1. SistaCafe
  2. [นิยาย] ในดวงมาน...♥ ( บทที่ 14 )



*~บทที่ 14~*

“ นักร้องดังหวิดอนาคตดับ หลังก่อเหตุทำร้ายดาราสาวทายาทเจ้าของโรงแรม ด้านพ่อคู่กรณีลั่นไม่เอาเรื่อง แต่ขอตัดความสัมพันธ์ ” ศัลยแพทย์หนุ่มยื่นหนังสือพิมพ์ฉบับวันรุ่งขึ้นที่พาดหัวข่าวดังกล่าวให้แก่พี่สาว รสรินทร์รับมาอ่านอย่างหัวเสีย ขณะนั่งอยู่ที่โต๊ะทานข้าวกับน้องชายหลังจากถูกปล่อยตัวออกมาเมื่อคืน


“ พี่ครับ...ผมว่าเลิกยุ่งกับเขาเถอะ นี่พี่จะหาเรื่องเขาไปถึงไหน ” คุณหมอมงคลมาสขอร้องพี่สาวของตน


“ แกไม่เข้าใจหรอก!! คนอย่างฉันฆ่าได้ แต่หยามไม่ได้!! ” เธอว่า


“ โธ่!! นี่พี่เลยจุดอิ่มตัวมาแล้วนะครับ ทุกคนในประเทศรู้จักพี่กันหมดแล้ว พี่ยังต้องการอะไรอีก...ผมว่าพี่น่าจะเปิดทางให้เด็กรุ่นใหม่ก้าวขึ้นมาบ้าง ” คุณหมอโน้มน้าว


“ ฉันหลีกทางให้แน่!! ถ้าเด็กคนนั้นไม่ใช่อีนางซีรี!! ” รสรินทร์ประกาศ พลางถลึงตาอย่างเดือดดาล


ศัลยแพทย์หนุ่มเห็นดังนั้นจึงส่ายหน้าอย่างอิดหนาระอาใจ พลางคิดว่าเป็นการยากที่จะให้พี่สาวของเขาปล่อยวางลง ในเมื่อเธอมีความยึดมั่นถือมั่นในศักดิ์ศรี คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะให้เจ้าหล่อนวางมือ


“ ฉันว่า...แกหยุดพูดให้ฉันเลิกทำในสิ่งที่ควรจะทำดีกว่า กลับคอนโดฯ ไป...ประเดี๋ยวฉันจะต้องเตรียมตัว เพราะตอนเย็นมีคิวออกงานที่โรงแรม ” รสรินทร์กล่าวพลางโบกมือไล่น้องชาย เพราะเบื่อกับคำพูดของเขาที่ดูเป็นคนดี แต่ไม่ทันที่คุณหมอจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ตามคำสั่งของเจ้าหล่อน โทรศัพท์มือถือของนักร้องสาวก็ดังขึ้น เผยให้เห็นรูปของผู้จัดการของตนปรากฏอยู่บนหน้าจอ


หญิงสาวรับสายพลางกล่าวทักทายเขาด้วยท่าทีที่แช่มชื่น ราวกับว่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นเรื่องปกติ...แต่ไม่ทันไรน้ำเสียงของเจ้าหล่อนก็ต้องเปลี่ยนไป เมื่อได้ยินสิ่งที่เกย์สาวกล่าวมาจากปลายสาย


“ ยกเลิก!!...อะไรนะคะพี่ไก่ ? หมายความว่ายังไงที่เขาขอยกเลิก ?!! ” รสรินทร์ถามเสียงสูง


“ ก็เพราะข่าวที่ออกไปนั่นแหละโรส พี่ก็พยายามอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจแต่เขาก็ไม่ยอม...ขอยกเลิกท่าเดียว ” พี่ไก่กล่าว ซึ่งนั่นทำให้หญิงสาวเริ่มรู้สึกหงุดหงิด เธอแทบไม่เชื่อหูตนเอง เพราะไม่คิดว่าจะมีใครบอกเลิกจ้างงาน


“ ช่างมันเถอะค่ะพี่ไก่...แค่งานเดียวเอง เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็มีอีกงานหนึ่งรออยู่!! ” นักร้องสาวพูด


“ ใครว่าล่ะโรส อาทิตย์นี้มีคนขอยกเลิกงานไปแล้วห้าราย นี่ยังไม่รวมของอาทิตย์หน้าอีกนะ ” พี่ไก่บอก


“ อะไรกันนักหนา!! นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเนี่ย ?!! ” รสรินทร์กล่าวอย่างหงุดหงิด


“ พี่ว่าอาจเป็นเพราะคุณอมรหรือเปล่า อย่างคราวที่แล้วเขาก็ใช้อิทธิพลของเขาปิดข่าวเรื่องซีรีกับสื่อฯ ” ผู้จัดการเกย์สาวตั้งแง่


รสรินทร์ฉุกคิด พลางหยีตาแสดงถึงความเคียดแค้น


“ คุณอมรนะคุณอมร!!!... ” หล่อนกัดฟันพูดอย่างเดือดดาล


คุณหมอมงคลมาสซึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น มองดูพี่สาวของตนอย่างเป็นห่วง เขากลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น หากรสรินทร์ทำอะไรวู่วามลงไปโดยเฉพาะกับอมรวิสุทธิ์


“ โรสจะไปพบเขา!! ” เธอว่า


“ แต่... ” พี่ไก่พยายามปราม


“ พี่ไก่จะไปกับโรสไหมคะ ?!! ” หญิงสาวถามแทรก


...นักจัดอีเวนท์คนเก่งนิ่งไป ราวกับว่าไม่อยากรับข้อเสนอนั้น


“ พี่ไก่... ” รสรินทร์เรียกซ้ำ


“ โรส...พี่ว่าพี่คงต้องบอกอะไรบางอย่างกับโรสแล้วล่ะ ” ผู้จัดการดารากล่าวขึ้นในที่สุด


“ อะไรคะ ?? ” เธอถาม


“ ต่อไปนี้โรสคงต้องรับงานเองแล้วล่ะ...พี่ขอไม่ยุ่งด้วย!! ” เขาพูด


“ ม...หมายความว่าไงคะพี่ไก่ ?? พี่ไก่จะทิ้งโรสเหรอ ?!! ” เธอตะเบ็งเสียง


คุณหมอมองพี่สาว เขาตกใจที่เห็นเธอกำลังทะเลาะกับผู้จัดการส่วนตัว


“ โรส!! มันไม่ใช่แค่เธอนะที่โดนยกเลิกงาน พี่ก็โดนเหมือนกัน!! พอเถอะโรส เราจบกันแค่นี้ดีกว่า ” เกย์สาวอธิบายพลางขอตัดความสัมพันธ์


“ พี่ไก่!!! พี่ไก่จะทำอย่างนี้กับโรสไม่ได้นะคะ!! ” รสรินทร์โวยวายพลางตะโกนเรียกผู้จัดการของเธอซ้ำอยู่อย่างนั้น แต่สุดท้ายก็ไม่มีเสียงตอบรับมาจากนักจัดอีเวนท์จอมฉอเลาะแต่อย่างใด


“ อีพี่ไก่บ้า อีบ้าๆๆๆๆ!!! ” นักร้องสาวเกรี้ยวกราด พลางขว้างโทรศัพท์ลงกับพื้น และทำลายข้าวของที่ขวางหูขวางตาบนโต๊ะทานข้าวเสียจนกระจัดกระจาย จนหมอหนุ่มต้องเข้ามาห้ามและล็อคตัวเธอไว้ ก่อนที่พี่สาวของตนจะอาละวาดไปมากกว่านี้


ศัลยแพทย์หนุ่มกอดรสรินทร์ไว้แน่น พลางพูดปลอบให้เธอสงบสติลง นักร้องสาวร้องไห้สลับกับด่าพี่ไก่ไปมา ดวงตาที่แข็งกร้าวเต็มไปด้วยความแค้น น้ำตาที่ไหลรินออกมาอย่างไม่ขาดสาย บ่งบอกถึงความอาฆาตที่ไม่สามารถบรรยายได้ หล่อนโทษอมรวิสุทธิ์ที่เป็นตัวทำลายทุกอย่างในชีวิต บัดนี้ความเคียดแค้นชิงชังกำลังเข้าถาโถมในจิตใจ เธอรู้เพียงแค่ว่าจะไม่ยอมให้เขาได้ทำร้ายเธออย่างนี้อีกเป็นอันขาด


ในช่วงบ่ายของวัน รถสีม่วงเปลือกมังคุดคันใหญ่ได้ขับเคลื่อนตัวมายังโรงแรมหรูใจกลางเมือง รสรินทร์เปิดประตูออกมาจากรถ เธอสวมชุดแซ็คสีดำประกายม่วงพร้อมสวมหมวกปีกสีดำใบใหญ่ อีกทั้งยังใส่แว่นตากันแดดเพื่ออำพรางผู้คน และซ่อนแววตาอันแดงก่ำที่เศร้าสร้อยไว้

หญิงสาวเดินเข้าไปในโรงแรม จากนั้นจึงกดลิฟท์เพื่อขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตัวอาคาร และทันทีที่ลิฟท์เปิดออก หล่อนก้าวเดินออกมาอย่างมาดมั่นเพื่อมุ่งตรงไปยังห้องทำงานของผู้อำนวยการโรงแรมโดยทันที


“ ขอโทษนะคะ ?? คุณได้นัดท่านไว้หรือเปล่า ? ” เลขานุการสาวร้องถามขึ้น


“ ฉันไม่จำเป็นต้องนัด!! ” รสรินทร์กล่าว ขณะที่เท้ายังก้าวเดินอยู่


“ ตอนนี้ท่านไม่สะดวกให้เข้าพบนะคะ!! ” เลาขานุการสาวว่าต่อ


หล่อนไม่พูดอะไรได้แต่เดินต่อไปจนถึงยังหน้าห้อง จากนั้นจึงผลักประตูเข้าไปด้านใน เผยให้เห็นอมรวิสุทธิ์และสาริสา ซึ่งขณะนั้นกำลังนั่งจิบชาและกาแฟกันอยู่ พลางพูดคุยกันตามประสาพ่อกับลูก


ทั้งคู่ต่างหันมาทันทีที่ได้ยินเสียงเปิดประตู แล้วก็ต้องประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้พบกับนักร้องสาวดาวค้างฟ้า


“ มีความสุขกันเหลือเกินนะ...พ่อลูกคู่นี้ ” หล่อนประชดประชัน


“ คือ...ฉันพยายามห้ามเธอแล้วนะคะ!! แต่... ” เลขานุการสาวรีบพูด


อมรวิสุทธิ์ยกมือขึ้นปรามเพราะไม่ต้องการฟังคำอธิบาย จากนั้นจึงโบกมือไล่เพื่อให้เลขานุการสาวออกไป


หล่อนพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินถอยออกไปตามที่เขาสั่ง


“ หนูว่าหนูไปรอข้างนอกดีกว่าค่ะ ตอนนี้คงไม่สะดวกที่จะอยู่!! ” สาริสาพูดกับพ่อของเธอ แต่สายตาส่งไปถึงรสรินทร์อย่างเอาเรื่อง ซึ่งเจ้าหล่อนเองก็มองเธอกลับอย่างเอาเรื่องเช่นกัน


“ โรส!! ” อมรวิสุทธิ์เรียกชื่อของนักร้องสาวเพื่อดึงความสนใจ ซึ่งขณะเดียวกันกับที่สาริสาผลักประตูเพื่อเดินออกไปยังด้านนอก


“ คุณมีธุระอะไรกับผม ? ” หนุ่มใหญ่ถามอดีตคนรัก


“ ทำไมคุณถึงใช้อำนาจบีบให้ลูกค้าเลิกจ้างงานของฉัน ?!! ” รสรินทร์เปิดประเด็นทันที หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าสาวน้อยเดินออกไปไกลเกินกว่าจะได้ยิน


“ นี่คุณพูดเรื่องอะไร ?!! ” อมรวิสุทธิ์ถาม


“ คุณรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร ?!!! ” เธอย้ำ


“ เดี๋ยวนะคุณโรส...คุณหาว่าผมเป็นต้นเหตุให้พวกเขาเลิกจ้างงานอย่างนั้นสิ!! ” เขาว่า


“ ทำอย่างกับว่าคุณไม่เคยใช้อำนาจบีบบังคับใครอย่างนั้นแหละ!! ” รสรินทร์ถลึงตาใส่


“ ใช่!! แต่ไม่ใช่กับคุณ... ” เขาย้ำ ทว่าหญิงสาวทำท่าราวกับไม่เชื่อ หนุ่มใหญ่จึงอธิบายต่อ


“ ...ทำไมคุณไม่ลองถามตัวเองดูล่ะว่า มันอาจเป็นเพราะคุณเองหรือเปล่า...บางทีคงไม่มีใครอยากจะจ้างคนที่มีภาวะทางด้านอารมณ์มาร่วมงานด้วย...โดยเฉพาะกับคนที่พยายามจะเอามีดมากรีดหน้าคนอื่นหรอก!! ” อมรวิสุทธิ์ชี้นิ้วไปที่เธอ


“ ใช่สิ!! คนอื่นที่คุณว่า นั่นคือ ลูกสาวของคุณไง!! ” รสรินทร์บอก


“ นี่คุณจะกล่าวหาผมให้ได้เลยใช่ไหม ?!! ว่าผมเป็นคนบังคับให้คนอื่นเลิกจ้างงานคุณ ” เขาถาม


“ ก็เห็นๆ อยู่!! ” หญิงสาวพูดพลางกอดอก


อมรวิสุทธิ์มองหน้าเธออย่างเหลืออด แต่แล้วกลับแค่นหัวเราะออกมา ราวกับรู้ดีว่าจากนี้ไปเขาควรจะทำอย่างไร


“ ดี...ถ้าอย่างนั้นผมจะให้คุณได้รู้ว่า เวลาที่ผมใช้อำนาจบีบบังคับจริงๆ ขึ้นมา...มันเป็นยังไง!! ” ครั้นพูดจบ หนุ่มใหญ่จึงเอื้อมมือไปกดปุ่มสีแดงใต้ลิ้นชักโต๊ะ เพื่อเรียกหน่วยรักษาความปลอดภัยเข้ามา


“ คุณอมร!!! คุณจะทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้นะ!!! ” รสรินทร์โวยวายทันทีหลังจากที่โดนยามพาตัวออกไป


“ ปล่อยฉันนะ!! ปล่อย!! ” เธอร้องสั่ง


อมรวิสุทธิ์มองหน้านักร้องสาวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเห็นหน่วยรักษาความปลอดภัยพาตัวเธอออกไปพร้อมกับประตูห้องที่กำลังปิดลง

หนุ่มใหญ่ต่อสายตรงหาป้าติ่งเพื่อให้มาพบโดยทันที ขณะเดียวกับที่สาริสาวิ่งเข้ามาในห้องเมื่อเห็นรสรินทร์ถูกลากตัวออกไป


“ เกิดอะไรขึ้นคะพ่อ ?? ทำไมเธอถึง... ” สาวน้อยร้องถาม แต่ไม่ทันที่เธอจะพูดจบอมรวิสุทธิ์ก็พูดแทรกขึ้นมา


“ ลูกไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น จากนี้ไปทำตามที่พ่อและป้าติ่งบอกก็พอ!! ” เขาพูด


นักร้องสาวนิ่งไม่ถามอะไรต่อจากนั้น นอกจากครุ่นคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น และกำลังจะเกิดขึ้นตามมา


ช่วงเวลาไม่นาน ป้าติ่งก็มาถึงที่โรงแรมตามที่ได้นัดหมายไว้ จากนั้นอมรวิสุทธิ์จึงมองหน้าลูกสาว และหันมาที่ผู้จัดการส่วนตัวของเธอก่อนที่จะเริ่มเปิดประเด็น


“ เมื่อครู่โรสมาที่นี่ เขากล่าวหาว่าผมใช้อำนาจบีบคนให้เลิกจ้างงาน ” หนุ่มใหญ่พูด


“ ต๊ายย!! อีนางโรส...หล่อนคิดไปได้นะยะ ” ป้าติ่งบ่นราวกับโกรธแค้นแทนอมรวิสุทธิ์ที่ถูกใส่ความ


“ แต่ผมคิดว่า ผมควรจะทำอย่างที่เขาว่าจริงๆ ” ชายหนุ่มพูดขึ้นในที่สุด


ป้าติ่งและสาริสามองหน้ากัน พลางงุนงงในสิ่งที่เขากล่าว


“ ท...ทำไมล่ะคะคุณพ่อ ทำไมไม่ปล่อยให้สังคมลงโทษเขาเองล่ะคะ ?? ” สาวน้อยถาม


“ ลูกรู้อะไรไหมซีรี...พ่อเป็นคนสร้างเขาขึ้นมา และพ่อก็ไม่มีวันที่จะยอมให้คนที่พ่อเคยสร้าง มาทำร้ายลูกของพ่อได้ ” อมรวิสุทธิ์มองหน้าลูกสาว ก่อนที่จะพูดต่อ


“ คุณติ่ง...เพลงต่อไปของซีรีที่กำลังอัดอยู่ไปถึงไหนแล้ว ?? ” เขาถาม


“ ก็...ยังอยู่ในช่วงเลือกเพลงค่ะว่า จะเริ่มอัดเพลงไหนก่อนดี ” ผู้จัดการดาราตอบ


“ ทำเพลงในดวงมานขึ้นมาใหม่ได้ไหม ? ” หนุ่มใหญ่ถามอีกครั้ง


สาริสามองบิดาของเธออย่างแปลกใจ ระคนรู้สึกตกใจเล็กน้อย


“ ทำไมต้องเป็นเพลงนี้ล่ะคะ ? ” เธอถาม


อมรวิสุทธิ์ยิ้มให้ ก่อนจะบอกบุตรสาวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ


“ สมัยที่โรงแรมนี้สร้างเสร็จใหม่ๆ ใครๆ ต่างก็ชอบมานั่งทานข้าว พักผ่อน และมานั่งฟังเพลงที่วงดนตรีของพ่อเล่นกันทุกคืน รวมไปถึงแขกเหรื่อที่มาเข้าพัก...ปู่ของลูกเป็นคนใจดี เขาสร้างโรงแรมนี้ขึ้นมาโดยหวังว่าจะให้พ่อช่วยบริหาร และระหว่างนั้นก็อนุญาตให้พ่อทำสิ่งที่รักควบคู่กันไป เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจที่นักร้องชื่อดังส่วนใหญ่ต่างมีจุดเริ่มต้นมาจากที่นี่ รวมไปถึงโรส รสรินทร์... ” หนุ่มใหญ่ระลึกความหลังเมื่อครั้งที่พบกับนักร้องสาวเป็นครั้งแรก


“ ...ตอนนั้นเธอเพิ่งจะอายุสิบแปดปี มีน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ร้องได้ทั้งเพลงไทยและสากล เป็นที่ถูกอกถูกใจกับลูกค้าที่เข้ามาฟัง รวมถึงพ่อที่หลงใหลในน้ำเสียงของเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยิน จนถึงขนาดแต่งเพลงให้เธอร้องตั้งมากมาย และในดวงมานก็เป็นหนึ่งในเพลงเหล่านั้น...ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากเพลงนี้ได้ถูกขับร้องออกไป จะสร้างชื่อเสียงให้กับเธอได้มากมายขนาดนี้ ” อมรวิสุทธิ์เล่าเรื่องราวความประทับใจในครั้งนั้นให้ลูกสาวฟัง


“ คุณพ่อกับโรสเคย...คบกันเหรอคะ ? ” สาวน้อยถาม


“ ใช่!! เราเคยคบกัน ก่อนที่พ่อจะเจอกับแม่ของลูก ” หนุ่มใหญ่นิ่งไป


ป้าติ่งและสาริสาสังเกตได้ถึงสีหน้าของอมรวิสุทธิ์ที่บ่งบอกถึงความโศกเศร้าที่กำลังเข้ามา


“ และตอนนี้ลูกก็จะต้องเป็นคนที่ร้องเพลงนี้แทนเขา ” หนุ่มใหญ่กล่าวขึ้น


“ ดีเลยค่ะ!! เพลงเก่านำมาทำใหม่ ต้องไฉไลกว่าเดิมแน่ๆ ” ป้าติ่งว่า


“ ต...แต่มันจะยิ่งทำให้เขาเกลียดหนูมากขึ้นนะคะ ” สาวน้อยรีบบอก


“ ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะน้องซีรี ตราบใดที่มีป้าติ่งคนนี้อยู่ ป้ารับรองว่าจะไม่ให้ใครมาทำร้ายน้องซีรีของป้าเป็นอันขาด ” เกย์สาวรุ่นใหญ่รับปาก


“ น...หนูไม่เข้าใจ ทำไมคุณพ่อถึงอยากจะทำร้ายเขานักล่ะคะ ?? ” สาริสาถาม เพราะเห็นถึงความไม่ยุติธรรม


“ พ่อไม่ได้ทำร้าย แต่พ่อแค่อยากให้เขารู้ว่าถ้าพ่อจะใช้อำนาจลงมืออย่างที่เขากล่าวหาจริงๆ มันจะเป็นยังไง ” อมรวิสุทธิ์พูดขึ้นพลางยิ้มให้ลูกสาว ก่อนที่จะหันไปบอกกล่าวกับป้าติ่ง


“ ...ถ้าอย่างนั้นตกลงตามนี้นะครับ ผมฝากด้วยละกัน ” หนุ่มใหญ่ส่งยิ้มให้เขาอีกคน


“ ด้วยความยินดีค่ะ!! ไม่ถึงอาทิตย์ เพลงนี้ต้องออกสู่สาธารณะชนอย่างแน่นอน ” ผู้จัดการดารากล่าวด้วยท่าทีที่มั่นใจ


ถึงแม้อมรวิสุทธิ์และป้าติ่งจะเชื่อมั่น และยินดีในสิ่งที่กำลังจะทำ แต่ทางด้านสาริสากลับไม่รู้สึกอย่างนั้น เธอรู้สึกสงสารรสรินทร์ขึ้นมาอย่างจับใจ สาวน้อยรู้ดีว่าผลที่ได้จะเป็นอย่างไรหากบิดาของเธอต้องลงมือ

ตามธรรมชาติของสาววันศุกร์ ความอ่อนไหวและขี้สงสารมีอยู่ในสัญชาตญาณของตนไม่ว่าจะกับมิตร หรือศัตรู แม้ว่าผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่าจะเป็นฝั่งของนักร้องสาวดาวรุ่งมาโดยตลอด แต่เมื่อสุดท้ายหากเกมนี้สิ้นสุดลง สาวน้อยก็คงไม่รู้สึกภาคภูมิใจอะไรกับชัยชนะที่ตนจะต้องได้รับ


+++++++++++++++++++++++++++++


เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้