ก่อนที่เราจะไปรู้คำตอบว่าแพลงก์ตอนมันตายแล้วรึยัง?
เราต้องมาปรับทัศนคติ เอ้ย ปรับความเข้าใจกันก่อนนะคะ...แฮร่
ว่า...แพลงก์ตอน ( Plankton )มันคืออะไรน้อ???
ไม่ต้องเปิดหนังสือชีววิทยาไปที่หน้า 2,647เพราะดรีมสรุปใจความสำคัญมาให้แล้ว ดังนี้... อิอิ

จบวิชาชีววิทยาไปแล้ว เรามาต่อกันด้วยวิชาประวัติศาสตร์ค่ะ...ตึ๊ง
ตำนานมันมีอยู่ว่า...ตั้งแต่สมัยยุคโรมัน ชายชาตรีก็ต้องจากบ้านจากเรือนจากนางอันเป็นที่รักไปออกรบอย่างอาลัยอาวรณ์
( ไม่ต้องละเอียดขนาดนั้นก็ได้ แฮร่ )นักรบโรมันค่ะ นักรบย่อมมีบาดแผล!!!
หลังสงครามจบ ผู้ที่มีชีวิตรอดกลับมาเค้าก็ไปอาบนํ้าแร่แช่ออนเซ็นในสไตล์ยุโรป
แช่ไปแช่มา...เอ้อแผลหายแผลดี!!!!
ก็เลยเป็นที่เล่าขานกัน รุ่นสู่รุ่นว่า แหล่งนํ้าพุร้อนพิกัดเนี๊ยะ มันดี ของเค้าดีจริงๆ
พากันไปแช่ spa ผ่อนคลายกันใหญ่เลย
ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรทำไมแผลถึงหาย
จนได้ชื่อเรียกว่า “Healing fountain” หรือนํ้าพุแห่งการเยียวยารักษา
ศักดิ์สิทธิ์ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ พิมพ์ 999 แชร์ต่อได้บุญ
( ภาษาไทยอันหลังนี่เติมชื่อเองค่ะ เอิ่มมมมมม )

เรื่องก็โด่งดังมาจนถึงช่วงหลังสงครามโลกที่สองในปี 1952
มีนายแพทย์ท่านนึงได้ยินเรื่องตำนานนํ้าพุร้อนศักดิ์สิทธิ์ที่ว่านี้
ท่านก็สงสัยว่าทำไมถึงศักดิ์สิทธิ์? เวอร์ป่าว? แช่แล้วแผลหายจริงอ่อ?
ก็เลยไปตักชิมและแจกจ่ายชาวบ้าน เอ้ย ไม่ใช่ค่ะ...
( ยกมือกราบขอขมาอาจารย์3ทีแบบเบญจางคฯไม่แบมือ )
วันนึงอาจารย์และทีมวิจัยก็เลยเดินเข้าป่าไป
เปิด google map ตรงไปที่โลเคชั่นของHealing fountainในตำนาน
( เอ่อ สมัยนั้นไม่น่ามีแอ็ปอากู๋นะคะ อันนี้เวิ่นเว้อไปหน่อย )
ซึ่งก็คือเทือกเขา Pyrenees ประเทศฝรั่งเศสในปัจจุบัน
นำนํ้าตัวอย่างจากแหล่งนํ้าที่ว่านั้น เอาไปวิจัยในห้องแล็บหาคำตอบทางวิทยาศาสตร์
และแล้วก็...ตู้มมมมมม
ไม่ได้กลายเป็นโกโก้ครั้นช์ค่ะ
แต่กลายเป็นที่มาของLIFE PLANKTONที่โบกอยู่บนหน้าเราในปัจจุบันนี่แหละ อิอิ
เพราะว่า ความลับของนํ้าพุแห่งการบำบัดนี้มีสายพันธุ์American Type Culture Collection 15551ตัวนี้นี่เอ๊งงงงงง...

ทีนี้อาจารย์และคณะก็เกิดไอเดียใสปิ๊ง
พัฒนาเทคนิคการเพาะเลี้ยงเจ้าแพลงก์ตอนนี้ให้โตวันโตคืน
ด้วยกรรมวิธีFermogenesisปั่นๆๆๆๆๆจนได้Biomass ( ชีวมวล )ออกมา
ผ่านร้อนผ่านหนาว เอ้ยผ่านหนาวก่อนแล้วค่อยไปร้อน
จนได้สารสกัด “VITREOSCILLA FERMENT”
ซึ่งBiothermก็ไปจดในชื่อการค้าว่า “LIFE PLANKTON” นั่นเอง...
เฮ้อ...เล่ามาจนเหนื่อย ตกลงได้ข้อสรุปรึยังคะว่า
“ แพลงก์ตอนในนํ้าตบตายแล้วรึยัง?!? ”
โอ๊ยยย…น้องแพลงก์ตอนเค้าตายตั้งแต่ไปปั่นแยกเอาชีวมวลแล้วลูกกกกกก
สรุปในสรุปก็คือ คำว่าLIFE PLANKTONเป็นชื่อการค้าของBiotherm
ไม่ได้แปลว่ามันมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ( ซึ่งถ้ามีชีวิต ก็น่าจะใช้คำว่า “ Live ” ไม่ใช่ “ Life ” สินะ อืม...ช่างเถอะค่ะ เดี๋ยวจะได้เข้าวิชาภาษาอังกฤษกันอีก แฮร่ )
แต่เค้าคือสารสกัดที่ได้จากแพลงก์ตอนชนิดแบคทีเรียนั่นเอง
จ.บ. จบ
อ่าว จบแล้วเหรอคะ..
จะจบง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะเราต้องมาดูกันต่อค่ะว่า
สารสกัดVitreoscilla FermentหรือLIFE PLANKTONนั้นมีประโยชน์อย่างไร
ทำไมวงการเครื่องสำอางถึงมาตื่นเต้นกันตอนนี้ ออกมาหลายยี่ห้อเหลื๊อเกิน
เรามาดูประโยชน์ของเจ้าสารสกัดนี้
จากคำโฆษณาของ Biotherm กันดีกว่าค่ะว่ามีอะไรบ้าง...

คำโฆษณาเหล่านี้Biothermเค้าไม่ได้นั่งทางในเพ่งกระแสจิตแล้วคิดออก ถึงได้มานะคะ คริคริ
แต่เค้าได้มาจากผลการทดลองร่วมกันของสถาบันวิจัยนานาชาติ เกี่ยวกับ
100 Scientific Proof( ข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ )
ของ สารสกัดVitreoscilla Ferment
ที่ผ่านการจดทะเบียนสิทธิบัตรมาแล้วถึง 8 ฉบับ
ซึ่งดรีมจะขอสรุปเป็น 8 ประเด็นหลักดังนี้...

Biothermได้ใช้ตีมนำเสนอสกินแคร์ชุดนี้ว่า
“ The healing power of LIFE PLANKTON ”
หรือพลังการเยียวยาบำบัดด้วยสารสกัดไลฟ์แพลงก์ตอน
มีความโดดเด่น 3 ด้าน ได้แก่
Heal( รักษา ),Renew( สร้างใหม่ ), และProtect( ปกป้อง )

และทั้งหมดนี้ก็คือ
ข้อพิสูจน์ความปังของนํ้าตบแพล็งค์ตอนที่ติดลมบน
เป็นที่ฮอตฮิตในเหล่าบรรดา Beauty bloggers กันไม่รู้กี่สมัยแล้ว
จนมาถึง generationนํ้าตบเอสเซนส์ในรุ่นที่ 2 ที่ออกมาปี 2018
( อ่าว...เค้ามี 2 รุ่นเหรอคะ?? )
ใช่ค่ะ มีสองรุ่น ขวดเกือบจะเหมือนกัน หน้าตาคล้ายกันมาก
ใหม่กว่าย่อมดีกว่ามั้ย? แล้วจะให้ฉันเลือกซื้ออะไรล่ะ?
ของเก่าก็ยังมี ของใหม่ก็ยังมา...
ดรีมสรุปข้อเปรียบเทียบเน้นๆ มาให้ตรงนี้แล้วจ้าาา..
สะดุดตา สะดุดใจก็ตรงสโลแกนนํ้าตบgen แรกรุ่น 2014
BIOTHERM LIFE PLANKTON ESSENCEเนี่ยแหละค่ะ
“ ใช้เพียง 8 วัน อ่อนเยาว์ลง 3 ปี ”
OMG ฉีกกฏทุกวงการความงามทางการแพทย์
ว้าวมากๆๆๆๆ ค่ะ กระตุกต่อมสงสัยของดรีมอีกแล้วว่าจริงมั้ย?
แฮร่...แต่เราไม่ได้ซื้อมาค่ะ ดรีมซื้อแต่รุ่น Clear essenceมาลอง
ติดตามกันด้วยนะคะว่าความรู้สึกหลังการใช้ครบ 8 วันจะเป็นยังไง
ดรีมจะทำบทความแยกออกมาทีหลังค่ะ ( กด follow เราอ๊ะยัง เธ๊อวววววว กดจิ )

ทีนี้จะอะไรอีกล่ะ...ก็ถึงเวลาเราจะชำแหละสูตรกันจริงๆ แล้ว
เย้... เอ้า ปรบมือ
มาดูกันให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลยค่ะ
ว่าเค้าใส่อะไรไปให้เราทา นอกเหนือจากสารสกัดLIFE PLANKTONที่ได้พูดไป
มันจะดีจริง หรือ เป็นแค่กระแส? มาดูกันเลย
BIOTHERM LIFE PLANKTON CLEAR ESSENCEนํ้าตบแพลงก์ตอนยอดฮิตดรีมจะขอแบ่งการชำแหละสูตรของส่วนประกอบออกเป็น 4 กลุ่มดังต่อไปนี้ค่ะ...




***อ่านส่วนประกอบสูตรเค้าแล้ว จะเห็นได้ว่า ก็มีอยู่ 2 อย่างน่ะแหละ
ที่ทำให้เราเตะตาว่า เอ๊ ผลิตภัณฑ์เค้าเน้นสำหรับผิวแพ้ง่ายหนิ
( ถึงขนาดที่ว่าสารสกัดVitreoscilla ferment 5%
สามารถรักษาผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ผิวหนัง ( Atopic dermatitis )
ได้จากผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ออกมา) แล้วยังไงหล่ะ
ทำไมถึงใส่Alcohol denat.( แอลกอฮอล์ ) และParfum( นํ้าหอม ) ลงไป?***
เหตุผลนี้ดรีมคิดว่า เค้าคงต้องการแก้เกมที่สาวๆ เอเชียบ่นว่านํ้าตบรุ่น 2014 น่ะมันเหนียวเหนอะหนะไป ก็เลยใส่แอลกอฮอล์ไปด้วยเพื่อให้เนื้อสัมผัสซึมซาบดี แห้งไวไม่รู้ว่าเค้าใส่เยอะไม่เยอะยังไงแค่ไหนเพราะ % ไม่ได้บอกไว้ถ้าใส่ไปน้อยๆดรีมก็คิดว่าอาจจะไม่ทำให้ผลข้างเคียงแต่เดี๋ยวเราต้องมาลองกันค่ะ
ในส่วนของนํ้าหอมนั้น ก็ทราบมาว่าหลายคนบ่นว่าเจ้าสารสกัดLIFE PLANKTONเนี่ยมันช่างมีกลิ่นตุ่ยๆ เหลือเกินเค้าก็เลยต้องแอบเหยาะนํ้าหอมไปหน่อยเพื่อความจรรโลงใจซึ่งเค้าบอกว่า Biothermได้คัดสรรนํ้าหอมที่ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองมาใส่ให้เราแล้วค่ะจะแพ้ไม่แพ้อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับแล้วแต่บุคคลเลยล่ะ
จบแล้วนะคะกับการชำแหละสูตร
แต่ก่อนจะไปติดตามกันในบทสรุปหลังการใช้ 8 วันในบทความหน้า
ดรีมขอแถมเรื่องวิธีการใช้นํ้าตบที่Biothermได้แนะนำมาก่อนแล้วกันค่ะ
อ้อ แล้วเรายังไม่ได้พิสูจน์เอกลักษณ์ทางกายภาพกันไปเลยเนาะ ลืมเลย
( แหม่ พูดเอกลักษณ์ทางเคมีซะก่อนแล้ว ฮ่าๆๆ )
งั้นก็มาแกะกล่องเปิดขวดกันเล้ยยยยยย....

- กล่องดีไซน์หรูหรา มีรูปแหล่งนํ้าพุร้อนที่เทือกเขา Pyrenessให้ความรู้สึกเหมือนเราถูกย้อนยุคไปอาบนํ้าแร่กับนักรบโรมัน…คริคริ
- มีให้เลือก 3 ขนาดค่ะ75ml.,125ml., และ200ml. ( ดรีมซื้อขนาดเล็กสุดมาลอง อิอิ )
- บรรจุภัณฑ์ทำจากขวดแก้วกึ่งโปร่งแสงไล่เฉดสีฟ้าสดใส จุดข้อนี้ดีตรงที่น่าจะกันสารสกัดที่อยู่ในผลิตภัณฑ์จากการถูกแสงแดดทำลายได้ ไม่มากก็น้อย แล้วยังดูน่าใช้ด้วย แก้วมีข้อดี คือ มันมักจะไม่ทำปฏิกิริยากับสารประกอบบางอย่างที่อยู่ในเครื่องสำอางค์ ซึ่งแตกต่างจากพลาสติก ( และลดโลกร้อนปัญหาขยะพลาสติกด้วย เย้ ) แต่ระวังแตกนะ ถือดีๆ ล่ะ
-กลิ่นนั้น…เอิ่ม ดีแล้วล่ะที่เค้าแอบเหยาะนํ้าหอมมาให้ด้วย เพราะมันทำให้ดรีมนึกถึงห้องแล็บเลี้ยงเชื้อในวิชาจุลชีววิทยา ( microbiology )สมัยตอนเป็นนักศึกษาเอ๊าะๆ จริงๆ เลย ขนาดใส่นํ้าหอมก็ยังมีกลิ่นตุ่ยๆ ติดปลายจมูกรั้งท้ายเหมือนที่เค้าว่าจริงๆ ค่ะ แต่ดรีมจะยอมเพื่อความสวย ฮ่าๆๆๆๆ

- สีของผลิตภัณฑ์เป็นสีขุ่นเล็กน้อยหรือ “ สีเกือบจะใสแล้วอีกนิดเดียว ” ฮ่าๆ เค้าว่ากันว่า ถ้าไม่เขย่าขวด น้องLIFE PLANKTONเค้านอนก้นอยู่ แต่ดรีมส่องแล้วส่องอีกไม่เห็นเลยอ่ะ สงสัยขวดสีฟ้าบังตาไปหมดเนาะ
-เนื้อสัมผัสบางเบา ซึมซาบดี แห้งไว แต่รู้สึกว่าไม่ทำให้แห้งตึงค่ะ

สรุปวิธีใช้นํ้าตบแพลงก์ตอน:
BIOTHERM LIFE PLANKTON CLEAR ESSENCE
***แนะนำให้เราใช้เป็นstep 0หลังจากล้างหน้าทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ก็จัดเลยค่ะ แล้วตามด้วยการผลิตภัณฑ์ skin care อื่นๆ ที่เราใช้ประจำ***







ต่อไปเราจะมาใช้ตัวที่ชอบๆ กันตาม routine เราเลยนะคะ
แต่ในการทดลองของดรีม 8 วัน...ดรีมจะขอเลือก
BIODERMA รุ่น Hydrabio Serum และ Hydrabio Masque
2 ตัวนี้
เพราะดรีมไม่ต้องการให้สารสกัดในกลุ่มผลัดเซลล์ผิว กลุ่มขาวกระจ่างใส
หรือกลุ่มอื่นๆ ของผลิตภัณฑ์อื่นมามีผลค่ะ มันจะงงว่า
ตกลงเราอ่อนเยาว์กระจ่างใสจากอะไรกันแน่
เอา Bioderma 2 ตัวนี้แหล่ะ...
เพราะสูตรเค้าเน้นเพิ่มความชุ่มชื้นสำหรับผิวขาดนํ้าและแพ้ง่ายอย่างเดียวเลย



ติดตามการรีวิวชำแหละสูตรสกินแคร์ที่ไม่เหมือนใคร กันได้ที่นี่…
ติดตามYOUTUBE:https://www.youtube.com/DoctorDayDreamer
ติดตามFACEBOOK:https://www.facebook.com/DoctorDaydreamer
ติดตามINSTAGRAM:https://instagram.com/doctor.daydreamer
ติดตามTWITTER:https://twitter.com/DoctorDaydreamz
ติดตามBLOGSPOT:https://doctordaydreamerzzz.blogspot.com
