*~บทที่ 15~*

อาหารเช้าเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อมนุษย์ ทั้งช่วยควบคุมน้ำหนัก บำรุงสมองและหัวใจ อีกทั้งยังทำให้มีเรี่ยวแรงในการทำงาน เพื่อที่จะได้สนุกสนานกับกิจกรรมและประสบการณ์ใหม่ๆ ตลอดช่วงเวลาทั้งวัน แต่ผู้คนส่วนใหญ่มักละเลยที่จะรับประทาน ครั้นพอถึงคราวที่ร่างกายฟ้องว่าต้องการก็จะค่อยตระหนักรู้ได้ถึงคุณค่าของมัน

เป็นเวลาหลายวันแล้วที่ศัลยแพทย์หนุ่มอย่างคุณหมอมงคลมาสไม่ได้ติดต่อกับอาจารย์สาวอย่างพิมพ์ประภัสร์ นับตั้งแต่วันที่เขาหาเรื่องพาเธอขึ้นรถเพื่อไปส่งยังมหาวิทยาลัย และจากวันนั้นมาหญิงสาวก็ไม่ได้รับการติดต่อจากทางเขาอีกเลย

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีหลายครั้งที่อาจารย์สาวมองว่าสิ่งที่คุณหมอหนุ่มทำ ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความ หรือโทรศัพท์มาหา ล้วนเป็นการก่อกวนเพื่อให้เธอตัดใจจากเขาไม่ได้แทบทั้งสิ้น แต่ตอนนี้เจ้าหล่อนกลับรู้สึกใจหายที่ไม่ได้รับช่วงเวลาเหล่านั้น พิมพ์ประภัสร์ครุ่นคิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา ถ้าหากว่าสิ่งที่เขาทำเปรียบเสมือนกับอาหารเช้า มันก็คงเป็นอาหารเช้าจำพวกขนมปัง เช่น ครัวซอง หรือแซนด์วิช ที่หาได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป ดั่งที่เธอและคนส่วนใหญ่ต่างมองว่าเอาไว้ใช้ทานรองท้องเท่านั้น แต่สำหรับตอนนี้หญิงสาวกลับโหยหาและต้องการของว่างเหล่านั้น ถึงแม้มันจะเป็นเพียงขนมปังหนึ่งแผ่น หรือแซนด์วิชแค่ครึ่งชิ้นก็ตาม

พิมพ์ประภัสร์หมุนโทรศัพท์มือถือเล่นไปมาอยู่บนโต๊ะภายในห้องพักครู พลางครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น อาจารย์สาวรู้ตัวดีว่าขณะนี้เธอกำลังคิดถึงอดีตคนรัก แต่ก็พยายามที่จะหักห้ามใจตนเองไม่ให้คิดถึงเขามากไปกว่านี้ เพราะเธอกลัวและไม่อยากกลับไปอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ทรมานเหมือนช่วงเวลาที่ผ่านๆ มา

ช่วงเวลาที่ว่าคือ ช่วงเวลาที่เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ทั้งความเข้มแข็ง และความอดทน ซึ่งนั่นคือ สิ่งที่ต้องใช้ในการเผชิญโลกด้วยตัวคนเดียว ภายใต้หน้ากากที่เก็บซ่อนความอ่อนแอ และความเจ็บปวดเอาไว้อย่างมิดชิด ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ใครได้รับรู้ถึงความรู้สึกนั้น รอยยิ้มของหญิงสาวที่ดูมีความสุขทุกครั้งในช่วงเวลาที่อยู่กับเพื่อนๆ และผู้คนคือ การแสดงฉากหนึ่งทีเธอต้องเล่นเพื่อให้ผ่านพ้นไปวันๆ ก่อนที่จะกลับมานอนร้องไห้เพียงลำพังเมื่อการแสดงนั้นสิ้นสุดลง

พิมพ์ประภัสร์นึกย้อนไปถึงช่วงเวลาเหล่านั้น หญิงสาวรู้สึกได้ว่าบัดนี้เธอเดินมาไกลกว่าห้วงความรู้สึกที่เคยเป็น อาจารย์สาวผ่านมันมาได้และจะไม่มีวันย้อนกลับไปหามันอีก

หล่อนหยุดความคิดถึงที่มีต่อเขาเพียงเท่านั้น ก่อนที่จะบอกกับตนเองว่าคงถึงเวลาที่เขาได้จากเธอไปแล้วจริงๆ หญิงสาวค่อยๆ ฉีกยิ้มออกมาอย่างสุขใจ พลางมองโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือ ก่อนจะวางมันลงไปบนโต๊ะ แล้วลุกจากเก้าอี้เพื่อเก็บของเตรียมตัวกลับที่พัก

อาจารย์สาวเดินออกมาจากห้องพักครูเพื่อลงลิฟท์ไปยังชั้นล่าง ขณะนั้นเองเสกสรรค์ซึ่งเป็นอาจารย์ต่างคณะ ก็วิ่งเข้ามาอยู่ในลิฟท์ตัวเดียวกันกับเธออย่างเร่งรีบก่อนที่ประตูของลิฟท์จะปิดลง

“ อ้าว!! อาจารย์พิมพ์ จะกลับแล้วเหรอครับ ? ” ชายหนุ่มทักทาย

“ ค่ะ... ” เธอตอบพลางยิ้มให้เขาอย่างไมตรี

เสกสรรค์อมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นเจ้าหล่อนส่งยิ้มให้ เขาก้มหน้าลงอย่างอายๆ พลางคิดหาเรื่องชวนคุย

“ เอ่อ...แล้ว...วันนี้อาจารย์พิมพ์รีบกลับไหมครับ ? “ อาจารย์หนุ่มถาม

“ ท...ทำไมคะ ?? อาจารย์มีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่า ? ” หญิงสาวถามกลับอย่างสงวนท่าที

“ ผ....ผมกะว่าจะชวนอาจารย์ไปทานข้าวเย็นด้วยกันน่ะครับ ” เสกสรรค์กล่าวชักชวนอย่างประหม่า ซึ่งภายใต้กรอบแว่นที่ดูหนา หญิงสาวเห็นชัดเลยว่าเขาขยิบตาถี่ขึ้นเพราะความตื่นเต้น

พิมพ์ประภัสร์ฉีกยิ้มด้วยความขบขันในท่าทีของเขา เจ้าหล่อนรู้อยู่แล้วว่าอาจารย์หนุ่มต้องการจะจีบเธอ แต่หญิงสาวก็ยังไม่พร้อมที่จะเปิดรับใครเข้ามา จึงได้แต่ปฏิเสธข้อเสนอของเขาไปอย่างสุภาพและนุ่มนวล

ประตูลิฟท์ถูกเปิดออกเมื่อลงมาถึงยังชั้นล่างของตัวอาคาร หญิงสาวก้าวเดินออกมาจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว เพราะเธอไม่อยากจะยืนเสวนากับเขาให้มากความ แต่ทันทีที่อาจารย์สาวก้าวเท้าพ้นจากรัศมีที่กำลังคุกคามเธออยู่นั้น เจ้าหล่อนกลับต้องประหลาดใจและตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อพบกับบุคคลที่คิดว่าได้จากเธอไปแล้วกลับยืนรอคอยอยู่ตรงหน้าอาคาร

หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างตกใจราวกับเห็นผี ขาซ้ายของเธอก้าวไปข้างหน้าไม่ออก อีกทั้งปากของเจ้าหล่อนก็ไม่ขยับ ราวกับว่าทุกส่วนในร่างกายมันไม่ตอบสนองต่อบุคคลที่ยืนอยู่ตรงนั้น อาจารย์สาวตัวแข็งพลางจ้องมองดูเขา ก่อนที่สติสัมปชัญญะจะช่วยให้เธอรวบรวมความกล้าและเปล่งเสียงออกมาได้ในที่สุด

“ คุณหมอ ” เธอพูด

“ ผมมารับคุณกลับคอนโดฯ ครับ...คุณพิมพ์ ” ศัลยแพทย์หนุ่มกล่าวทักทายเธอพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่จะพูดประโยคต่อไป

“ ขอโทษด้วยนะครับที่ช่วงนี้ผมมีประชุมแทบจะทุกวัน อีกอย่างผมเองก็คิดถึงคุณมาก ผมก็เลย... ”

“ หยุดพูดเถอะค่ะคุณหมอ!! ฉันดีใจเสียอีกที่คุณหายไปแบบนี้ ” เธอตัดบท

หมอหนุ่มมองหน้าเธอพลางกรอกตาไปมาราวกับแปลกใจในคำพูดที่ได้ยิน

“ คุณกลับไปเถอะค่ะ...ฉ...ฉัน... ” พิมพ์ประภัสร์พูดไม่ออก หญิงสาวรู้สึกได้ว่ากำลังทำในสิ่งที่ฝืนใจตนเอง ทำไมนะ...ทำไมเขาต้องโผล่มาในช่วงเวลาที่เธอเกือบจะลืมเขาได้ ?!!

หญิงสาวหยุดคำพูดของเธอไว้ ก่อนที่จะเหลือบเห็นเสกสรรค์ที่กำลังเดินตรงไปยังลานจอดรถ อาจารย์สาวจึงรีบปรี่ไปหาเขาพลางร้องเรียก

“ อาจารย์เสกสรรค์คะ!!...อาจารย์เสกสรรค์ ” หล่อนเร่งฝีเท้า

อาจารย์หนุ่มหันกลับมาทันทีที่ได้ยินเสียง “ ครับ ??... ”

หญิงสาวเดินเข้าไปหาเขาพลางคล้องแขนไว้ อาจารย์หนุ่มตกใจ หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เช่นเดียวกับศัลยแพทย์หนุ่มที่เลือดขึ้นหน้าเมื่อเห็นภาพที่ว่านั่น

“ สรุปที่อาจารย์ชวนฉันไปทานข้าว...ฉันตกลงนะคะ!! ว่าแต่...เราจะไปทานข้าวกันที่ร้านไหน ? ” หญิงสาวถามเขา แต่ส่งสายตามาทางคุณหมอเพื่อให้รู้ว่าเธอกำลังมีนัด

“ อ...อ่อ..ที่.. ” เขาตะกุกตะกักทำท่าจะตอบ แต่เจ้าหล่อนกลับพูดแทรกเพื่อไม่ให้เสียเวลา

“ ถ้าอย่างนั้นเรารีบไปกันเถอะค่ะ พอดีฉันหิวแล้ว ” หญิงสาวคะยั้นคะยอให้เขารีบไปจากตรงนั้น

นายแพทย์หนุ่มรู้สึกไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาทั้งรู้สึกผิดหวังและเสียใจ สลับกับขุ่นเคือง

ชายหนุ่มมองดูคนทั้งคู่ขึ้นรถยนต์สีกรมท่าคันเก่าๆ ของเสกสรรค์ เพื่อที่จะขับออกไปรับประทานอาหาร

คุณหมอก้าวเท้าเข้ามาในรถสีขาวคู่ใจ พลางมองดูเธอที่นั่งอยู่ในนั้นด้วยสายตาที่หม่นหมอง รถของอาจารย์หนุ่มขับเคลื่อนตัวออกไป ท่ามกลางแววตาโศกเศร้าของคุณหมอที่มองคล้อยตาม...หมดแล้วซึ่งเยื่อใยของความรักที่เขาเคยมีให้ ศัลยแพทย์หนุ่มก้มหน้าสตาร์ทเครื่องเตรียมตัวจะขับรถออกไปเช่นกัน ทว่ากลับเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหันพลางหมุนพวงมาลัย แล้วขับตามรถของคนทั้งคู่ไป

สองอาจารย์หนุ่มสาวมาถึงยังร้านอาหารที่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก ซึ่งบรรยากาศภายในร้านตกแต่งเป็นแบบสไตล์ยุโรป ด้านนอกมีลานกว้างที่ถูกวางผังให้เป็นสวนหย่อมขนาดเล็ก ซึ่งมีทั้งน้ำพุ และม้านั่งชิงช้าตั้งอยู่ ซึ่งถือว่าค่อนข้างสวยงาม และดูร่มรื่นทีเดียว แม้ว่าจะเป็นร้านที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองก็ตาม


เขาทั้งคู่ก้าวลงมาจากรถ แต่เสกสรรค์ขอตัวไปซื้อยาแก้ท้องอืดจากร้านขายยาที่อยู่ใกล้ๆ กันก่อน แล้วค่อยตามเธอไป พิมพ์ประภัสร์ยิ้มให้กับท่าทีที่ดูขบขันของเขาอีกครั้ง หญิงสาวมองดูชายหนุ่มเดินไปยังร้านขายยาจนลับตา ก่อนที่จะเหลือบมองมาทางด้านหลังว่า อดีตคนรักของเธอตามมาหรือไม่ จากนั้นอาจารย์สาวจึงเดินขึ้นบันไดไปหาที่นั่งภายในร้าน หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าคุณหมอหนุ่มไม่ได้ตามเธอ

รถยนต์สีขาวคันใหญ่ขับเคลื่อนเข้ามายังลานจอดรถของร้านทันทีที่เธอคล้อยหลัง นายแพทย์หนุ่มมองหาพวกเขาทั้งคู่แต่ก็ไม่พบ นอกจากเห็นรถยนต์คันเก่าๆ ของเสกสรรค์จอดอยู่ ชายหนุ่มจึงลงจากรถเพื่อเข้าร้านเพราะต้องการตามหาคนรัก

หญิงสาวได้รับการต้อนรับจากพนักงานเป็นอย่างดี เธอถูกพามายังที่นั่งคู่กลางร้าน โดยฝั่งที่หล่อนนั่งหันออกไปที่ประตูทางเข้า ซึ่งทำให้อาจารย์สาวมองเห็นหมอหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามา

“ นี่ต้องถึงขั้นตามมาป่วนกันเลยเหรอ ?!! ” เธอค่อนขอดออกมาเบาๆ พลางก้มหัวหลบลงกับโต๊ะอย่างหงุดหงิด ทำให้พนักงานต้อนรับถึงกับงุนงงเล็กน้อยในท่าทีของเจ้าหล่อน แต่ไม่นานพนักงานคนนั้นก็เข้าใจในสิ่งที่เธอทำ เมื่อเขาเหลือบไปเห็นคุณหมอกำลังเดินตามหาอาจารย์สาวไปทั่วร้าน

พนักงานผู้มีไหวพริบคนนั้นจึงเดินเข้าไปหาเขาด้วยการทำทีเป็นต้อนรับ พลางสอบถามถึงเรื่องการมาใช้บริการที่ร้าน จากนั้นจึงพยายามคะยั้นคะยอให้ชายหนุ่มไปนั่งยังอีกที่หนึ่งซึ่งห่างไกลจากโต๊ะของเธอ แต่คุณหมอทำท่าเหมือนกับไม่สนใจ เขายังคงดึงดันที่จะมองหาพิมพ์ประภัสร์อยู่อย่างนั้น ซึ่งทางด้านหญิงสาวเองก็คิดว่าเขาคงเดินไปพ้นจากตรงนั้นแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมา แต่บังเอิญว่าดันเผลอหันไปมองเขาซึ่งอยู่อีกทางด้วยความไม่ตั้งใจ และเป็นจังหวะเดียวกับที่ศัลยแพทย์หนุ่มหันมาเห็นเข้าพอดี หญิงสาวตกใจจึงทำทีเป็นหลบอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะหนีไม่พ้น เพราะคุณหมอหนุ่มกำลังมุ่งตรงมาที่เธอทันที

“ สั่งอาหารหรือยังครับ ? ” เสกสรรค์ถามพิมพ์ประภัสร์ พลางทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่ด้านหน้า

หญิงสาวตกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะเหลือบไปดูนายแพทย์หนุ่มที่ด้านหลังของเสกสรรค์ ซึ่งคุณหมอเองก็มีท่าทีที่ตกใจเช่นกัน เมื่อเห็นอาจารย์หนุ่มนั่งคอยกันท่า

ศัลยแพทย์หนุ่มเหลือบไปเห็นโต๊ะว่างที่ด้านหน้าจึงนั่งลงไป ซึ่งเป็นฝั่งที่เขาได้ประจันหน้ากับเธอพอดี

เขาจ้องมองเธอมาจากอีกโต๊ะ พิมพ์ประภัสร์เองก็เช่นกัน หญิงสาวจ้องเขากลับพลางหยีตาให้อย่างไม่ยอมลงรอย...

ดูท่าทางคุณหมอหนุ่มต้องการพยายามตามรังควานเธอเป็นแน่!!...หญิงสาวแอบตั้งแง่อยู่ในใจ ก่อนที่จะทำทีเป็นไม่ใส่ใจพลางหันไปยิ้มระรื่นให้เสกสรรค์อย่างเป็นมิตร

นายแพทย์มงคลมาสมองเธออย่างไม่สบอารมณ์ ดูท่าทางเจ้าหล่อนคงกำลังมีความสุขกับคู่ควงคนใหม่...หมอหนุ่มคิดในใจ จากนั้นจึงทำทีเป็นไม่ใส่ใจเช่นกัน เขาหยิบเมนูขึ้นมา แล้วกางมันออกเพื่อบังหน้าไว้ ก่อนที่จะหันไปสั่งอาหารกับบริกร

พิมพ์ประภัสร์ถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเขายังนั่งอยู่ตรงนั้น แถมสั่งอาหารเสียด้วย ดูท่าทางคืนนี้หมอหนุ่มคงจะอยู่ยาวเพื่อรอเธอเป็นแน่ หญิงสาวมองดูเขาสลับกับเสกสรรค์ พลางส่งยิ้มให้อาจารย์หนุ่มบ้างเป็นครั้งคราว เพื่อกันการสงสัย ซึ่งทางเสกสรรค์เองก็ไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจอะไร แถมดีใจเสียด้วยซ้ำที่เธอยินยอมมารับประทานอาหารเย็นกับเขาเป็นครั้งแรก

ชายหนุ่มลุกลี้ลุกลนจนประหม่า เขาขยิบตาด้วยความตื่นเต้นเป็นบางครั้ง โดยเฉพาะเวลาที่ตักอาหาร หรือรินไวน์ให้แก่เธอ

หญิงสาวฉีกยิ้มอย่างเจื่อนๆ ให้กับเสกสรรค์ พลางรู้สึกตลกตนเองเล็กน้อยที่มานั่งรับประทานอาหารอยู่กับเขา...โอ้!! คุณพระคุณเจ้า นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย ?!!! เธอนึกถามตนเอง กอปรกับเหลือบมองไปดูคุณหมอหนุ่มที่นั่งอยู่โต๊ะตรงข้ามไปด้วย

นายแพทย์หนุ่มมองอาจารย์สาวด้วยความหงุดหงิด สายตาที่ดูไม่เป็นมิตรของเขาบ่งบอกว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก พิมพ์ประภัสร์ได้ทีจึงทำเป็นแกล้งชนแก้วกับเสกสรรค์เพื่อเยาะยั่ว หวังจะให้เขาไม่พอใจและผละไปจากเธอ แต่คุณหมอหนุ่มเมื่อเห็นดังนั้น จึงแค่ทุบโต๊ะอย่างขุ่นเคืองด้วยมือที่กำส้อมไว้แน่น!!

หญิงสาวเห็นว่าวิธีนี้ค่อนข้างจะไม่ได้ผล และเธอเองก็เริ่มเบื่อที่จะปั้นหน้ายิ้มหวานใส่เสกสรรค์แล้ว เจ้าหล่อนถึงกับถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะขอตัวเพื่อไปเข้าห้องน้ำด้วยความเหนื่อยใจ

คุณหมอหนุ่มเห็นดังนั้นจึงไม่ยอมปล่อยให้โอกาสที่จะได้อยู่กับเธอตามลำพังหลุดลอย เขาทำท่าว่าจะลุกขึ้นตาม แต่แล้วก็เกิดเปลี่ยนใจเมื่อเห็นเสกสรรค์กำลังกระทำการบางอย่างกับแก้วไวน์ของพิมพ์ประภัสร์ อาจารย์หนุ่มแกะซองกระดาษสีน้ำตาลขนาดเล็กซึ่งหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกง พลางโรยผงสีขาวที่อยู่ด้านในใส่ลงไปในแก้วอย่างระแวดระวัง และรีบใช้นิ้วคนลงไปในแก้วนั้นอย่างรวดเร็ว โดยที่คุณหมอมงคลมาสแอบซุ่มสังเกตการณ์อยู่ตลอดเวลา ดูท่าว่าเสกสรรค์จะไม่ได้ไปซื้อยาแก้ท้องอืดอย่างที่บอกพิมพ์ประภัสร์ไว้ตั้งแต่ทีแรกเสียแล้ว

ศัลยแพทย์หนุ่มตกใจเมื่อเห็นสิ่งที่เสกสรรค์ทำ พลางนึกทำทีว่าเขาจะเดินไปเข้าห้องน้ำ แล้วแสร้งเผลอเอามือปัดแก้วเพื่อให้หล่นลงมา แต่ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะเริ่มแผนการ พิมพ์ประภัสร์ก็เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วกลับมานั่งที่เก้าอี้ทันที

“ กลับกันเถอะค่ะอาจารย์....ฉันอิ่มแล้ว ” หญิงสาวบอกแก่เสกสรรค์ เพราะเธอไม่อยากอยู่เห็นหน้าของอดีตคนรักที่กำลังมองมาจากโต๊ะฝั่งตรงข้าม และนั่นก็รวมไปถึงการที่หล่อนต้องทนนั่งเห็นหน้าอาจารย์หนุ่มเป็นฉากประกอบการทานอาหารด้วย โดยเฉพาะเวลาที่เขาขยิบตาถี่ๆ ด้วยความตื่นเต้นบ่อยๆ

“ อ่า...จะกลับแล้วเหรอครับ ถ...ถ้าอย่างนั้น อ...อาจารย์ดื่มไวน์ให้หมดแก้วก่อนนะครับ แล้วผมจะได้เรียกบริกรมาเช็คบิล ” อาจารย์หนุ่มพูดตะกุกตะกักพลางขยิบตาถี่ขึ้น

หญิงสาวมองเขาอย่างผิดสังเกต พลางตั้งข้อสงสัยว่าทำไมเธอถึงต้องดื่มไวน์ให้หมด

“ ผ...ผมเสียดายไวน์น่ะครับ ราคาออกจะแพง ” อาจารย์หนุ่มฉีกยิ้มพลางรีบกล่าวขึ้น เมื่อเห็นเธอเริ่มคลางแคลงใจ

หญิงสาวมองดูเขาพลางยิ้มที่มุมปากอย่างอดขำในความคิดของเขาไม่ได้ หล่อนหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาเพื่อที่จะดื่มมัน แต่แล้วสายตาของเธอก็เหลือบไปมองคุณหมอหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพอดี เขาทำทีเป็นส่งสัญญาณว่าอย่าดื่มไวน์แก้วนั้นโดยการชูมือขึ้นเล็กน้อย แล้วโบกไปมาเป็นเชิงห้าม

พิมพ์ประภัสร์งุนงงในท่าทีของเขา เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ใส่ใจในสิ่งที่เขาทำ แต่สุดท้ายหล่อนก็กระดกไวน์รวดเดียวลงคอจนหมดแก้วภายในเวลาไม่กี่วินาที

หมอหนุ่มตกใจในสิ่งที่เธอทำจนถึงกับตาค้าง เช่นเดียวกับเสกสรรค์ที่กระตุกยิ้มออกมาเบาๆ อย่างชอบใจ

“ เรียกเช็กบิลเถอะค่ะ ” อาจารย์สาวกล่าวขึ้น พลางยิ้มให้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าหลังจากที่ดื่มไวน์จนหมดแก้ว เธอกางแขนเล็กน้อยพลางชูแก้วให้เขาดู ก่อนที่จะหันมาค้อนหมอหนุ่มที่นั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่งอย่างรำคาญ

หลังจากที่มื้อเย็นอันสุดแสนจะโรแมนติก ( มั้ง ? ) ของสองอาจารย์หนุ่มสาวสิ้นสุดลง พิมพ์ประภัสร์เดินออกมานอกร้านอาหารกับเสกสรรค์เพื่อที่จะขึ้นรถ ชายหนุ่มจึงรีบขันอาสาไปส่ง ซึ่งเธอเองก็ยินดีเ พราะอยู่ๆ เจ้าหล่อนก็เริ่มรู้สึกว่า ตอนนี้เธอเกิดอาการง่วงนอนขึ้นมาเสียอย่างนั้น

ทางด้านคุณหมอมงคลมาส เขารีบจ่ายเงินและเดินตามคนทั้งคู่ออกมาทันที บัดนี้รถยนต์คันเก่าสีกรมท่ากำลังขับแล่นออกจากร้านไป หมอหนุ่มเห็นท่าไม่ดีจึงรีบขึ้นรถ แล้วรีบขับตาม


ภายในรถคันเก่าที่เงียบเชียบและเย็นเฉียบไปด้วยเครื่องปรับอากาศ ช่างเชิญชวนให้หญิงสาวได้ผล็อยหลับลงไปสู่ห้วงนิทราเสียจริงๆ

“ อ...อาจารย์พิมพ์ จะนอนก็นอนก่อนได้เลยนะครับ ” เสกสรรค์พูดขึ้น

“ ไม่ได้หรอกค่ะ...ถ้าฉันหลับ แล้วใครจะบอกทางอาจารย์ให้ไปที่คอนโดฯ ของฉันล่ะคะ ? ” เธอว่า

เสกสรรค์หัวเราะออกมาเบาๆ เขาแกล้งทำทีเป็นว่าลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท ซึ่งบางทีชายหนุ่มก็อาจลืมมันไปแล้วจริงๆ ก็เป็นได้ หลังจากสายตาของเขาเหลือบไปมองป้ายที่มีไฟกระพริบสีส้มเรียงตัวกันเป็นคำว่า โรงแรม อยู่ตรงหน้า

อาจารย์หนุ่มหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปในซอยนั้น หญิงสาวชะโงกศีรษะขึ้นมาดูด้วยความง่วง เมื่อเธอรู้สึกได้ว่ามันเริ่มไม่คุ้นทาง

“ แถวไหนคะนี่อาจารย์ ฉันไม่เคยผ่านเลย? ” หญิงสาวร้องถามด้วยน้ำเสียงสะลึมสะลือ พลางหยีตาดูทางด้วยท่าทีครึ่งหลับครึ่งตื่น

“ เอาเถอะครับอาจารย์...นอนหลับไปเถอะครับ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว ” เขากล่าวพลางฉีกยิ้มออกมา เปลือกตาของเขายิ่งขยิบถี่ขึ้นด้วยความตื่นเต้น...อาจารย์หนุ่มไม่เคยทำอะไรเช่นนี้มาก่อน มันจึงเป็นสิ่งใหม่ที่เรียกความเร้าใจแก่เขาได้มากพอดู

เสกสรรค์ขับรถผ่านป้ายไฟที่ติดไว้ก่อนถึงโรงแรม หญิงสาวเหลือบมองเห็นป้ายสีส้มนั้นชัดเจน พลางอ่านข้อความบนป้ายนั้นด้วยความง่วง เธอตกใจเมื่อรับทราบสาส์นดังกล่าว แต่ไม่ทันที่เธอจะได้ทำอะไรเพื่อป้องกันตัว พนักงานต้อนรับก็ส่องไฟฉายมาที่รถเพื่อส่งสัญญาณเรียกให้อาจารย์หนุ่มขับตามไป

ครั้นถึงที่หมาย ชายหนุ่มดับเครื่องยนต์ พร้อมๆ กับม่านสีดำของที่จอดรถได้รูดปิดสนิท

“ ถ...ถึงแล้วครับ ที่พักของเรา ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“ ค...คุณจะทำอะไร ? ” เธอถามอย่างไร้เรี่ยวแรง แต่แฝงไว้ด้วยความตระหนกที่ซ่อนอยู่

“ ผมก็พาอาจารย์มาขึ้นสวรรค์ไงครับ ” เขาว่า พลางเอื้อมมือมาจับเข้าที่แก้มของเธอ

พิมพ์ประภัสร์ค่อยๆ เบือนหน้าหลบ ดูท่าว่าเธอจะไม่มีกำลังพอที่จะขัดขืน

“ ย...อย่า... ” เธอเปล่งเสียงออกมาเป็นครั้งสุดท้าย และในที่สุดก็ผล็อยหลับไปด้วยฤทธิ์ของยา

เสกสรรค์มองดูร่างที่ไม่ได้สตินั้นอย่างหื่นกระหาย เขาเลียริมฝีปากและสอดส่ายสายตาไปทั่วสรรพางค์กายของเธอ มือของเขาสั่นเทิ้มขณะที่ลูบไล้ไปบนใบหน้าและลำคอของพิมพ์ประภัสร์ ชายหนุ่มแทบจะอดใจไม่ไหวจนอยากจะร่วมรักกับหล่อนบนรถนี้เสียด้วยซ้ำ แต่ด้วยความต้องการพื้นที่ที่มากพอ เสกสรรค์จึงลงจากรถและอุ้มเธอเข้าไปยังห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่มีแค่เตียงนอนและกระจกอยู่ล้อมรอบ

อาจารย์หนุ่มวางเธอลงบนเตียง จากนั้นจึงขึ้นไปนั่งคร่อมเหนือร่างที่อ่อนปวกเปียก เขาค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อของหญิงสาวออก เผยให้เห็นชุดชั้นในลายลูกไม้สีเบจที่ห่อหุ้มซาลาเปาไส้ครีมขนาดใหญ่สองลูก ชายหนุ่มถึงกับกลืนน้ำลายเมื่อเห็นโนมเนื้อคู่ที่ว่า เขาแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง...นี่มันยิ่งกว่าสิ่งที่เขาเคยจินตนาการไว้ทั้งหมด

ชายหนุ่มค่อยๆ ยกมือขึ้นอย่างตื่นเต้น และเตรียมที่จะวางมันลงไปบนเนินยักษ์สองลูกนั้น เขาเคยวาดฝันเอาไว้หลายครั้งว่าอยากจะทำอะไรแบบนี้กับเธอมาตั้งนานแล้ว


“ ก๊อกๆ ๆ ๆ ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะ

อาจารย์หนุ่มชักมือออกอย่างอารมณ์เสียก่อนที่จะได้วางมันลงไป เขาหันมาที่ประตูนั้นอย่างหงุดหงิด พลางทำตาขวางผ่านเลนส์แว่นที่ดูหนา ทว่าเสียงประตูก็ยังคงเคาะอย่างต่อเนื่อง และดูท่าว่ามันจะดังขึ้นเรื่อยๆ หากเขายังไม่เดินไป

“ อะไรกันวะ ?!! มารยาทมันไม่มีกันหรือไงไอ้พนักงานที่นี่!! ” ชายหนุ่มกระฟัดกระเฟียด ก่อนที่จะลุกขึ้นไปเปิดประตูอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ เอาผ้าห่มมาส่งครับ ” พนักงานที่ฉายไฟในตอนแรกยื่นผ้าห่มที่พับไว้อย่างเรียบร้อยแก่เขา

อาจารย์หนุ่มมองหน้าอย่างเอาเรื่องก่อนที่จะรับเข้ามา จากนั้นจึงปิดประตู

“ ก๊อก ๆ ๆ ๆ ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง

ชายหนุ่มจึงหันกลับไปเปิดด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด

“ รับถุงยางไหมครับ ? ” พนักงานคนเดิมถาม

“ ไม่!! ” เขาตอบห้วนๆ แล้วปิดประตู

“ ก๊อก ๆ ๆ ๆ ” แต่เสียงเคาะก็ยังดังขึ้นอีก

“ อะไรกันนักหนาวะ!!! ” ชายหนุ่มหงุดหงิด เขาทุ่มผ้าห่มลงที่พื้น แล้วเดินไปเปิดประตูอีกครั้ง

ทันทีที่บานประตูได้เปิดออก และไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร กำปั้นลูกที่หนึ่งก็พุ่งเข้าใส่หน้าอย่างเต็มแรง

“ โอ๊ยยย!!! อะไรกันวะ ?!! ” เขาร้อง

ไม่ทันที่จะมีใครตอบ หมัดดอกที่สองก็ซัดเปรี้ยงเข้าที่หน้าของเสกสรรค์อีกที

อาจารย์หนุ่มเซ แล้วล้มลงไปข้างเตียง

นายแพทย์หนุ่มจึงก้าวเข้ามา แล้วเตรียมตัวจะให้กำปั้นลูกที่สาม

แต่เสกสรรค์กลับยกมือขึ้นห้ามพลางร้องขอให้ปล่อยเขาไป

หมอหนุ่มมองไปที่เตียง แล้วเห็นร่างของพิมพ์ประภัสร์นอนกึ่งเปลือยอยู่อย่างไม่ได้สติ ชายหนุ่มเลือดขึ้นหน้าด้วยความโมโห และดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถยับยั้งอวัยวะบางอย่างได้ ซึ่งครั้งนี้กลับเป็นลูกเตะที่ซัดหน้าของเสกสรรค์เข้าอย่างจังจนสลบเหมือด

นายแพทย์หนุ่มโน้มตัวลงไปหาพิมพ์ประภัสร์ เขาเอาชายเสื้อทั้งสองข้างของหญิงสาวที่ถูกปลดกระดุมออกมาคลุมทับส่วนที่เปิดไว้ พลางร้องเรียกชื่อและเขย่าไหล่ของเธอเบาๆ เพื่อให้ฟื้นคืนสติ

“ โธ่!! พิมพ์ ตื่นสิพิมพ์!! ” หมอหนุ่มร้องเรียกอยู่อย่างนั้น แต่เธอก็ไม่ฟื้น

ชายหนุ่มจึงตัดสินใจอุ้มเธอออกมาจากห้องพักของโรงแรม เพื่อไปขึ้นรถของเขาที่จอดอยู่ด้านนอกม่านสีดำที่ปิดอยู่ และไม่ลืมที่จะทุบกระจกรถของเสกสรรค์เพื่อหยิบเอากระเป๋าสะพายของเธอออกมา

นายแพทย์มงคลมาสขับรถออกมาจากซอยนั้น แล้วมุ่งตรงเข้าสู่ถนนใหญ่ดังเดิม เขาเหลือบมองดูหญิงสาวที่กำลังหลับสนิทอยู่บนที่นั่งข้างกาย ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงความปลอดภัยที่เธอได้รับ หมอหนุ่มสัญญากับตนเองว่าจะไม่ฉวยโอกาสแตะต้องอะไรในขณะที่เธอหลับ แต่สุดท้ายก็กลับไม่สามารถหักห้ามใจตนเองได้ ถึงอย่างไรแค่เพียงได้เขี่ยเส้นผมที่ติดอยู่บนหน้าของเธอออกก็พอ

คุณหมอขับรถมาถึงที่พักของพิมพ์ประภัสร์ แต่ชายหนุ่มกลับเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่รู้หมายเลขห้องของเธอ ใจจริงแล้วคุณหมออยากพาอาจารย์สาวไปที่ห้องของเขา แต่กลัวเธอตื่นขึ้นมาแล้วจะอาละวาด ดังนั้นจึงต้องขับรถพาเธอมาส่งยังคอนโดมิเนียม แล้วนอนอยู่เป็นเพื่อนบนรถ ณ ลานที่จอด จนกว่าเจ้าหล่อนจะฟื้นคืนสติกลับมา

+++++++++++++++++++++++++++++

รุ่งเช้า หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงง ครั้นพอระลึกถึงเรื่องราวเมื่อคืนได้ก็รีบสำรวจตนเอง เธอพบว่าเสื้อผ้าของเธอยังคงใส่อยู่ครบ อีกทั้งกระเป๋าสะพาย โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์ และของใช้อื่นๆ ก็ไม่ได้สึกหรอหรือหายไปไหน เว้นเสียแต่ว่าชายหนุ่มที่กำลังหลับอยู่ข้างกายบนที่นั่งคนขับ

“ คุณหมอ!! ” หญิงสาวร้องเรียก จึงทำให้เขาสะดุ้งตื่น

“ อ...อะไร ?? ค...คุณพิมพ์ คุณฟื้นแล้วเหรอ ? ” ชายหนุ่มถามอย่างดีใจ

“ คนบ้า!! คนผีทะเล!! นี่คุณพาฉันมาที่ไหน พาฉันไปส่งคอนโดฯ เดี๋ยวนี้นะ!! ” เธอเริ่มอาละวาด พลางทุบตีนายแพทย์หนุ่ม

“ ด...เดี๋ยว...เดี๋ยวก่อนพิมพ์ คุณดูสิว่าที่นี่ที่ไหน ที่นี่มันลานจอดรถของคอนโดฯ คุณไง!! ” เขารีบอธิบายพลางยกมือขึ้นปกป้องตนเอง

หญิงสาวหยุดทุบตี พลางมองไปรอบๆ ใช่จริงๆ ด้วย...ลานจอดรถที่คอนโดมิเนียมของเธอ

“ แล้ว...เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับฉัน และทำไมฉันถึงมาอยู่กับคุณได้ ?? แล้วอาจารย์เสกสรรค์ล่ะ...เขาไปไหน ?? ” เธอร้องถาม

“ นี่พิมพ์...คุณรู้ตัวไหมว่าคุณโดนไอ้อาจารย์หื่นนั่นวางยา แล้วมันก็จะพาคุณไปปลุกปล้ำที่โรงแรม ดีนะ!! ที่ผมตามมาช่วยไว้ ” เขาว่า

หญิงสาวก้มหน้าพลางทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เธอเริ่มปะติดปะต่อเรื่องที่ได้พบเจอ ทั้งแก้วไวน์ อาการง่วงนอน รวมไปถึงป้ายโรงแรมที่ได้เห็นก่อนจะผล็อยหลับไป

หล่อนรู้สึกใจหายกับสิ่งที่เกิด และรู้สึกโล่งใจขึ้นในขณะเดียวกัน เมื่อพบว่าตนไม่ได้เป็นอะไร

“ คุณหมอ...คุณช่วยฉันเหรอคะ ? ” เธอร้องถาม แววตาเต็มไปด้วยประกายของความไม่คาดฝัน

“ เปล่า!! เปล่าเสียหน่อย ” ชายหนุ่มแกล้งปฏิเสธ พลางทำทีเป็นไม่สนใจ

พิมพ์ประภัสร์ยิ้มให้กับท่าทีที่กวนอารมณ์ของเขา ซึ่งเธอจำได้ว่าชายหนุ่มชอบทำเล่นทุกครั้งเวลาที่อยู่ด้วย

“ ที่คุณตามฉันมา ฉันนึกว่าคุณจะแกล้งป่วนฉันเสียอีก ” หญิงสาวฉีกยิ้ม

“ ใจจริงก็อยากจะป่วนอยู่หรอกนะ...แต่ความเป็นห่วงมันเยอะกว่า ” หมอหนุ่มกล่าว พลางเบือนหน้าหลบสายตา เพราะรู้ว่าตนกำลังเขินอาย

หญิงสาวแก้มแดงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อได้ยินในสิ่งที่เขาพูด เธอค่อยๆ เอื้อมไปจับมือของเขาพลางกล่าวขอบคุณ

หลังจากนั้นนายแพทย์หนุ่มก็ค่อยๆ พลิกฝ่ามือของตนขึ้นมา เพื่อกุมมือประสานกับเธอไว้ จากนั้นจึงมองดูอาจาย์สาวพลางยิ้มให้ ก่อนที่คนทั้งคู่จะสบตากันอย่างตั้งใจอีกครั้ง

ศัลยแพทย์หนุ่มค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้าหา หญิงสาวเองก็เช่นกัน หล่อนหลับตาพริ้มราวกับว่าทั้งเธอและเขากำลังจะร่วมกันสร้างจุมพิตแรก แต่แล้วหญิงสาวกลับเปลี่ยนใจ เมื่อเธอเบือนหน้าหลบจากริมฝีปากของเขา แล้วกล่าวขึ้น


“ คุณรีบไปไหนหรือเปล่าคะ ?? ” เธอถาม

“ ไม่ครับ ” เขาตอบ

“ ถ้าอย่างนั้น...ไปทานอาหารเช้าที่ห้องฉันไหม ? ” เธอเสนอ พลางส่งสายตาหวานๆ ชักชวน

“ ขอกาแฟด้วยนะครับ ” เขายิ้ม

สองหนุ่มสาวต่างหัวเราะกันออกมาอย่างขวยเขิน เหมือนคู่นกน้อยที่ส่งเสียงหยอกเอินกันยามอรุณรุ่ง


และจากคำกล่าวที่ว่าอาหารเช้าเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อมนุษย์แต่ผู้คนส่วนใหญ่มักละเลยที่จะรับประทาน ครั้นพอถึงคราวที่ร่างกายฟ้องว่าต้องการก็จะค่อยตระหนักรู้ได้ถึงคุณค่าของมัน ซึ่งบัดนี้หญิงสาวก็รับรู้ได้แล้วว่าสำหรับเธอ คุณหมอนั้นก็เปรียบเสมือนอาหารเช้า แม้ว่าที่ผ่านมาเธอจะไม่สนใจในสิ่งที่เขาทำ หนำซ้ำยังพยายามที่จะขับไล่ให้ไปพ้นๆ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถที่จะหลอกความรู้สึกของตนเองได้อีกต่อไป เมื่อสิ่งที่อยู่ข้างในมันกำลังฟ้องว่า เขาคือสิ่งที่เธอต้องการ

+++++++++++++++++++++++++++++