและสังคมจะพัฒนาไปมาก เรื่องของความสวยความงามที่เปิดกว้างมากขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในบางสังคมเรื่องของ Beauty Standard ก็ยังคงมีอยู่ อย่างล่าสุดก็มี โพสต์ในเอ็กซ์หรือทวิตเตอร์ ในเรื่องของความไม่มั่นใจในหน้าตาของตัวเอง จะทำยังไงถึงรักในหน้าตาตัวเองมากขึ้น ? บทความนี้เลยอยากชวนเพื่อน ๆ มาพูดคุยเกี่ยวกับ " ความคิดลบเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของตัวเอง " ความคิดแบบนี้ส่งผลอะไรกับเรา และมี วิธีเพิ่มความมั่นใจ ได้ยังไงบ้าง ลองตามไป Talk กันต่อในบทความนี้เลย


สาเหตุความคิดลบเกี่ยวกับหน้าตาของตัวเอง อาจมาจากสิ่งเหล่านี้


การมองเห็นคุณค่าในตัวเองต่ำ (Low-self esteem)


ความคิดลบที่เกิดขึ้นกับรูปลักษณ์หน้าตาของตัวเอง บางครั้งอาจจะเกิดมาจากการที่เรามองเห็นคุณค่าในตัวเองลดลง ( Low-self esteem ) เลยกลายเป็นกดดันตัวเองว่าเราไม่เก่ง ไม่สวย เกิดเป็นความไม่มั่นใจขึ้น ซึ่งสาเหตุของ Low-self esteem เกิดขึ้นได้ตั้งแต่ในวัยเด็ก จากอิทธิพลความคิดของบุคคลใกล้ชิด อย่างเช่น เคยถูกกลั่นแกล้ง โดนบุลลี่เรื่องหน้าตา ความกดดันจาก Beauty Standard ฯลฯ จนส่งผลกระทบต่อทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้รู้สึกเกลียดตัวเอง มีปัญหาในการตัดสินใจ โทษตัวเอง ไม่ค่อยมีความมั่นใจ เป็นต้น


โรคไม่ชอบรูปร่างหน้าตาตัวเอง (BDD)


นอกจากเรื่องของ Self-esteem ความพึงพอใจในตัวเอง เราลองไปค้นข้อมูลมาเพิ่ม แล้วเจอว่ามีโรคเกี่ยวกับการไม่พึงพอใจในใบหน้าตัวเองอยู่ด้วย นั่นก็คือ โรคไม่ชอบรูปร่างหน้าตาตัวเอง ( Body Dysmorphic Disorder ) ที่จัดอยู่ในกลุ่มโรคย้ำคิดย้ำทำ คือมีการส่องกระจกซ้ำ ๆ เกิดความรู้สึกไม่พอใจในรูปร่างและหน้าตาของตัวเองเกินปกติ ถามคนอื่นซ้ำ ๆ ด้วยความกังวลอยู่ตลอดเกี่ยวกับเรื่องรูปร่างหน้าตาของตัวเอง จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้จิตใจหมกมุ่น ไม่มีสมาธิ ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการเรียนและการทำงานลดลง หากมีอาการหนักมากๆ อาจส่งผลให้เกิดโรคซึมเศร้าได้ มักมีสาเหตุจากพื้นฐานจิตใจของผู้ป่วยที่เกิดความไม่มั่นใจในตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า ที่อาจมาจากค่านิยมภายในครอบครัว และสังคมรอบตัวที่ให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตา แต่ถึงอย่างนั้นภาวะของการไม่ชอบรูปร่างหน้าตาของตนเองก็ไม่ได้จัดเป็นโรคหรืออาการป่วยเสมอไป จะต้องพิจารณาตามความถี่ของอาการแสดงด้วย อย่างพฤติกรรมการสังเกตรูปร่างหน้าตาตนเอง ถ้าเกิดเป็นบ่อยโดยเฉลี่ย 3-8 ชั่วโมงต่อวัน ถึงจะเข้าข่ายเป็นโรค


รูปภาพ:https://thumb.photo-ac.com/6f/6fddc474b9bf08e72153b1e7eaf78276_t.jpeg

โรคคิดว่าตนเองมีรูปร่างหรืออวัยวะผิดปกติ Body Dysmorphic Disorder (BDD)


โรคคิดว่าตนเองมีรูปร่างหรืออวัยวะผิดปกติ หรือที่เรียกว่า Body Dysmorphic Disorder คือความรู้สึกที่ไม่พึงพอใจในรูปร่างและหน้าตาของตนเองเกินปกติ จัดอยู่ในกลุ่มโรคย้ำคิดย้ำทำ คือมีอาการคิดซ้ำ ๆ ไม่พอใจ เปรียบเทียบกับผู้อื่น และ มีพฤติกรรมทำซ้ำ เช่น ส่องกระจกบ่อย ๆ ถามผู้อื่นซ้ำ ๆ ด้วยความกังวล เป็นเวลาต่อเนื่องยาวนาน (โดยเฉลี่ย 3-8 ชั่วโมงต่อวัน) จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หรือส่งผลต่อการเรียนและการงาน รวมถึงอาจพบว่ามีการกระทำเพื่อเปลี่ยนแปลงตนเองรวมถึงการผ่าตัดศัลยกรรมบ่อยครั้ง


ความคิดลบเกิดขึ้นได้ยังไง? ควรแก้ไขยังไง?


หลังจากพูดคุยถึงสาเหตุของความคิดลบเกี่ยวกับหน้าตาของตัวเองมาแล้ว จากสาเหตุทั้งเรื่อง Low self-esteem หรือเรื่องโรคไม่ชอบรูปร่างหน้าตาตัวเอง ส่วนใหญ่เกิดขึ้นมาจากสภาวะภายใจจิตใจของเราที่กำลังมีความคิดในด้านลบอยู่ ถ้าเกิดอยากจะแก้ไขอาการเหล่านี้คงต้องย้อนกลับมาแก้ไขที่ต้นเหตุอย่างความคิดลบที่เกิดขึ้นด้วยบทความนี้เลยอยากชวนเพื่อน ๆ Talk กันต่อ ในเรื่องของความคิดลบเกิดขึ้นได้ยังไง? อาการแบบไหนเข้าข่ายเป็นคนคิดลบ? ให้ได้เข้าใจกับความคิดลบของตัวเอง เพื่อหาทางแก้ไขได้ต่อไป


ความคิดลบ เกิดขึ้นจากอะไร?


1. เกิดจากการสะสมประสบการณ์ในอดีต

เกิดมาจากการที่เราสะสมประสบการณ์บางอย่างในอดีตของตัวเราเอง แล้วกลับมาทับซ้อนเหตุการณ์ในปัจจุบันของเรา เราก็จะดึงชุดความคิดและความเชื่อของเราออกมา จนทำตัวเราเองเป็นคนคิดลบอยู่ตลอดเวลา บางทีเราอาจจะต้องมาเรียนรู้ในการที่จะอยู่กับความคิดนั้นให้ได้ เพื่อไม่ให้กระทบความสัมพันธ์กับคนรอบตัว

ถ้าเราลองสังเกตดี ๆ แล้ว ความคิดของมนุษย์เรา จะมีทั้งความคิดทางด้านบวกและลบอยู่แล้ว บางอย่างเราอาจจะเลือกได้ว่าเราจะเกิดเป็นความคิดบวกหรือลบ หรือเรื่องบางเรื่องสำหรับบางคนอาจจะเป็นเรื่องที่สามารถคิดบวกได้ แต่กับบางคนอาจจะคิดบวกไม่ได้ สิ่งเหล่านี้เกิดจากการที่ตัวเราสั่งสมประสบการณ์บางอย่าง จนทำให้ตัวเราเองแปลความตามความเชื่อและชุดความคิดของตัวเราเอง แต่พอเรามองคนรอบตัว เราอาจจะเห็นว่าบางคนก็มีความคิดลบอยู่เป็นประจำ บางคนก็จะคิดลบได้แม้กระทั่งเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้น เขาก็อาจจะดึงให้เราเข้าไปอยู่ในโลกของความคิดลบ ๆ ของเขา และอาจจะเป็นการผลักคนอื่น ๆ ออกจากตัวเขาไปด้วย


2. เกิดจากการสร้างความคิดด้านลบเพื่อปกปิดความรู้สึก

เราอาจจะพยายามสร้างความคิดเหล่านั้นเพื่อมาปกปิดความรู้สึกลึก ๆ ที่อยู่ในจิตใจของตัวเราเอง และแปลกไปกว่านั้น เรามักจะเห็นว่าเวลาที่ใครสักคนหนึ่งทำดี ก็จะมีกลุ่มคนบางกลุ่มมักจะคิดว่าเขาทำดีเพราะหวังผล บางคนเขาใช้ความพยายามมาก ๆ กว่าจะประสบความสำเร็จได้ คนก็อาจจะมองว่าถ้าไม่ได้เป็นเด็กเส้นก็ไม่ได้แบบนี้ กลับกลายเป็นว่ามองทุกเรื่องเป็นด้านลบ ๆ เต็มไปหมดเลย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เจอได้ง่ายมาก ๆ ในสังคมรอบรอบตัว รวมไปถึงตัวเราเอง บางทีเราก็จะมีมุมมองแบบนั้นต่อใครสักคนในชีวิตเราเหมือนกัน

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หลาย ๆ คนที่เขาเห็นเรามีความคิดด้านลบเกิดขึ้น เขาก็มักจะบอกกับเราว่าคิดบวกสิ รู้จักคิดอะไรที่ดี ๆ บ้าง แต่ก็ยากมาก ๆ เลยใช่ไหมคะ? การที่เรารู้สึกว่าเรื่องนี้เราคิดดีไม่ได้ แล้วต้องพยายามปรับเปลี่ยนความคิดให้เป็นอะไรที่ดูสดใส โลกสวย ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมาะกับการเป็นคนคิดบวก แต่การเป็นคนคิดบวกอาจจะช่วยทำให้กฎแรงดึงดูดบางอย่าง ดึงให้คนอยากจะเข้าหามากกว่า แต่บางทีการที่เราคิดบวกมาก ๆ เราก็ไม่ได้มีการจำลองบางอย่างเพื่อรับมือกับสิ่งต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น การที่เราจำลองแบบนั้นกับตัวเอง ก็จะเหมือนกันช่วยให้มีการเตรียมตัวและเตรียมใจกับตัวเอง ว่าถ้าวันที่เกิดขึ้นจริง ๆ เราจะจัดการอย่างไร


รูปภาพ:https://t3.ftcdn.net/jpg/05/53/64/18/360_F_553641866_U9Ce2uA9JjQ9WhSoIjeD88emqhN7CU5H.jpg

พฤติกรรมแบบไหน เข้าข่ายมีความคิดลบ

ความคิดเชิงลบ อาจเป็นลักษณะเพ่งโทษผู้อื่น โดยตั้งคำถามในใจกับตนเองว่า ทำไมเขาจึงไม่ดีกับเรา ทำไมเขาต้องทำอย่างนั้น คิดแบบนี้จะเป็นการเพ่งโทษผู้อื่น ก็เพราะเราจะคิดไปเองว่าเราถูกต้อง ผู้อื่นผิด ขณะคิดไปกลับไม่โปร่งสบาย แต่อาจโกรธ เคียดแค้น ไม่พอใจ ผู้อื่นได้ บางครั้งความคิดเชิงลบ เป็นลักษณะโทษตนเอง ตำหนิตนเอง โดยตั้งคำถามว่า ทำไมต้องเป็นเรา เราไม่ดีต่างๆ นานา โชคชะตาไม่ปราณีเรา เราเป็นคนมีเวรมีกรรม เราเป็นคนโชคร้ายเสมอ ฯลฯ การคิดลัษณะนี้ถึงได้ว่าเป็นการทรมาน และเบียดเบียนจิตใจของตนเองให้เป็นทุกข์ ให้เศร้าหมอง ขมขื่น เจ็บปวดและกระวนกระวาย สำหรับผู้ที่วิตกกังวลจนเป็นนิสัยก็จะมีความคิดเชิงลบ แบบหวาดกลัวไปต่างๆ นานา โดยเฉพาะเรื่องที่คนส่วนใหญ่ไม่กลัวกันมากนัก เช่น กลัวคนปฎิเสธ เป็นห่วงญาติจะเกิดเหตุจนเป็นทุกข์ ฯลฯ


  1. มักจะขี้กังวล
  2. เป็นคนจอมบงการ
  3. มักจะมองโลกในแง่ร้าย
  4. ชอบคิดและตัดสินไปทางที่ไม่ดีก่อน
  5. รับข่าวร้ายเข้ามาอย่างไม่จำกัด
  6. อ่อนไหวง่าย
  7. มีความเจ้าอารมณ์

วิธีรับมือกับความคิดลบของตัวเอง


1. ใช้ความคิดลบมากำจัดความกังวล

ใช้ความคิดลบเพื่อเป็นกลยุทธ์ในการจัดการความกังวลของตัวเอง ที่อยู่ตรงหน้าหรือยังไม่ได้เกิดขึ้น พอเรามีการมองหรือจินตนาการว่าเดี๋ยวเรื่องแย่ ๆ จะต้องเกิดขึ้นกับเหตุการณ์นี้แน่ ๆ เลย พอเราเห็นภาพแล้วว่าความคิดแย่ ๆ สร้างภาพอะไรกับเราขึ้นมา เราก็ดึงตรงนั้นมาวางแผนและจัดการ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเลวร้ายเหล่านั้นเกิดขึ้น แค่นี้ก็จะเป็นการพลิกความคิดด้านลบของตัวเราเอง ขึ้นมาจัดการให้เราสามารถเตรียมตัวและเตรียมใจ ก่อนที่ความคิดเหล่านั้นจะเกิดขึ้น


2. ระบายความคิดนั้นออกมา

ในเวลาที่รู้สึกมีอะไรเข้ามากระทบจิตใจ หรือมีสถานการณ์ที่ทำให้รู้สึกคิดลบกับตัวเอง ลองระบายออกมาเป็นคำพูด การได้พูดหรือระบายออกมาอาจจะทำให้เราสบายใจมากขึ้น และอาจจะทำให้เราได้สำรวจตัวเองด้วย ว่าเกิดความคิดด้านลบมาได้ยังไง มีอะไรกระตุ้น พอได้รู้สาเหตุจะได้แก้ไขถูกจุด หรือได้ลองปรับเปลี่ยนความคิดนั้นให้กลายความคิดบวกขึ้นมาได้ อย่างเช่น ในตอนที่เราไม่มั่นใจในรูปร่างหน้าตา ก็ใช้ความคิดนั้นนำมาเป็นแรงบันดาลใจใจการดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย หมั่นบำรุงผิวดูแลตัวเอง ลองเปลี่ยนลุคตัดผม เสริมสวยแต่งหน้าในสไตล์ของเรา


ลองฝึกสำรวจจิตใจและยอมรับความคิดตัวเอง

ลองสำรวจความคิดของตัวเองดู ในแต่ละวันเรามีความคิด อารมณ์ และความรู้สึกต่อรูปร่างและหน้าตาของเรายังไงบ้าง และลองทบทวนดูว่าถ้ามีความคิดลบเหล่านั้นส่งผลอะไรกับเรา ส่งผลกระทบยังไงต่อจิตใจของเราบ้าง เพื่อให้เราได้เข้าใจตัวเองมากขึ้น ไปจนถึงยอมรับและเข้าใจในความคิดเหล่านั้น การได้ทบทวนตัวเองอาจจะทำให้เราได้เรียนรู้ที่จะรักตัวเอง และมองตัวเราเองในรูปแบบใหม่ที่สวยงามในแบบของเราก็ได้



รูปภาพ:https://t3.ftcdn.net/jpg/05/53/64/18/360_F_553641866_U9Ce2uA9JjQ9WhSoIjeD88emqhN7CU5H.jpg

สรุป


จากที่พูดคุย วิธีเพิ่มความมั่นใจ กันมาและจากที่ได้ตามไปส่องความคิดเห็นต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องความคิดลบต่อหน้าตาตัวเอง จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่มาจากจิตใจและมุมมองที่เราเลือกจะมองตนเอง เราเลยอยากเป็นอีกคนหนึ่งที่แนะนำให้กับคนที่ไม่มั่นใจในหน้าตาของตัวเอง ลองดูแลตัวเองเพิ่มขึ้น รักตัวเองให้มากขึ้น หามุมหรือจุดที่ทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเองให้เจอ คิดเอาไว้อยู่เสอมว่าคนเราสวยงามในแบบของเรา และเรากำหนดนิยามความสวยให้ตัวเราเองได้ ถ้าเรามั่นใจว่าเราสวย เราก็จะเป็นคนสวยแน่นอนค่ะ


Designer : tt.

Writer : chollychon




บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ