อยากลองใช้จะใช้ตัวไหนดีนะ ??
มาแรงไม่พักไม่มีตกเลยจ้า กับ กระแส...เอสเซนส์...หรือที่สาวๆ หลายคนอาจจะคุ้นหู หรือเรียกกันติดปากว่าน้ำตบนั่นเองค่ะ หลายแบรนด์ทั้งแบรนด์เล็กแบรนด์ทำออกกันมาเพียบ มีให้เลือกจนตาลายไปหมด! ว่าแต่ว่า ออกมาเยอะขนาดนี้ จะมีตัวไหนบ้างนะ ที่เวิร์ก ใช้แล้วเห็นผลจริงๆ ฮั่นแหน่ เธอก็สงสัยอยู่เหมือนกันใช่มั้ยล้าา
วันนี้ทางเราเลยขอรวบรวมข้อมูลรีวิวตั่งๆ รวมไปถึงกระแสความฮอตฮิตของเอสเซนส์แต่ละตัวที่ว่าดี ที่ว่าดัง แล้วนำมาจัดอันดับให้สาวๆSistaCafeได้เก็บลิสต์ไว้กันถึง 5 ตัวแบบแน่นๆไปเลย มีตั้งแต่ราคาแพงหูฉีกไปจนถึงถูกจนตกใจไปเลยจ้า จะมีตัวไหนตามมาดูกันเลย
## ทำความรู้จัก เอสเซนส์ ให้มากขึ้นอีกนิด! ##
แต่ก่อนจะดู '5 อันดับเอสเซนส์น้ำตบตัวท็อป 'ที่เราคัดมาให้ มาทำความรู้จักเอสเซนส์กันก่อนดีกว่า เชื่อว่ายังมีอีกหลายคน ที่ยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเอสเซนส์ คืออะไร เอสเซนส์ ใช้ยังไงและใช้ตอนไหนเพราะอย่างว่าแหละค่ะ เดี๋ยวนี้ขั้นตอนการบำรุงใบหน้าเค้าไปไกลมากแล้ว ไม่ได้มีแค่ล้างหน้า ทาครีม จบ นอน เท่านั้นแล้วสาวๆ ขา เอาเป็นว่า ถ้าอยากรู้ว่าเอสเซนส์มันคืออะไร แล้วต้องใช้ยังไงให้เกิดผลที่สุด ลองมาทำความรู้จักเอสเซนส์ หรือ น้ำตบนี้กันเลยดีกว่า มาาา!Q :เอสเซนส์ คืออะไร และแตกต่างจาก เซรั่ม ยังไง ??ต้องบอกว่า ทั้ง เอสเซนส์ (Essence)และเซรั่ม (Serum)เนี่ย เป็นตัวช่วยบำรุงผิวล้ำลึกสู่ชั้นในของผิวเหมือนกันค่ะ แต่ความแตกต่างจะอยู่ที่ตัวเซรั่มจะมีส่วนผสมหลักเป็นOil-Baseเนื้อของเซรั่มก็จะมีความมันๆ หนืดๆ กว่า วิธีใช้ก็คือนวดเกลี่ยให้ซึมลงผิวค่ะ ส่วนตัวเอสเซนส์จะเป็นWater-Baseเนื้อน้ำเบา ๆ เหลวๆ วิธีการใช้ก็คือแค่ กดลงผิว หรือตบเบาๆ ให้ตัวเนื้อเอสเซนส์ซึมลงเข้าไปสู่ผิวนั่นเอง สำหรับการเลือกใช้ระหว่างสองตัวนี้ก็คือ หากคุณเป็นคนผิวมันแนะนำให้ใช้ เอสเซนส์ แต่หากเป็นคนผิวแห้งควรใช้ เซรั่ม จะดีกว่าค่ะ
Q : ใช้ เอสเซนส์ตอนไหน ?? STEP การบำรุงผิวมีอะไรบ้างจริงๆ ขั้นตอนก่อนการบำรุงผิวที่ดีเพื่อให้สกินแคร์ที่เราใช้ทำงานได้ดีที่สุดก็คือ ต้องเริ่มต้นจากการทำความสะอาดหน้าให้สะอาดหมดจดก่อน และจากนั่นค่อยเริ่มบำรุงผิว โดยมีขั้นตอนหลักๆ ตามนี้เลย1.เช็ดผิวด้วย โทนเนอร์เพื่อทำความสะอาดสิ่งตกค้างหลังล้างหน้า และปรับสภาพผิวเพื่อเตรียมรับการบำรุง ขั้นตอนนี้จะช่วยในเรื่องกระชับรูขุมขนและช่วยให้ผิวรับสกินแคร์ได้อย่างเต็มที่นั่นเองค่ะ2.ลง เซรั่ม / เอสเซนส์เพื่อบำรุงผิวชั้นใน ขั้นตอนนี้เปรียบเหมือนการให้อาหารผิว โดยให้เลือกใช้ตัวใดตัวหนึ่งตามสภาพผิวที่ได้แนะนำไปค่ะ3.ลง มอยส์เจอไรเซอร์เพื่อบำรุงผิวชั้นนอก โดยต้องเลือกใช้ตามสภาพผิว เช่นกัน เหล่ามอยสเจอไรเซอร์ก็จะมีพวก อิมัลชั่น , โลชั่น สองอย่างนี้เหมาะกับผิวมันหรือผิวผสม ส่วนตระกูล ครีม , บาล์ม , เจล จะเหมาะกับคนผิวแห้ง เป็นต้นค่ะ
## 5 เอสเซนส์น้ำตบตัวท็อป ช่วยบำรุงผิวชุ่มชื้น ##
1. เอสเซนส์ SK II Facial Treatment Essence
มาถึง
เอสเซนส์น้ำตบ
ตัวดังอันดับแรก ถ้าจะไม่ให้พูดถึงเค้าคงไม่ได้เพราะเจ้า
SK II Facial Treatment Essence
หรือ ที่รู้จักเรากันในนาม
น้ำตบป้าเจี๊ยบ
ด้วยความพิเศษที่ทำให้เป็นตัวท็อปมานานหลายปี ก็เพราะเค้ามี
พิเทร่า™ ที่เข้มข้นกว่า 90%
เลย อ่ะ แต่ถ้าใครไม่รู้จัก พิเทร่า จะให้พูดง่ายๆ ก็คือ อาหารชั้นดีสำหริบผิวนั่นเองค่ะ ซึ่งในพิเทร่ามีเยอะถึง 50 ชนิดเลย และนอกจากนี้ก็ยังมีวิตามิน กรดอะมิโน แร่ธาตุ กรดอินทรีย์ และอื่นๆ อีกเพียบ
ที่ต่างล้วนจะมาช่วยปรับสภาพให้ผิวทำงานได้ดีขึ้น ช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้นขึ้นจนเห็นได้ชัด แต่ผลลัพธ์ก็อาจจะขึ้นอยู่กับแต่ละคนไป แต่ราคาตัวนี้อาจจะสูงไปนิด ถ้าไม่นับเรื่องนี้ ทางเราก็อยากจะซื้อไว้ใช้ซ้ำบ่อยๆ อยู่เหมือนกันนะ
2. เอสเซนส์ Biotherm Life Plankton Essence
เป็นอีกตัวที่ปีนี้ เค้ามาแรงแบบสุดๆ สำหรับเจ้าเอสเซนส์น้ำตบBiotherm Life Plankton Essenceขวดสีฟ้าตัวนี้สาว ๆ หลายคนต่างก็คอนเฟิร์มในความดีงามของมันมาเยอะใครผิวขาดน้ำบอกเลยว่า เจอเนื้อคู่ที่เหมาะกับคุณแล้วเพราะส่วนประกอบสำคัญของเค้า อย่าง น้ำทะเล (Maris Aqua) และ แพลงก์ตอนทะเล ที่เป็นแม่งานตัวเด่นของแบรนด์ จะเข้ามาช่วยในเรื่องการให้ความชุ่มชื้นผิวแบบขั้นสุด และนอกนั้นก็ยังมีพวกสารให้ความชุ่มชื้นอื่นๆ อีกเพียบ เช่น Sodium Hyaluronate และสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ตามมาด้วย Adenosine สารกระตุ้นคอลลาเจนและลดเลือนริ้วรอย เรียกได้ว่าอัดแน่นกันมาอยู่ในเอสเซนส์ตัวนี้เลย
ส่วนตัวของเนื้อเอสเซนส์จะมีความข้นนิดๆ ออกไปทางฟิล์มเคลือบผิวบางๆ แต่ก็ซึมเข้าผิวได้ดี เวลาลงเอสเซนส์ ตบเข้าไปประมาณ 2 อาทิตย์ ก็จะรู้สึกถึงความใสและความฉ่ำได้ ส่วนเรื่องของราคา ตัวนี้ก็ยังคงแรงอยู่เหมือนกันค่ะ มีตั้งแต่ 1,600-3,200 บาท ราคาก็ตามขนาดที่เราเลือกนั่นเองค่ะ
3. เอสเซนส์ BARA Aura Facial Essence
มาถึงเอสเซนส์น้ำตบน้องใหม่มาแรง ตัวที่สามกันบ้าง กับ
BARA Aura Facial Essence
ตัวนี้ เป็นเอสเซนส์ที่จะมาช่วยบำรุงผิวให้พร้อมรับสารอาหารผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากส่วนผสมอย่าง Damask Rose Phyto Placenta Extract (สารสกัดสเต็มเซลล์กุหลาบพันธุ์ดามักซ์) ที่ช่วยในเรื่องความขาวกระจ่างใส ช่วยผลัดเซลล์ผิว และช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อฟื้นฟูผิวหนังที่เหี่ยวย่นกลับมากระชับเรียบเนียน และยังมี Pentavitin สารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นได้ยาวนานถึง 72 โมง โดยไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะเค้ายังมีสารสกัดจากธรรมชาติ อย่าง Cosmelena Contella Asiatica ที่ช่วยเรื่องการลดเรือนริ้วรอยแผล รอยดำแดง รอยคล้ำใต้ตาให้หายได้อย่างรวดเร็วเข้ามาเสริมทัพไว้ด้วย
โดยส่วนผสมทั้งหมดที่เราได้บอกไป เป็นสารสกัดจากพืชธรรมชาติ ล้วน 100% เลย ซึ่งได้รับการรับรองจาก ECOCERT องค์กรจากยุโรป และได้ใบรับรองจาก Nature Certification ขององค์กรจากสหรัฐอเมริกามาแล้ว มั่นใจได้ว่าอ่อนโยนและไม่ระคายเคือง ไม่แพ้แน่นอน ส่วนตัวเนื้อเอสเซนส์ของเค้าเป็นน้ำสีใสๆ กลิ่นมีความหอมของกุหลาบอ่อนๆ ต่างไปน้ำตบทั่วไปที่กลิ่นจะแรง แต่ตัวนี้คือทาแล้วหอม ฟินมาก!
ส่วนผลลัพธ์หลังใช้
น้ำตบ BARA
ถือว่าทำได้ดี ในฐานะน้องใหม่มาแรง หลังตบเอสเซนส์น้ำตบกุหลาบ
บาระลงผิวแล้ว ผิวหน้าจะดูวาวฉ่ำน้ำ ถ้าใครผิวขาดน้ำได้ลองตัวนี้น่าจะหลงรัก เพราะตอนเช้าตื่นมาผิวจะฉ่ำฟูดูอิ่มน้ำเรียกได้ว่า ตื่นมาก็ผิวสวยเลยจ้า และนอกจากจะช่วยเรื่องความฉ่ำแล้ว ใช้ไปนานๆ ผิวก็เรียบเนียนขึ้น รูขุมขนกระชับเล็กลงด้วยนะ ตัวนี้เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีปัญหาผิวขาดน้ำ หรือผิวที่บอบบางแพ้ง่ายยิ่งควรมีเลย ส่วนในเรื่องของราคานั้น
>>
https://www.baraskincare.com/product/23601/essence
<< อยู่ที่
1490 บาท
ถือว่า เป็นราคากลางๆ ถ้าเทียบกับคุณภาพถือว่าคุ้มค่าอยู่ สามารถจับต้องได้ ควรแค่แก่การมี
4. เอสเซนส์ ZA TRUE WHITE EX ESSENCE LOTION
ZA TRUE WHITE EX ESSENCE LOTION
ต่อกันที่อันดับ 4 จากแบรนด์ ZA กันบ้าง ตัวนี้ถือว่าเป็นตัวดังจากโต๊ะเครื่องแป้งแห่งพันทิปเลยค่ะ ส่วนผสมของเค้าจะเป็นในโซนไวท์เทนนิ่งอย่าง 4MSK สารนี้จะซึมลงเข้าสู่ผิวชั้นในได้ลึกยิ่งขึ้น อีกทั้งช่วยยับยั้งการเกิดเม็ดสีเมลานินจากภายใน ช่วยลดเลือนจุดด่างดำและสีผิวให้ดูสม่ำเสมอยิ่งขึ้น และนอกจากนี้ยังมี Olive Leaf Extract ช่วยปกป้องผิวจากการโดนทำร้ายจาก UVA/UVB มลภาวะต่างๆ ด้วยนั่นเองค่ะ
ความเด่นของตัวนี้จะเป็นเรื่องของความกระจ่างใส ช่วยปรับสภาพผิวให้สีผิวสม่ำเสมอได้ดี แถมยังช่วยในเรื่องของความชุ่มชื่นและชุ่มฉ่ำของผิว นุ่ม เด้งด้วยเหมือนกันนะ แถมราคาก็ไม่ได้แรงมาก ขนาด 150 ml. ราคาอยู่ที่ประมาณ 420 บาทเท่านั้นเอง
5. เอสเซนส์ Hada Labo Lotion
เอสเซนส์น้ำตบHada Labo Super Hyaluronic Acid Hydrating Lotionสำหรับสูตรนี้ความพิเศษคือช่วยแก้ปัญหาผิวเสียสมดุลให้กลับมาอิ่มน้ำ เพราะได้ Hyaluronic ทั้ง 4 ชนิด อย่าง Hyaluronic Acid, Medium-size Hyaluronic Acid, Super Hyaluronic Acid และ Nano Hyaluronic Acidช่วยเติมความชุ่มชื่น คืนความเปล่งปลั่ง ให้ผิวดูเนียนนุ่มยาวนานเป็นพิเศษ
ที่สำคัญไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำมันแร่ น้ำหอม และสีด้วย แถมราคายังน่ารักกรุบกริบ ไม่แพงจนเกินไป อยู่ที่ประมาณ 450-600 บาทเท่านั้นเอง แต่ราคาก็ขึ้นอยู่กับสูตรและขนาดนะคะ ใครอยากลองก็ไปสอยมาใช้กันได้!
-----------------------------------------------------
เป็นยังไงบ้าง กับ
... 5 เอสเซนส์ตัวท็อป...
ที่เรารวมมาให้สาวๆ ผู้ที่มีผิวขาดน้ำต้องการความชุ่มชื้นกลับคืนสู่ผิว รอบนี้ ถูกใจกันมั้ยเอ่ยย?? หลังจากนี้ก็
ไม่ต้องไปสุ่มอ่านหลังฉลากเองแล้ว เพราะเรารวม เอสเซนส์ ของดีไว้ให้ที่นี่แล้วไง โดยน้ำตบทุกตัวที่เรารวมมา ทางเราคัดสรรแล้วอย่างดี ว่า ใช้ดีจริง ใช้แล้วควรค่าแก่การซื้อซ้ำ เพราะ ตบปุ๊บ ผิวดีปั๊บ ทุกตัว
ยังไงก็ลองไปเลือกซื้อเลือกใช้กันดูได้ ตามความชอบและที่สำคัญ ตามกำลังทรัพย์ที่ตัวเองไหวด้วยแล้วกันนะ!
แต่วันนี้ต้องขอตัวลาไปก่อนแล้ว รอบหน้าจะมาแนะนำจัดอันดับอะไรให้สาวๆ
SistaCafe
กันอีก อย่าลืมกดตุ่ม
Follow
เรากันไว้นะคะ แล้วเจอกันค่าาา !!