1. SistaCafe
  2. #พักก่อนร่างจะพัง! 7 สัญญาณบอกว่าเธอ 'ออกกำลังกายหนักเกินไป' สุขภาพเสีย น้ำหนักลดยากกว่าเดิม (×﹏×)

สวัสดีค่าา สาวๆSistaCafeสายเฮลตี้ สายฟิตเนสทั้งหลาย ♡ ~('▽^人)ไม่ว่าจะอยากลดความอ้วนหรือแค่อยากสุขภาพดี ถ้าไปขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ อ่านหนังสือสุขภาพ หรือแค่ถามคนใกล้ตัวอย่างพ่อแม่ เพื่อนสนิท ทุกคนก็จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า" ก็ไปออกกำลังกายสิ! "ซึ่งก็ไม่เถียงหรอกว่ามันคือเรื่องจริง การออกกำลังจะช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกิน เสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง หุ่นกระชับสมส่วนมากขึ้น แต่ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ เพราะอะไรที่มากเกินไปก็ไม่ดีเช่นกัน!ถ้าสาวๆ ทำตัวสุดโต่ง ออกกำลังอย่างหนักหน่วง extreme หลายชั่วโมงแบบไม่พัก ก็อาจเกิดอาการ overtraining หรือร่างกายรับไม่ไหว เป็นสัญญาณสุขภาพพังได้ โดยเฉพาะถ้าเธอกินอาหารที่มีประโยชน์ไม่เพียงพอ นอนน้อย และมีความเครียดสูง หากเป็นมือใหม่ก็มีสิทธิ์ที่จะ ' น็อก ' สลบกลางอากาศ หรือมีอาการที่แย่กว่านั้นได้ในครั้งหน้า ซึ่งเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้เพื่อป้องกันเรื่องเหล่านั้น จึงอยากให้สาวๆ ลองสังเกตตัวเองจาก' 7 สิ่งบอกว่า เธอกำลังออกกำลังกายหนักเกินไป 'หากมีอาการเข้าข่ายแม้แต่ข้อเดียว ขอให้หยุดและฟื้นฟูร่างกายโดยทันที เพราะแปลว่าร่างกายกำลังจะพัง ต้องการซ่อมด่วน แถมลดน้ำหนักยากขึ้นด้วย!! #ไม่ไหวอย่าฝืนน้า(。•́︿•̀。)


1. นอนหลับพักผ่อน 8-9 ชั่วโมง แต่ตื่นมาก็ยังล้าอยู่ดี

ถ้าร่างกายอยู่ในสภาพปกติ ถ้าสาวๆ เข้านอนแต่หัวค่ำ นอนหลับได้เต็มที่ 7-8 ชั่วโมง ตื่นเช้ามาก็ควรจะสดชื่นแจ่มใส กระฉับกระเฉงพร้อมใช้พลังงานในชีวิตประจำวัน แต่หากตื่นมาแล้วตาปรือ เหนื่อยล้า เพลีย ตัวร้าวไปหมด


ลืมตาแล้วก็อยากกลับไปนอนอีก ไม่อยากลุกขึ้นจากเตียงเลย ก็เป็นสัญญาณหนึ่งที่บอกว่า เมื่อคืนเธอออกกำลังกายหนักมากจนเกินไปค่ะ



นอกจากตื่นมาเพลียแล้ว บางคนยังมีอาการนอนไม่หลับ, หลับๆ ตื่นๆ ทั้งคืน หรือนอนกรนมีเสียง ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากการออกกำลังกายหนักเช่นกัน นั่นเป็นเพราะว่าระบบในร่างกายทำงานผิดปกติ

ถ้าไม่เพลียจนอยากชัตดาวน์ตัวเองไปเลย ก็กระตุ้นสมองให้อยู่ในสภาพ ' ตื่น ' ตลอดเวลา ( ทั้งที่เป็นเวลาที่ควรนอน ) หากสาวซิสกำลังเจอแบบนี้อยู่ ต้องลดความเข้มข้นหรือเวลาในการเข้าฟิตเนสด่วน!



2. มีอาการเจ็บปวดตามร่างกาย ' บ่อยขึ้นเรื่อยๆ '

อาการเจ็บปวดในที่นี้ก็เช่น การปวดตึง เมื่อยล้ากล้ามเนื้อ, ขยับตัวแล้วมีเสียงก๊อกแก๊ก เจ็บจนร้องโอดโอย, ยืดกล้ามเนื้อได้น้อยลง หรือช้าลง, การอักเสบตามกล้ามเนื้อ, กระดูกมีรอยแตกเล็กๆ ( stress fractures )


เหล่านี้คือการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป หากเธอออกกำลังกายหนักจนเกินลิมิตของร่างกายค่ะ



เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการบาดเจ็บเหล่านี้ สาวๆ ต้องไม่ลืมการยืดเส้นเตรียมกล้ามเนื้อ อย่างการวอร์มอัพ และคูลดาวน์ก่อนออกกำลังกายทุกครั้ง เพื่อให้ร่างกายมีความยืดหยุ่น เมื่อเจอแรงกระแทกก็จะรองรับได้ดีกว่าออกกำลังกายทันทีโดยไม่ยืดกล้ามเนื้อก่อน เบาหน่อยก็แค่ปวดจนต้องทายา แต่ถ้าหนักอาจมีอาการกล้ามเนื้อล็อก เป็นตะคริวอย่างรุนแรงได้เลยล่ะหรือสลับการออกกำลังหลายๆ ประเภท เช่น วิ่งลู่เสร็จแล้วไปปั่นจักรยาน ปั่นเสร็จแล้วไปเล่นโยคะ เพื่อให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวหลายทิศทาง หากเกิดการเจ็บหรือช้ำตรงส่วนไหน การทำแบบนี้ก็จะไม่ไปออกแรงส่วนเดิมซ้ำๆ จนอักเสบกว่าเดิม เป็นต้น


3. จากที่เคยแข็งแรง ตอนนี้เจออะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็ล้มป่วยได้ง่าย

หากออกกำลังกายอย่างพอดี สุขภาพจะแข็งแรงขึ้น ลดความเครียด ป่วยได้ยากขึ้นเพราะมีภูมิคุ้มกันที่ดีกว่าเดิม


แต่ในทางกลับกัน ถ้าออกกำลังกายหนักเกินไป จากที่จะสุขภาพดี จะไปรบกวนการทำงานในร่างกายให้อ่อนลง ภูมิตก อ่อนแอ ติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ง่ายขึ้น และเครียดกว่าเดิมได้เช่นกัน



หากเมื่อก่อนนานๆ เธอถึงจะป่วยที แต่ตอนนี้สามวันดีสี่วันไข้ ฝนลงหัวนิดเดียวไข้ขึ้น กินอาหารก็ท้องเสียง่าย ล้มนิดเดียวมีรอยบวมรอยช้ำง่ายกว่าคนอื่น มีจุด มีตุ่มแปลกๆ มีผื่นและเชื้อราขึ้นตามตัว( เป็นอาการของคนภูมิคุ้มกันต่ำ )


เวลามีโรคระบาดอย่างไข้หวัดใหญ่ วัณโรค ก็เป็นคนแรกๆ ที่จะติดเชื้อ ก็เป็นไปได้ว่าเธอออกกำลังกายมากเกินไปค่ะ



4. รู้สึกเซื่องซึม อารมณ์สวิงขึ้นๆ ลงๆ ควบคุมตัวเองไม่ได้

การออกกำลังกายมากเกินไป ไม่ได้ส่งผลต่อสภาพร่างกายเท่านั้น แต่ส่งผลถึง ' สภาพจิตใจ ' ด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อระบบในร่างกายเหนื่อยล้า ทำงานรวน ฮอร์โมนต่างๆ ก็จะได้รับผลกระทบ รวมถึงฮอร์โมนที่ควบคุมอารมณ์ด้วย


คนที่ออกกำลังจนเกินขีดจำกัด นอกจากเหนื่อยกายแล้วก็อาจมีภาวะซึมเศร้าร่วมด้วย อารมณ์ไม่ค่อยเสถียร เดี๋ยวก็ดีจนเวอร์ แต่สักพักก็ดิ่งวูบ เหมือนกราฟที่สวิงอยู่ตลอดเวลา นั่นคือการบ่งบอกว่าร่างกายของเธอกรีดร้องขอ ' พักผ่อน ' เต็มทีแล้วล่ะค่ะ!




หากสาวๆ กำลังเจอและไม่สบายใจกับภาวะอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของตัวเองอยู่ เราแนะนำให้ ' ทำสมาธิ ' เพื่อทำจิตใจให้สงบ เป็นช่วงเวลาพักผ่อน ใช้เวลาอยู่กับตัวเองแบบไม่ต้องลำบากร่างกายจนเกินไป


หรือจะทำกิจกรรม งานอดิเรกที่ชอบก็ช่วยลดความเครียด เพิ่มความสุขให้จิตใจได้ เช่น ดูหนังที่ชอบ ออกไปเดินเล่น กินอาหารอร่อยๆ เราจะหุ่นสวยเป๊ะไปทำไม ถ้าเราอารมณ์เสียอยู่ตลอดเวลา จริงไหม?



5. มีอาการโหย อยากกินเยอะกว่าปกติ

โดยปกติ การออกกำลังกายก็คือการเผาผลาญแคลอรี่ออกไป จึงไม่แปลกที่หลังออกกำลังเสร็จเราจะเหนื่อย หิว อยากกินอะไรสักอย่าง เพราะร่างกายสูญเสียพลังงาน อันนี้คือเรื่องปกติ

แต่ถ้าอารมณ์อยากกินของเธอไม่จางหายไปง่ายๆ ขนาดกินมื้อใหญ่จนอิ่มแปล้แล้ว ก็ยังหิว อยากกินนั่นกินนี่ต่อไปเรื่อย จนบางวันกินเยอะกว่าพลังงานที่เผาผลาญออกไปมากโข นั่นก็เป็นสัญญาณว่าเธอออกกำลังเกินร่างกายจะรับไหวแล้วล่ะค่ะ



นั่นเป็นเพราะว่า เมื่อออกกำลังหนักมากๆ จะส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนเกรลิน หรือที่เรียกกันว่าฮอร์โมนหิว จะถูกกระตุ้นให้หลั่งออกมามากขึ้น ทำให้หิวไม่หยุด กินแบบไม่รู้จักคำว่าอิ่ม สุดท้ายก็เกิดอาการท้องอืด อึดอัดไม่สบายตัว หรืออ้วนขึ้น แพลนไดเอทพังทลาย

นอกจากต้องหักห้ามใจตัวเองให้ได้ กินให้เหมาะกับที่ร่างกายต้องการแล้ว ก็ต้องลดการออกกำลังแบบหักโหมด้วยนะคะ การลดน้ำหนักจึงจะประสบความสำเร็จ


6. ขาดแรงบันดาลใจ เฉื่อย ไม่อยากออกกำลังกายอีกแล้ว ( ทั้งที่เคยชอบมาก )

ข้อนี้แอบมีความเกี่ยวเนื่องกับภาวะอารมณ์ ที่ทำให้เกิดอาการซึมเศร้า ถ้าเธอเคยชอบการออกกำลังกายเอามากๆ แต่ปัจจุบันนี้ไปแบบเสียไม่ได้ ออกแค่ 10-20 นาทีก็เบื่อ หรือเหนื่อยเหมือนจะตาย


ลองย้อนกลับไปดูว่าที่ผ่านมาออกกำลังอย่างเอาเป็นเอาตายหรือไม่ หากใช่ก็เพราะว่าร่างกายถึงจุดที่เกินลิมิตจนเครียด ทำให้ขาดแรงบันดาลใจที่จะออกกำลังต่อไปนั่นเอง



สาวๆ บางคนอาจคิดไปว่าตัวเองแค่ขี้เกียจ ถ้าออกกำลังให้หนักขึ้น หรือเปลี่ยนประเภทการออกกำลังก็คงจะมีไฟขึ้นมาเอง แต่นั่นไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ เธอเหนื่อยจนส่งผลกับสภาพจิตใจต่างหาก ยิ่งออกกำลังหนัก ก็จะยิ่งรู้สึกแย่ เอื่อยเฉื่อยกว่าเดิม

ทางแก้ของปัญหานี้คือ เว้นไปพักผ่อนยาวๆ 2-3 วันก่อน ไม่ต้องแตะเครื่องออกกำลังใดๆ เลย ถึงเวลาค่อยมาออกกำลังใหม่ ให้ร่างกายกับจิตใจได้ฟื้นฟูตัวเองนะคะ

7. ไม่สนใจติดตามผลร่างกายตัวเอง เพราะน้ำหนัก สัดส่วนก็เท่าเดิมอยู่ดี

ถ้าเธอออกกำลังกายมานานหลายเดือน หรือหลายปีแล้ว วันนึงก็รู้สึกเบื่อการติดตามผลสุขภาพตัวเองขึ้นมาซะเฉยๆ ไม่สนใจว่าตัวเองมีมวลกล้ามเนื้อเท่าไหร่ น้ำกับโปรตีนในร่างกายยังดีอยู่ไหม น้ำหนัก สัดส่วนเท่าไหร่ก็ช่างมัน



รู้สึกเฉยชาไปหมด มาออกกำลังก็ทำได้นะแต่ทำไปแบบแกนๆ นั่นอาจเป็นเพราะเธอคุ้นชิน ( และลึกๆ ก็เหนื่อยล้า ) กับการออกกำลังกายแบบเดิมๆ แล้วค่ะ




เราจึงอยากให้สาวๆ ให้ความสำคัญกับการยืดเส้นกล้ามเนื้อ, ดื่มน้ำบ่อยๆ ไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ, ออกกำลังให้ร่างกายมีความยืดหยุ่น เช่น โยคะ เต้นแอโรบิก และมีวันว่างให้ตัวเองได้ไปทำอะไรที่ชอบบ้าง เลิกใส่ใจกับการออกกำลังอย่างหนักหน่วงไปสักพัก


เปลี่ยนการออกกำลังแบบใหม่ๆ เปลี่ยนสถานที่ออกกำลัง เปลี่ยนอาหารที่กินดูบ้าง เมื่อได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ในชีวิต อารมณ์ตื่นเต้นที่จะดูผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงของร่างกายก็จะกลับมาอีกครั้ง ลองดูนะคะ




-----------------------------------------


การออกกำลังกายคือสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ ต่อเมื่อเราทำแต่พอดี! หากน้อยเกินไปจนถึงขั้นเหยาะแหยะก็เห็นผลช้า ( แน่นอนว่าดีกว่าไม่ทำ ) แต่ถ้าออกหนักเกินพิกัดของร่างกาย จากเป็นประโยชน์ก็อาจเป็นโทษทำร้ายตัวเองแทนได้ เมื่อออกกำลังหนัก ระบบในร่างกายจะเริ่มทำงานผิดปกติ ออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงไม่พอ กล้ามเนื้อเกร็ง กระตุก หรือเป็นตะคริว และเมื่อเกิดอาการบาดเจ็บขึ้นแล้ว ก็ต้องใช้เวลาฟื้นฟูกันยาวๆ กว่าจะแข็งแรงดี ความขี้เกียจก็อาจเข้ามาแทนที่ไปซะแล้ว



เราจึงไม่อยากให้สาวๆ บ้าพลังกับการออกกำลังกายมากเกินไป ไม่ต้องรีบลงแรงหนักๆ เพื่อหวังผลลัพธ์ที่รวดเร็ว เพราะร่างกายไม่ใช่เครื่องจักร แม้จะฝึกฝนหนักแค่ไหนก็มีขีดจำกัด เทียบได้กับการลดความอ้วน เธอจะหวังอดข้าวทั้งวัน แล้วพรุ่งนี้ผอมลงฮวบเป็นสิบกิโลก็ไม่ได้ใช่ไหม? ออกกำลังกายก็เช่นกัน เน้นความสม่ำเสมอ ทำแต่พอดี เวทสลับคาร์ดิโอวันละ 30-45 นาที ( นานสุดไม่เกิน 2 ชั่วโมง ) ทำให้สุขภาพดี ไม่เครียด เมื่อไม่เครียด ก็ลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ สุดท้ายนี้ขอให้สาวซิสหุ่นเป๊ะปังกันทุกคนเลยนะคะ  ^ ^


เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้