ฮัลโหลเพื่อน ๆ มาเมาท์มอยกันหน่อยเร็วว สำหรับบทความนี้อยากชวนเพื่อน ๆ มา
เปิดประเด็น talk ในเรื่องความรักกันหน่อย
แต่ว่าความรักในบทความนี้
ไม่ค่อยจะหวานแหววเท่าไร ออกจะติดขมหน่อย ๆ ด้วยมั้ยนะ
แบบว่าอยู่ดี ๆ ก็อยากรู้ขึ้นมาว่าระหว่าง
อกหัก VS แอบรัก
ซึ่งเป็นความรักที่ยังไม่สมหวังทั้งคู่ แล้วอยากชวนเพื่อน ๆ มาพูดคุย Battle กันไปเลย ว่าแบบไหนเจอแล้วเจ็บแสบกว่ากัน ทั้งนี้ทั้งนั้นระดับความเจ็บแสบน่าจะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วย เลย
ขอหยิบเอาข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบมาเปรียบเทียบกัน
เพื่อความเป็นกลาง ว่าแล้วก็ตามไป Talk กันต่อเลยดีกว่า ว่า
อกหัก VS แอบรัก แบบไหนเจ็บกว่ากัน?
ข้อดีและข้อเสียของการอกหัก
ข้อดีของการอกหัก
เริ่มแบบซอฟต์ ๆ จากข้อดีกันก่อน ข้อดีของการอกหักเป็นยังไง ช่วยเปลี่ยนอะไรเราได้บ้างไปดูกัน
1. ได้หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น
ในช่วงอกหักคงเป็นช่วงที่เราได้มีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม บางทีในเวลานี้อาจจะทำให้เราได้เข้าใจถึงความคิดและความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น เริ่มรู้ว่าตัวเราเองต้องการอะไร อยากทำอะไร และเราสามารถทำได้บ้าง เลยทำให้เราได้ดูแลและใส่ใจตัวเราเองมากยิ่งขึ้น
2. ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น
อย่างที่บอกไปว่าช่วงอกหักเป็นช่วงที่เราได้มีเวลาอยู่ตัวเอง และน่าจะได้ทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่างที่ผ่านมาด้วย ความรักเก่าก็อาจจะเป็นเหมือนกระจกสะท้อนให้เห็นข้อดีและข้อเสียของเราเอง ทำให้ได้เรียนรู้ถึงความรักและความสัมพันธ์ที่สามารถนำไปปรับปรุงตัวเองให้เป็นคนที่ดีในอนาคตได้
1.ได้โอกาสเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่
สาว ๆ จะสามารถตกผลึกกับการใช้ชีวิต ภายหลังจากการอกหัก บอกเลยว่าจะทำให้คุณได้เรียนรู้ และเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่อีกครั้ง เพราะได้มองเห็นข้อดีและข้อเสียเมื่อได้ลองใช้ชีวิตคู่ นำเอามาปรับใช้ให้ตัวเองกลายเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม
2.ได้อิสระกลับมา ทำอะไรก็ได้ตามใจ
ถ้าหากสาว ๆ เคยสังเกต ตอนที่คุณมีแฟน จะไปไหนมาไหนก็ต้องขออนุญาตหรือรายงานก่อน แต่เมื่อคุณโสดแล้ว ทีนี้ชีวิตก็เป็นอิสระ อยากไปไหนมาไหนก็ได้ ไม่ต้องขอใคร เป็นโอกาสดีที่จะได้ออกไปเที่ยวคนเดียว ได้นัดเจอเพื่อน หรือออกไปสังสรรค์ได้แบบไม่ต้องกังวล
3.มีเวลาออกไปทำสวยให้ตัวเองได้
ต้องบอกสาว ๆ ก่อนว่า การทำสวยให้ตัวเองหลังอกหัก อย่าให้เป็นการทำเพื่อประชดรัก แต่ขอให้ใช้เวลานั้นเป็นการดูแลตัวเองให้ดูดีขึ้น ทำตัวเองให้สวยเพื่อตัวคุณเอง คุณสามารถเอาเวลาที่เคยต้องดูแลแฟน มาดูแลความสวยให้ตัวเอง เปลี่ยนจากสาวโทรมให้เป็นสาวมีเสน่ห์และมีความสุขนั่นเอง
4.อย่างน้อยก็ได้เข้าใจความรู้สึกรักใครสักคน
แม้ว่าจะเจอกับความรักที่ไปต่อไม่ได้ อย่างน้อยที่สุด สาว ๆ ก็ได้เรียนรู้ที่ครั้งหนึ่งตัวเองเคยมีความรัก และรู้ว่ารักนั้นเป็นอย่างไร ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตคู่ แม้ว่าจะไม่ใช่ตลอดไปก็ตาม
. เป็นประสบการณ์ให้รักครั้งต่อไป พอเราได้ทบทวนตัวเอง ได้เรียนรู้ที่จะรับมือกับการอกหัก เราก็จะรู้วิธีรักษาคนๆ หนึ่งเอาไว้เหมือนกันค่ะ ให้คิดซะว่าการอกหักครั้งนี้ ก็เพื่อให้รักครั้งต่อไปดีกว่าเดิม จะได้ไม่ทำอะไรผิดซ้ำอีก
5.มีเวลาหันกลับมาดูแลตัวเองมากขึ้น
เมื่อคุณสาว ๆ ได้กลับมาอยู่กับตัวเอง อาจจะต้องเจอกับช่วงเหงาที่เคยใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับแฟน ลองเปลี่ยนช่วงเวลานั้นเป็นช่วงของการดูแลตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการออกไปเล่นฟิตเนส, ทำอาหารดี ๆ กิน, มาร์คหน้า, ทำผม, ดูแลผิว ฯลฯ ที่จะทำให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ
3. ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น
ตอนอกหักจะทำให้เรามีเวลาคิดทบทวนเรื่องราวมากขึ้น และรักเก่าก็เป็นเหมือนกระจก ที่ทำให้เราได้มองเห็นทั้งข้อดี และข้อเสียของตัวเองมากขึ้นค่ะซิส อันไหนดีก็ทำต่อไป ข้อไหนเสียก็ปรับปรุงให้ดีขึ้น
เพราะอกหักก็เลยได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น มีเวลาทบทวน และจัดการความคิดตัวเองว่าต้องการอะไรจริงๆ ได้เรียนรู้ว่าจะใช้ชีวิตต่อไปยังไงให้ดีกว่าเดิม อยู่คนเดียวยังไงให้มีความสุข นี่แหละโอกาสดีๆ ของคนกำลังอกหัก
6. ได้เห็นความรักจากคนอื่นมากขึ้น
ในตอนอกหักคือช่วงเวลาที่เราจะได้เห็นว่าใครรักเราจริง ใครที่พร้อมจะฟังเรา อยู่กับเรา ให้กำลังใจเรา ห่วงใยเรา และพยายามดึงเรากลับมาอยู่ในโหมดปกติ จงรักษาคนเหล่านั้นไว้ค่ะ
3. มีอิสระมากขึ้น
สำหรับบางคนตอนมีแฟนเวลาจะไปไหนหรือทำอะไรก็คงต้องนึกถึงความคิดเห็นของอีกฝ่ายด้วย แต่พออกหักกลับมาอยู่กับตัวเองคนเดียวแล้ว ก็อาจจะทำให้เราได้ทำตามใจเราได้มากยิ่งขึ้น อยากแต่งตังยังไง อยากไปที่ไหน กินอะไรก็สามารถทำได้เลยไม่ต้องรอ
4. ได้รู้จักรักใครสักคน
ถึงแม้ว่าความรักครั้งนี้จะไปต่อไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ยังทำให้เราได้รู้จักกับความรัก พอได้เรียนรู้ถึงความรักและความสัมพันธ์มากยิ่งขึ้น และอาจจะทำให้เรามีภูมิต้านทานเรื่องความรักได้ดียิ่งขึ้น เมื่อมีความรักครั้งต่อไปเข้ามาอาจจะช่วยให้เราประคับประคองความสัมพันธ์นี้ไปได้ดีกว่าเดิม
5. ได้มองเห็นความรักจากคนรอบข้าง
แม้ว่าความรักแบบคนรักจะหยุดลง แต่เรายังมีความรักจากครอบครัว เพื่อนที่จริงใจ และคนรอบข้างที่ยังคอยห่วงใยเราอยู่ พยายามดึงเราให้ออกมาจากความเศร้าแล้วกลับมาอยู่ในโหมดปกติ
ข้อเสียของคนอกหัก
1. น้ำหนักเพิ่มขึ้น
ในอดีตได้มีผลสำรวจออกมาเผยว่า คนที่อกหัก หรือเพิ่งเลิกรากับแฟนจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ ทำให้ร่างกายทรุดโทรม และน้ำหนักลดลงเรื่อย ๆ แต่ล่าสุดนักจิตวิทยาได้ค้นพบความจริงใหม่ที่ว่า คู่รักที่รักกันดี จะพากันดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพราะมีสุขภาพจิตที่ดี และมีความกระตือรือร้นในการดำเนินชีวิตมากกว่าคนที่อกหัก ทำให้อยากออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันมากมาย
แต่คนที่ซึมเศร้าเพราะเลิกกับแฟน จะเลือกจมตัวเองอยู่กับความโศกตรม ไม่มีอารมณ์จะทำอะไร กินไม่ได้ก็จริง แต่ก็นอนไม่หลับด้วยและการนอนไม่หลับนี่ล่ะค่ะ ที่เป็นต้นเหตุทำให้ร่างกายมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเนื่องจากระบบเมตาบอลิซึมในร่างกายปรวนแปร บวกกับยิ่งเศร้าก็ยิ่งเครียด จนร่างกายจะยิ่งโหยหาของหวาน ๆ มากินมากขึ้นด้วย
2. โรคเครียด
คู่รักที่มีความสัมพันธ์แบบลุ่ม ๆ ดอน ๆ 3 วันดี 4 วันทะเลาะ จะทำให้ร่างกายเกิดความเครียดเพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่า โดยผลวิจัยจาก Sexual Medicine ที่ตีพิมพ์ออกมาเมื่อปี 2009 ก็ได้เปิดเผยว่า คู่รักที่ความสัมพันธ์ราบรื่นหวานฉ่ำ จะช่วยกระดับความสุขของกันและกัน และลดความเครียดที่มีในแต่ละวันได้มาก
ยิ่งถ้าเป็นคู่สามี-ภรรยาที่มีความสุขในเรื่องบนเตียง ก็จะยิ่งมีอารมณ์และสุขภาพจิตที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าคู่สามี-ภรรยาคู่ไหนระหองระแหง จนเกิดปัญหาจุกจิกในบ้าน เช่น ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขอหย่า หรือแย่งกันเป็นผู้ดูแลลูก หรือแม้กระทั่งเรื่องเล็ก ๆ ในบ้านอย่างเกี่ยงกันดูแลบ้าน เท่านี้ก็สามารถเพิ่มความเครียดในแต่ละวันได้มากมาย จนนานวันเข้าอาจจะพัฒนาเป็นอาการเครียดเรื้อรังเลยก็ได้ค่ะ
4. นอนไม่หลับ
นักจิตวิทยากล่าวว่า การนอนข้าง ๆ คนที่เรารักและไว้ใจ จะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ทำให้หลับสนิท และนอนได้อย่างเต็มอิ่มมากขึ้น แต่จากผลสำรวจในปี 2005 กลับพบว่า คู่รักที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนอนกรน หรือเกิดความเคลือบแคลงใจซึ่งกันและกัน จะมีอาการนอนไม่หลับ จนทำให้เกิดอารมณ์ปรวนแปรในช่วงกลางวัน และหากนอนไม่หลับหลายคืนติด ๆ กัน จะทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายปรวนแปร และติดนิสัยนอนไม่หลับไปในระยะยาว ส่งผลเสียต่อสุขภาพอีกมากมายเลยทีเดียว
5. วิตกกังวล
แน่นอนว่าหากความสัมพันธ์เดินมาถึงจุดที่ต้องตัดสินใจ ก็ย่อมต้องเกิดความกังวลในจิตใจของแต่ละคน และจากผลวิจัยเกี่ยวกับจิตวิทยาหลาย ๆ ชิ้นในหลายปีที่ผ่านมาก็เผยย้ำว่า สถานะความสัมพันธ์ที่สั่นคลอน มีความเกี่ยวข้องกับโรคประสาทกังวล และอาการวิตกกังวลทางสังคมกับร่างกายของเราด้วย
ด้วยเหตุนี้องค์การอนามัยโลก (World Health Organization) จึงได้ทำการวิจัยเมื่อปี 2010 และพบว่าคู่รักที่ตัดสินใจแต่งงาน หรือคู่แต่งงานใหม่กว่า 35,000 คู่ใน 15 ประเทศ มีความสุขมากขึ้นกว่าตอนที่เขาคบกันเป็นแฟน และการแต่งงานสามารถลดอาการวิตกกังวลหรืออาการผิดปกติทางจิตได้อีกด้วยล่ะ
8. ความดันโลหิตสูง
โดยปกติแล้วคนที่กำลังอยู่ในช่วงไดเอต คนที่ออกกำลังกายอย่างหักโหม และผู้ที่เป็นโรคเครียดอาจจะมีระดับความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว แต่นอกจากกลุ่มคนเหล่านี้แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักก็สามารถส่งผลกระทบต่อระดับความดันโลหิตในร่างกายของเราได้เช่นกัน
6. โรคซึมเศร้า
โรคซึมเศร้ามักจะมาพร้อม ๆ กับอาการวิตกกังวลทางจิต โดยผลการศึกษาของสถาบันจิตวิทยาเผยว่า คู่แต่งงานที่อยู่กินกันมายาวนาน จะมีภาวะโรคซึมเศร้าน้อยกว่าคู่แต่งงานที่เลิกรากันไป และคู่รักที่ระหองระแหงกันบ่อย ๆ โดยเฉพาะคู่ที่มีปัญหาเรื่องการนอกใจ จะมีภาวะซึมเศร้ามากกว่าปกติ จนอาจจะถึงขั้นมีภาวะซึมเศร้ารุนแรง นอกจากนี้ผลการศึกษายังบอกอีกด้วยว่า ฝ่ายหญิงจะมีความเสี่ยงเป็นภาวะซึมเศร้ามากกว่าฝ่ายชายถึง 6 เท่าอีกด้วยนะ
7. เสี่ยงติดเหล้า
จริง ๆ แล้วเหตุผลที่คนเลือกที่จะดื่มแอลกอฮอล์ก็มีอยู่ไม่กี่ข้อ ไม่ดีใจจนต้องฉลอง ก็อกหักจนต้องนั่งดื่มเพื่อลืมเธอ แต่ล่าสุดก็ได้มีผลวิจัยที่ติดตามคู่แต่งงานกว่า 600 คู่ ซึ่งแต่งงานงานกันมาไม่เกิน 4 ปี พบว่า คู่แต่งงานที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นนักดื่ม จะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งจำเป็นต้องดื่มจนติดนิสัยดื่มเก่งตามไปด้วย ซึ่งผลที่ตามมาก็คือสุขภาพแย่ ๆ และร่างกายที่ทรุดโทรมเกินจะกู่กลับ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะมีรักที่แฮปปี้ดี หรือกำลังอกหัก ก็อย่าปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับขวดเหล้าขวดเบียร์เลยดีกว่า
มาต่อกันที่ข้อเสียของคนอกหักบ้าง จากข้อเสียของอาการอกหักทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง และจะเจ็บแสบขนาดไหน ตามไป talk กันต่อเลยดีกว่า
1. ส่งผลให้ร่างกายเปลี่ยนแปลง
ในอดีตคนที่อกหักหรือเพิ่งเลิกกับแฟน จะกินไม่ได้นอนไม่หลับ ทำให้ร่างกายทรุดโทรม และน้ำหนักลงเรื่อย ๆ แต่ล่าสุดนักจิตวิทยาได้ค้นพบความจริงใหม่ว่าคู่ที่รักกันดีจะพากันดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ แต่คนอกหักเพิ่งเลิกกับแฟนมักจะมีปัญหากินไม่ได้ นอนไม่หลับ ซึ่งอาการนอนหลับเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้น้ำหนักเพิ่ม บวกกับเวลาเศร้าเราจะเครียด และโหยหาของหวาน ๆ มากินมากขึ้นด้วย
2. ส่งผลต่อสุขภาพจิต โรคเครียด โรคซึมเศร้า
อาการอกหักน่าส่งผลต่อจิตใจโดยตรงเลย มีผลวิจัยหลายชิ้นในหลายปีที่ผ่านมาเผยว่า สถานะความสัมพันธ์ที่สั่นคลอน มีความเกี่ยวข้องกับโรคประสาท และอาการวิตกกังวลทางสังคมกับร่างกายของเราด้วย และอาจจะเลยไปถึงอาการโรคซึมเศร้ามักจะมาพร้อม ๆ กับอาการวิตกกังวลด้วย
3. ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายป่วย ความดันเลือดสูง โรคหัวใจ
อาการอกหักอาจจะส่งผลไปถึงสุขภาพร่างกายด้วย สาเหตุมาจากการนอนไม่หลับนี่แหละ พอนอนไม่หลับ พักผ่อนไม่เพียงพอเลยทำให้ร่างกายทำงานได้ไม่เต็มที่ และทำให้ป่วยได้ง่าย และว่ากันว่าความสัมพันธ์ของคู่รักสามารถส่งผลกระทบต่อระดับความดันโลหิตของร่างกายด้วย และเมื่อมีอาการความดันโลหิตสูง ก็มีความเสี่ยงของโรคหัวใจอยู่ด้วย
1. อย่าไปหาเหตุผลว่าเราอกหักเพราะอะไร
เมื่อเราอกหัก เราจะมีความพยามหนึ่งที่ไม่ค่อยน่าชื่นชมเท่าไหร่ นั่นก็คือ การพยายามหาสาเหตุการเลิกราของเรากับคนรักด้วยการตั้งคำถามกับตัวเอง และมโนไปต่าง ๆ นานา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมีแนวโน้มจะโทษตัวเอง และมีมุมมองกับตัวเองในเชิงลบ เช่น ฉันไม่ดีตรงไหน? เพราะฉันไม่สวยพอ ไม่รวยพอใช่ไหม? คน ๆ นั้นดีกว่าฉันอย่างไร? หรือเพราะน้องคนนั้นที่เจอวันก่อนแน่ ๆ มาแย่งเธอไป อะไรแบบนี้เป็นต้น
ซึ่งความพยายามนี้นอกจากจะไม่ช่วยในการหาคำตอบแล้ว ยังไม่ช่วยในการสร้างเสริมกำลังใจให้สู้กับอาการอกหักเลยค่ะ เพราะเราจะห่อเหี่ยว ท้อใจ ร้องไห้อย่างเดียวดายอยู่ในห้อง คือถ้าเรามีความเข้มแข็งมากพอ มันก็จะเป็นเพียงโมเมนต์หนึ่งในชีวิตที่ผ่านมาผ่านไป แต่ถ้าเราอ่อนไหวใจบาง โรคซึมเศร้ามาเฝ้าหน้าห้องแน่ ๆ ค่ะ เพราะฉะนั้น ด้วยความห่วงใยจากนักจิตวิทยาจึงขอแนะนำว่า อย่าไปหาเหตุผลเลย
2. ยอมรับว่าเรื่องของเรามันจบลงแล้ว
วิธีที่นักจิตวิทยาแนะนำในข้อต่อไป ต้องถือว่าเป็นวิธีที่ยากที่สุด แต่ควรทำมากที่สุด ก็คือ ยอมรับให้ได้ว่าเรื่องของเรามันจบลงไปแล้ว อย่าพยายามหลอกตัวเองด้วยความหวังที่เราเองเป็นคนสร้างขึ้นเลยค่ะว่าเดี๋ยวเขาก็กลับมา เพราะเมื่อเราหลอกตัวเอง สร้างความเชื่อให้ตัวเองว่าคนที่เรารักพูดตามอารมณ์ ไม่บอกเลิกจริงจังหรอก เดี๋ยวก็กลับมา เราก็จะรอค่ะ รอแบบไม่มีกำหนด รอเหมือนลุ้นสลากกินแบ่งรัฐบาลว่าฉันจะรวย ๆ
แต่ก็ความรวยก็ไม่มาถึงเสียที ความรักก็เช่นกันค่ะ การรอคนหมดรักให้กลับมารัก มันไม่มีทางเกิดขึ้นได้ เพราะถ้าเขารักเรามากพอ คำว่า “เลิก” จะไม่มีทางถูกพูดออกมาจากปากเขา และต่อให้เขากลับมาขอคืนดีจริง แต่คนที่บอกเลิกเราไปแล้ว เขาก็สามารถบอกเราได้อีกโดยโนสนโนแคร์ว่าเราจะรู้สึกอย่างไร เจ็บปวดอย่างไร
แล้วราจะนำใจที่มีคุณค่าของเราไปให้เขาทรมานเล่นอีกหรือ ถ้าหากเรายังต้องทนรักกับคนที่ไม่รักเรา สู้อยู่เป็นโสดให้โลกเสียดายดีกว่าค่ะ เพราะคนที่รักเรายังมีอีกมาก อย่างน้อยก็มีตัวเรานี่ละที่รักตัวเอง
4. อย่าปล่อยให้ตัวเองเหงา
กฎเหล็กที่นักจิตวิทยาขอย้ำว่าคนอกหักห้ามทำ ก็คือ การอยู่คนเดียวค่ะ เพราะเมื่อเราอยู่คนเดียวสิ่งที่สามารถทำร้ายเราได้มากที่สุด ก็คือ ความคิดของเราเอง ที่จะคอยฉายภาพซ้ำในความทรงจำ และเกิดคำถามย้ำ ๆ ให้เรารู้สึกไม่ดีกับตัวเราเอง ดังนั้นแล้ว สิ่งที่เราควรทำเพื่อพิชิตอาการอกหัก ก็คือ การไปอยู่กับคนที่เราสนิทใจค่ะ ทั้งครอบครัวเรา เพื่อนสนิท สัตว์เลี้ยง หรือพาตัวเองไปทำกิจกรรม ที่เราชื่นชอบ
เช่น เล่นเซิร์ฟบอร์ด ชอปปิ้ง เที่ยวทะเล เอาเป็นว่าพาตัวเองให้ออกมาจากเงามืดในใจของเราเองให้มากที่สุด ออกไปรับแสงสว่าง เพื่อสร้างพลังชีวิต เติมไฟให้หัวใจ เปิดหู เปิดตา และเปิดใจเรียนรู้โลกผ่านคนที่รักเรา และกิจกรรมโปรด เพียงไม่นานหรอกค่ะ เราจะกลับมาเป็นคนเดิมที่มองโลก ด้วยสายตาใหม่ที่สดใสกว่าเดิมได้แน่นอน
4. เสี่ยงทำให้เสียคน เสี่ยงติดเหล้า
บางคนเวลาอกหักอาจจะใช้เครื่องดื่มมึนเมาย้อมใจ เลยเถิดไปจนถึงขั้นติดเหล้าเมามาย และอาการติดเหล้าแอบน่ากลัวกว่าที่คิดนะ เพราะมันจะเข้าไปทำร้ายทั้งสุขภาพร่างกายทำให้คลื่นไส้ อาเจียน อยู่ไม่สุข และยังส่งผลต่อจิตใจทำให้วิตกกังวล นอนไม่หลับ จนทำระบบชีวิตรวน ไม่เป็นอันทำอะไรกลายเป็นเสียคนไปได้
1.
3. นึกถึงเรื่องแย่ ๆ ระหว่างกัน หรือหาเหตุผลว่าเขาไม่เหมาะกับเราเพราะอะไร
หากจิตใจของเรายังคงวนเวียนคิดถึงคนรักเก่า นักจิตวิทยาจึงขอแนะนำให้ทำตามสุภาษิตไทยที่ว่า “หนามยอก ต้องเอาหนามบ่ง” คือ ถ้าเราคิดถึงแต่วันชื่นคืนสุข วันเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ขอให้จดบันทึกเรื่องราวในวันแย่ ๆ วันที่ทะเลาะกัน วันที่เขาบอกเลิกเรา สิ่งที่เขาทำไม่ดีกับเรา รวมถึงเหตุผลว่าทำไมเรากับเขาถึงไม่เหมาะสมกัน
แล้วเมื่อไรที่เรากลับไปคิดถึงเขาอีกก็เปิดอ่านเลยค่ะ เปิดบัญชีดำของเราอ่านไปซ้ำ ๆ แล้วภาพจำที่เรามีต่อเขาจะไม่เหมือนเดิม ในข้อนี้ต้องขอออกตัวก่อนนะคะ ว่าไม่ได้มีเจตนาให้เป็นศัตรูหรือสร้างความรู้สึกเกลียดชังคนรักเก่าแต่อย่างใด เจตนาก็คือ ต้องการให้คุณได้รักษาสมดุลความรู้สึกของตัวเอง เพื่อปรับใจให้เป็นกลาง
สามารถถอนความรู้สึกออกมาจากความสัมพันธ์ได้ โดยไม่ลำบากใจจนเกินไป เมื่อใจของเรารู้สึกดีขึ้น เราจะสามารถกลับไปนึกถึงคนรักเก่าของเราได้โดยไม่รู้สึกอะไรเลยค่ะ
วิธีเยียวยาหัวใจเวลาอกหัก ไม่ให้เจ็บกว่าเดิม
1.มีแรงกระตุ้นอย่างน่าประหลาด พัฒนาตัวเอง
การแอบชอบใครสักคนมันจะทำให้เรามีแรงกระตือรือร้นต่อสิ่งต่างๆมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอยากจะตั้งใจเรียน อยากพัฒนานาตัวเองไปในทิศทางที่ดีมากยิ่งขึ้น แล้วเวลาที่เราชอบใครสักคนเราจะมีเวลาหันมาใส่ใจรูปร่างหน้าตาของตัวเองมากยิ่งขึ้นไปอีก!
2.ได้ออกกำลังกายขา
เมื่อเราแอบชอบใครสักคน เราย่อมอยากเจอหน้าเขาเป็นธรรมดาค่ะ ซึ่งแม้แต่ตัวผู้เขียนเองก็ยังเคยผ่านประสบการณ์เดินอ้อมตึกมาเพื่อเจอหน้าแค่เสี้ยววิก็ถือว่ามีค่ามากแล้วค่ะ5555555 ซึ่งมันจะทำให้เราขยันเดินมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ
3.ปลดล็อค skill นักสืบ
Advertisement
นอกจากได้ออกกำลังกายขากันไปแล้วเรายังจะได้ปลดล็อคสกิลนักสืบอีกด้วยล่ะค่ะ อาจจะเป็นสืบว่าเขาชอบทำอะไร กินอะไร มีรสนิยม ไลฟ์สไตล์ในชีวิตรูปแบบไหน แน่นอนว่าเวลาเราแอบชอบใครสักคนย่อมต้องอยากรู้เรื่องราวในชีวิตของเขาเป็นธรรมดาค่ะ
4.ไม่มีหรอกพรหมลิขิต มีแต่ลิขิตเอง !
จริงๆสมัยเรียนผู้เขียนมักจะสร้างความบังเอิญที่ไม่บังเอิญค่ะ อย่างเช่น แอบไปสืบตารางสอน แล้วทำเป็นเนียนๆ เดินผ่านบ่อยๆ เท่าที่จะทำได้ค่ะ ก็แหม!!! อย่างน้อยๆ ก็ต้องขอสร้างบรรยากาศสักหน่อยสิคะ ซึ่งทุกอย่างเราสามารถลิขิตเองได้เสมอค่ะ
ทำให้เราอยากเสริมสวยดูแลตัวเองให้ดูดีขึ้น
แน่นอนว่าการแอบรักใครสักคนมักจะทำให้เราหันมาดูแลตัวเอง เรามีความพิถีพิถันในการแต่งตัวแต่งหน้า คนมีความรักอะเนาะ
ทำให้หายเหงา
เวลาไม่มีคนมาชอบ ไม่มีใครมาแอบรัก หรือไม่มีใครมห้รัก บางที็เหงาเหมือนขาดอะไรไป แต่พอได้แอบชอบใครสักคนมันจะมีความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในใจเราคนเดียว แต่มันก็ฟินได้
ทำให้รู้จักการให้
เวลาแอบรักเรามักจะเป็นผู้ให้ บางครั้งก็เอาของขวัญไปให้ บางครั้งฝากคนอื่น
ตามไปส่อง ข้อดีและข้อเสียของการอกหัก มาแล้วบอกเลยว่าค่อนข้างเจ็บแสบใช่เล่นเหมือนกันนะเนี่ย ส่งผลกระทบกับหลาย ๆ ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ หนักสุดทำให้เสียผู้เสียคนได้เลย บทความนี้เลยเอา How to เยียวยาหัวใจเวลาอกหัก มาบรรเทาความเจ็บปวดให้มันลดลงหน่อย
• อย่าพยายามหาสาเหตุถึงการอกหัก
เพราะส่วนใหญ่มีแนวโน้มโทษตัวเอง โดยเฉพาะคนที่ถูกบอกเลิก มักจะมองตัวเองในเชิงลบ ยิ่งทำให้อาการอกหักแย่ลงไปอีก นักจิตวิทยาเลยแนะนำว่าไม่ต้องหาเหตุผลของการเลิกกันไปเลยดีที่สุด
• ยอมรับอยู่กับความเป็นจริง
สำหรับวิธีนี้นักจิตวิทยาได้ให้คำแนะนำว่าถึงแม้ว่าจะทำได้ยาก แต่เป็นสิ่งที่ควรทำที่สุด อย่าพยายามหลอกตัวเองด้วยความหวัง เพราะเมื่อเราหลอกตัวเองว่าเขาจะกลับมา เราจะไม่มีทาง move on ไปได้เลย
• ไม่ปล่อยให้ตัวเองเหงา
อีกหนึ่งคำแนะนำจากนักจิตวิทยา เวลาอกหักไม่ควรอยู่คนเดียว เพราะเมื่ออยู่คนเดียวความคิด ความทรงจำจะค่อย ๆ ฉายภาพซ้ำ ลองเอาตัวเองออกไปเจอกับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ หรือออกไปเจอกับคนสนิทรอบตัว ไปทำกิจกรรมที่ชอบ ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจไปได้ด้วย
ข้อดีและข้อเสียของการแอบรัก
1 ไม่มีสิทธิ์หวงเธอเวลาเธอใกล้ใคร
2 ไม่มีสิทธิ์ได้อยู่ในใจเธอ
3 ไม่มีสิทธิ์สบตาเธอแบบหวานซึ้ง
4 มีสิทธิ์แค่เจ็บกับเจ็บ
5 ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้
6 เราอาจเสียใจที่ไม่ได้บอกเค้าไปว่า "รัก"
เหงา อึดอัด ไม่มีทางออก move on ยาก
ข้อดีของการแอบรัก
โดยผมขอแบ่งเป็น
2 กรณี
นะครับ คือ
กรณีที่เรารู้ว่าคนที่แอบชอบมีแฟนหรือคนที่แอบชอบอยู่นั้นไม่สนใจคุณเลย กับกรณีคนที่แอบชอบยังไม่มีแฟนและสนใจในตัวคุณครับ
หากคนที่แอบชอบมีแฟนหรือต่อให้ไม่มีแฟน ก็ไม่มีทีท่าที่จะสนใจคุณเลย
หากคุณเผลอตกหลุมรักใครซักคนแล้วกลับมารู้ทีหลังว่าเขามีเจ้าของอยู่แล้ว หรือไม่ก็เขาไม่มีแฟนก็จริงแหละ แต่พอเราลองชวนคุย เขากลับไม่มีทีท่าที่จะสนใจคุณเลย วิธีเดียวที่ผมอยากจะแนะนำสั้นๆ 2 คำเลย นั่นก็คือ
“มูฟออน”
ครับ ซึ่งจากประสบการณ์ของผม เนื่องจากผมก็เคยแอบชอบคนมีเจ้าของมาก่อน ซึ่งวิธีมูฟออนที่ผมใช้นั้น ก็คือพยายามลองหากิจกรรมอย่างอื่นทำ ไม่ว่าจะเป็นนั่งทำงาน ไปเที่ยวคนเดียวเป็นต้น
นอกจากนี้ ในช่วงนั้น ผมเลือกที่จะลดส่องโซเชียลไปซักระยะเพื่อไม่ให้พบเจอเขาบนสื่อโซเชียลมีเดียนั่นเองครับ เนื่องจากตอนนั้นผมยังไม่ได้ตกหลุมรักเขามากจนถึงขั้นคลั่งรัก เลยทำให้ผมมูฟออนได้ไวครับ
แต่ในกรณีที่คุณเผลอคลั่งรักมากล่ะก็ อาจจะใช้เวลานานหน่อยครับ แต่ผมเชื่อว่าเวลาที่ผ่านไปจะช่วยเยียวยาใจเรา ช่วยให้เรามูฟออนได้อย่างแน่นอนครับ
หากคนที่คุณแอบชอบยังไม่มีแฟน แถมยังมีทีท่าที่จะสนใจคุณด้วย
ถ้าเกิดคนที่คุณชอบยังไม่มีแฟนทีล่ะก็ นั่นแสดงว่าคุณมีโอกาสที่จะได้ลองทำความรู้จักกับเขา ได้ลองจีบเขาแล้วล่ะครับ ซึ่งผมจะขอแชร์วิธีที่ผมเคยใช้และกำลังจะใช้มาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกันครับว่ามีอะไรบ้าง
เริ่มแรกเลย การที่เราแอบชอบใครซักคน หากเราไม่ทักไปหาเขา ชาตินี้เราก็คงจีบเขาไม่ติดหรอกครับ ซึ่งการที่จะทักไปหาเขาได้นั้น คุณต้องลองสร้างสถานการณ์อะไรก็ได้เพื่อให้คุณได้ทำความรู้จักกับเขา ไม่ว่าจะเป็นลองทักไปขอความช่วยเหลือ, ลองไปทำงานด้วยกัน เป็นต้น อย่างผม เนื่องจากผมกับคนที่แอบชอบนั้นทำงานด้วยกันบ่อยๆ อยู่แล้ว เลยทำให้ผมรู้จักเขาระดับนึงอยู่แล้วครับ แฮะๆ
และเมื่อพอคุณกับเขารู้จักกันแล้ว สเตปต่อมาก็คือพยายามชวนเขาคุย โดยการลองหาว่าระหว่างเราสองคนมีเรื่องไหนที่สนใจร่วมกันรึป่าว อย่างผม ผมจะลองหาเรื่องคุยโดยใช้เรื่องการเรียนและเรื่องงานเป็น topic หลักในการพูดคุย แล้วจึงเริ่มมาชวนคุยเรื่องอื่นๆ ซึ่งพอได้พูดคุย ทำให้ผมและเขาได้รู้จักและสนิทสนมกันมากขึ้นไปด้วยครับ
จากนั้น หากคุณมีโอกาสดีๆ ไม่ว่าจะเป็นไปเที่ยวแล้วซื้อของฝากมา หรือเนื่องในวันเกิดเขาล่ะก็ คุณก็ลองซื้อของให้เขาดูสิครับ อย่างในช่วงที่ผมไปเที่ยว ผมได้ซื้อขนมมาฝากเขาครับ ซึ่งพอเขาได้รับ เขาก็รู้สึกมีความสุขมากเลยครับ แฮะๆ
หลังจากที่คุยกันไปซักพักแล้วรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่เป็นไปด้วยดีล่ะก็ คุณก็ลองหาโอกาสชวนเขาไปทำกิจกรรมร่วมกันสองต่อสองดู ไม่ว่าจะเป็นไปทานข้าว ดูหนัง ฟังเพลง ไปจนถึงไปเที่ยวด้วยกันเพื่อสร้างโมเมนต์ดีๆ ระหว่างกันและกันให้มากขึ้นครับ ซึ่งตอนนี้ผมยังไม่เคยทำถึงขั้นนี้ทีครับ 555555
สุดท้าย หลังจากที่ทำทุกวิถีทางดังที่กล่าวไปข้างต้นแล้วรู้สึกว่าความสัมพันธ์เป็นไปได้ด้วยดีล่ะก็ ถึงเวลาที่เราต้องลองสารภาพความในใจ บอกความรู้สึกจริงๆ ให้คนที่เราชอบได้รู้ครับ ซึ่งวิธีสารภาพรักก็มีหลายแบบเลย อย่างเช่น คุณอาจจะหาสถานที่เหมาะๆ สำหรับสารภาพรัก หรือเซอร์ไพรส์พร้อมกับสารภาพเขา หรือจะพูดออกมาตรงๆ พูดความรู้สึกที่มีออกมาให้หมดนั่นเอง ถ้าหากเขาตอบตกลงที่จะเป็นแฟนล่ะก็ ถือเป็นเรื่องที่โคตรดีที่สุด ซึ่งผมก็ยินดีกับคุณด้วยครับ
1. ทำให้ได้พัฒนาตัวเอง ดูแลตัวเองให้ดูดีขึ้น
ว่ากันว่าการได้แอบรักใครสักคน มักจะทำให้เรามีแรงบันดาลใจอะไรบ้างอย่าง เหมือนว่าเราอยากจะเป็นคนที่ดูดีโดดเด่นในสายตาเขา ก็เลยมีแรงกระตือรือร้นในการทำสิ่งต่าง ๆ พัฒนาตัวเองในเรื่องของการใช้ชีวิต การดูแลตัวเอง หันมาใส่ใจรูปร่างมากยิ่งขึ้น
2. ทำให้หายเหงา
เวลาที่เราอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีโมเมนต์หวาน ๆ มาทำให้หัวใจได้ตื่นเต้น บางทีมันก็เหมือนขาดอะไรไป แต่พอได้แอบรักใครรักใครสักคน มันเหมือนมีมวลความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่อย ๆ เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นความสุขนิด ๆ แต่ก็ทำให้ในใจของเราฟินได้เหมือนกัน
3. ทำให้ได้รู้จักการให้
ขึ่นชื่อว่าการแอบรักอีกฝ่ายมักจะไม่รู้ตัว แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้อะไรเลยก็ตาม แต่เราก็ยังคงมีความห่วงใย มีความใส่ใจ มีความหวังมีมอบให้เขาอยู่เสมอ ทำให้เรากลายเป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่โดยไม่หวังผลตอบแทนอะไร
ข้อเสียของการแอบรัก
1. ไม่เป็นตัวของตัวเอง
ด้วยความที่เราแอบรัก ในกรณีที่เขาไม่รู้มันก็อาจจะมีความคิดมาก ไม่อยากแสดงออกมากไป เพื่อให้เขารู้ตัวจนกลายเป็นทำอะไรที่ไม่เป็นตัวของตัวเองออกไป ส่วนในกรณที่เขารู้แต่อาจจะไม่ได้มีใจ และยังต้องติดต่อพูดคุยกันอยู่ ก็อาจจะทำให้ทำตัวไม่ถูกต่อกันไปบ้าง
2. อึดอัดใจในบางครั้ง
อย่างที่ได้บอกไปว่าการแอบรัก อีกฝ่ายมักจะไม่รู้ตัว ยิ่งถ้าเกิดต้องอยู่ร่วมกัน ใช้เวลาด้วยบ่อย ๆ เห็นเขาใกล้ชิดกับคนอื่นแต่เราไม่มีสิทธิ หรือแม้แต่ในตอนที่เขาเผลอทำตัวให้ความหวัง อาจจะมีความรู้สึกอึดอัดที่ไม่สามารถแสดงออกถึงความในใจของเราออกไปได้
3. Move on ได้ยา
ก
สำหรับอาการแอบรัก เรารู้สึกว่าค่อนข้างที่จะ Move on ได้ยากกว่าความสัมพันธ์อื่น ๆ เพราะดูเป็นความสัมพันธ์ที่ยังไม่ค่อยชัดเจน ยังไม่แน่ชัดว่าเราจะสมหวังหรือผิดหวังกันแน่ บางทีอาจจะเผลอคิดเข้าข้างตัวเองไปด้วย ทำให้ Move on ออกมาได้สักที
ทำความเข้าใจข้อดีและข้อเสียของการ " แอบรัก " มาแล้ว และถ้าเกิดว่าโค้ชลงสนามจริง เริ่มแอบรักใครสักคนจะต้องรับมือยังไงให้ไม่เจ็บหัวใจ เรามีวิธีรับมือ เมื่อรู้ตัวว่าแอบรักใครสักคนมากฝาก จะต้องทำตัวยังไง ลองตามไปดูกันต่อเลย
วิธีรับมือ เมื่อรู้ตัวว่าแอบรักใครสักคน
สำหรับโค้ชที่กำลังลงสนามแแอบรัก แพทย์สนามแนะนำมาอยู่
2 สถานการณ์
ตามนี้เลย
● สถานการณ์แอบรัก แต่เขาไม่ตอบรับ
ถ้าอีกฝ่ายไม่สนใจเราเลยแม้จะสารภาพไปแล้ว หรือเห็นแววว่าไม่มีทางสมหวังแน่ ๆ สำหรับสถานะนี้แพทย์สนามแนะนำให้ Move on ลองงดส่องโซเชียลของเขา หากิจกรรมอย่างอื่นทำ หรือออกไปเจอสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ทำความรู้จักผู้คนใหม่ ๆ อาจจะช่วยเยียวยาได้
● สถานการณ์แอบรัก และรู้สึกว่าก็สนใจเรา
ถ้าสัมผัสถึงพลังงานบางอย่างจนมั่นใจแล้วว่าเขาก็มีใจแน่ ๆ แพทย์สนามแนะนำให้ดำเนินการจีบได้เลย ไม่จำเป็นต้องออกตัวชัดมาก ลองเข้าไปเนียน ๆ ทำความรู้จัก ทักแชทสตอรี่ต่าง ๆ ค่อย ๆ พัฒนาความสัมพันธ์ ถ้าเขามีใจเหมือนกันเขาตอบรับแน่นอน
สรุป
ตามไป talk พูดคุยเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียระหว่าง
" อกหัก VS แอบรัก "
มาแล้ว รู้สึกว่าอาการอกหักดูมีความรุนแรงอยู่นะ ทั้งส่งผลต่อสภาพร่างกายและจิตใจ แต่ถ้าแอบรักแล้วแสดงออกไม่ได้ บอกความในใจกับเขาไม่ได้ หรือแอบรักเขาแต่เขาไม่ตอบรับ มันค่อนข้างอึดอัดส่งผลต่อจิตใจอยู่เหมือนกันนะ
แล้วเพื่อน ๆ ล่ะคะ คิดว่าอกหักหรือแอบรักแบบไหนเจ็บกว่ากัน
หรือใครมีประสบการณ์อกหักหรือแอบรัก ลองคอมเมนต์มา talk พูดคุยแชร์ประสบการณ์กันได้น้า
Designer :namoodong
Writer :chollychon
Cr. 5 ข้อดีของการอกหัก ที่จะทำให้สาวๆ ได้เรียนรู้ชีวิตมากขึ้น
https://www.sanook.com/women/233817/
Cr. อกหักรักคุดไม่ได้เจ็บแค่ใจ ร่างกายก็ป่วยได้นะเออ !
https://health.kapook.com/view67207.html
Cr. ข้อดีและข้อเสียของการแอบรัก
https://www.dek-d.com/board/view/1909560
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
7 Podcast ว่าด้วยเรื่อง " ศาสตร์แห่งการ Move On " มูฟยังไงไม่ให้เป็นวงกลม?
https://sistacafe.com/summaries/87409
" วิธีแสดงออกให้รู้ว่ารัก " พร้อมเช็กความเข้ากันของคนแต่ละกรุ๊ปเลือด
https://sistacafe.com/summaries/93629
ลิืงก์รูปภาพ
https://drive.google.com/drive/folders/1jzhw4xaFMMoL0wN1rPQMl4wT_CafLkmw?usp=sharing
แชร์ 7 วิธีรับมือเมื่อความรักไม่สมหวัง อกหัก โดนเท นกเก่งมาก
https://sistacafe.com/summaries/93430