รูปภาพ:https://media1.tenor.com/images/c2ade2bae36d190eb8e1066359d5b8ed/tenor.gif?itemid=12940959

สวัสดีค่ะ สาวๆSistaCafeชาว' First Jobber 'ทุกคนช่วงนี้ในตลาดหางานกำลังคุกรุ่น เพราะเด็กจบใหม่หรือ first jobber มากมายกำลังแข่งกันยื่นเรซูเม่กันเป็นพัลวัน บางคนอัพสกิลสุดโหด เรียนภาษาที่สามที่สี่ ยอมทำทุกอย่างเพื่อแข่งขันกับทั้งจบใหม่ด้วยกันเอง และคนวัยทำงานที่ต้องการเปลี่ยนงานและมาแย่งโควต้างานเดียวกันยิ่งฟัง podcast ที่เจ้าของกิจการพูดแบบไม่สนใจลูกจ้าง ถ้าไม่เก่งพอก็ไม่รับ อาจทำให้ซิสหลายคนเกิดความกลัวและเครียดว่าจะหางานไม่ได้ คิดว่าแค่เข้าไปได้ก่อนก็พอ ทั้งที่จริงเธออาจลืมไปว่าบริษัทในไทยก็มีหลายประเภท บางบ. แม้จะคัดเลือกลูกจ้างเข้มข้น โหดสุดๆ แต่ก็แลกมากับเพื่อนร่วมงานและเจ้านายที่มีคุณภาพ คุยแล้วได้เติบโตไปด้วยกัน แถมเงินเดือน-สวัสดิการดีแบบจุกๆ, บางบ. เลือกลูกจ้างโหดจริง แต่เงินเดือนก็กลางๆ สวัสดิการก็ไม่ว้าวและบางบ. ไม่ค่อยคัดเยอะ ใครก็ได้ ( ซึ่งเข้าทางคนที่รีบหางาน ไม่มั่นใจในตัวเอง ) แต่เธอยังไม่รู้ว่ากำลังจะเจอกับนรกข้างหน้า ย้ำว่านรกจริงๆ ซึ่งบางทีไม่ได้เพิ่งเห็นตอนทำงานด้วย แต่เห็นลางไม่ดีตั้งแต่ช่วงสัมภาษณ์งานเลยล่ะ!มาเช็กความทะแม่งๆ ของงานใหม่ที่เธอจะสมัครกันได้ที่' 7 กับดักควรระวังในการหางานใหม่ 'ถ้าไม่อยากโดนโขกสับจนต้องรีบยื่นใบลาออกแทบไม่ทัน ก็อย่าทำงานกับบ. ที่มีทั้งเจ็ดข้อนี้นะคะ เตือนแล้วเด้อ!!

1. Job Description หรือหน้าที่ในการทำงาน ' กว้าง ' เกินไป

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/8baee7465a6b19fa69c11e09123817f2.jpg

ก่อนสาวๆ จะยื่นเรซูเม่ให้บริษัทไหนพิจารณา ไม่ใช่ว่าเห็นชื่อตำแหน่งงานแล้วดูโก้เก๋ มีความรู้ ได้เงินเดือนเยอะแน่ๆ หรือแค่เห็นชื่อตำแหน่งที่คุ้นตาก็ยื่นไปทันที แต่ควรสละเวลาเลื่อนเมาส์ลงมาด้านล่าง เพื่ออ่าน ' Job Description ' หรือหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในงานนั้นๆ ด้วย

เพราะบางบริษัทฉวยโอกาสเอาเปรียบ เซฟงบจ้างคน ชื่อบอกว่าทำตำแหน่งนี้ แต่หน้าที่ที่ต้องทำกว้างยิ่งกว่ามหาสมุทร แทบจะเป็น GB หรือ General เบ๊แล้ว เหมาทำทุกอย่างตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ!

ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าเธอจบมาด้านวรรณกรรม ต้องการทำงานเกี่ยวกับบรรณาธิการ นักเขียน พิสูจน์อักษร Job Description ก็ควรมีเนื้อหางานที่เกี่ยวข้องกับงานเขียนเป็นหลัก ไม่ใช่มีเงื่อนไขเพิ่มเติมงอกขึ้นมาว่า


" ต้องทำ photoshop และตัดต่อคลิปได้ในระดับดี ", " ต้องพร้อมออกกองกับทีมตลอดเวลา ", " ต้องทำบัญชีประจำเดือนและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง "

ถ้าเจอคำประมาณนี้ เบะปากเป็นระฆังคว่ำแล้วหางานใหม่ได้เลย ถึงเธอจะมีความสามารถทำได้หมดจริงๆ ค่าจ้างก็เท่ากับตำแหน่งงานเขียนแค่อย่างเดียว ไม่ได้มีบวกเพิ่มอะไรหรอก กะจะจ้างทาสแบบ 10 in 1 ขนาดนี้ อย่าหาทำ!

2. วัฒนธรรมบริษัทที่แค่ฟังก็ ' แปลกประหลาด ผิดปกติ ดูเอารัดเอาเปรียบ '

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/df15a5c11e400acf44dfc973962ff83f.jpg

บริษัทก็คือสถานที่หนึ่งที่มีผู้คนร้อยพ่อพันแม่มารวมตัวกัน มีวัฒนธรรมของตัวเองที่ไม่เหมือนสังคมอื่น จึงไม่แปลกที่หลายบ. จะใช้คำว่า " ครอบครัว " มาใช้เพื่อดึงดูดเด็กจบใหม่ เช่น ดูแลเป็นครอบครัว, อยู่กันชิลล์ๆ รักกันแบบพี่น้อง

ซึ่งบางที่ก็ดีจริงไม่เถียง แต่บางที่ขอให้เรียกว่า พี่น้องแบบซินเดอเรลล่าหรือปลาบู่ทอง ที่ใช้งานโขกสับแทบไม่เห็นเดือนเห็นตะวันจะดีกว่า ไหนจะธรรมเนียม ' อิหยังวะ ' ในที่ทำงานที่ไม่เคยพบเคยเจออีก

ถ้าระหว่างโทรไปถามรายละเอียดหรือสัมภาษณ์งาน เจอวัฒนธรรมแปลกๆ ที่ว่า

" ที่นี่ห้ามกลับหลังหัวหน้านะ จะดูไม่ดี เลื่อนขั้นช้า ", " น้องเป็นเด็กใคร มีแบ็กรึเปล่า ( มีการเมืองในที่ทำงาน ) ", " ที่นี่ไม่มีโอทีนะ ถ้าทำไม่เสร็จคนอื่นก็เอางานกลับไปทำต่อที่บ้านกัน ", " วันหยุดราชการบางวันเราไม่หยุดนะ ", " ที่นี่ทุกศุกร์ต้องใส่เสื้อสีแดงนะ เป็นสีมงคลของออฟฟิศ แต่ออกเงินเองนะ ทางเราไม่มีงบให้ "


แบบนี้ขอให้ถอยตั้งแต่แรกจะดีกว่า ถ้าฟังแล้วเริ่มรู้สึกเอ๊ะ ได้กลิ่นแปลกๆ ตั้งแต่ตอนนี้ เข้าไปทำงานจริงๆ แปลกกว่าเดิมแน่นอน ถ้าไม่อยากยื่นใบลาออกตั้งแต่เดือนแรก ก็หนีไป!!

3. การสื่อสารกันในองค์กร ' ไม่มีประสิทธิภาพ ' #เหมือนเด็กเล่นขายของ

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/f296269d59a224f9e940c9f3c6cbb95d.jpg

สิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่คาดหวังในการเข้าไปทำงาน นอกจากเงินเดือนที่สมเหตุสมผลแล้ว ความราบรื่นในการทำงานก็สำคัญ ซึ่งจะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าการสื่อสารในองค์กรไม่มีประสิทธิภาพ

พูดอย่างทำอีกอย่าง กระจายข่าวสารไม่ทั่วถึง ฝ่ายนี้รู้แต่อีกฝ่ายไม่รู้ โยนเรื่องกันไปมา แทนที่จะจบในหนึ่งวันลากยาวไปเป็นเดือน มันมีองค์กรแบบนี้จริงๆ ซึ่งเธอคงไม่อยากเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในนั้นแน่ๆ

อยากทำงานกับบริษัทไหน ให้สังเกตพฤติกรรมของพนักงานทุกฝ่ายในบริษัทนั้น ไล่มาตั้งแต่ HR, หัวหน้าฝ่าย, ผู้จัดการ, พนักงานที่เดินไปมาอยู่ในออฟฟิศ หรือแม้แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยกับแม่บ้าน บางครั้งก็บ่งบอกได้ว่าในออฟฟิศบริหารงานกันยังไง


เช่น ส่งเรซูเม่ไปทางอีเมล แต่ HR ส่งข้อความเรียกสัมภาษณ์ทางข้อความในมือถือ ( ปกติ HR ไม่ควรเมมเบอร์ผู้สมัครไว้ส่วนตัวในมือถือ ) , ถ้าโทรเรียก ก็โทรมันเที่ยงคืนตีหนึ่ง เวลาที่คนปกติเขานอนกันหมดแล้ว บ่งบอกถึงความขาดมารยาทขั้นพื้นฐาน, ไปสัมภาษณ์งาน แต่พอแจ้งประชาสัมพันธ์ ไม่มีใครรู้เรื่อง เจ้านายไม่รู้ คนสัมไม่รู้ สรุปเป็นเรซูเม่ที่ถูกคัดทิ้งแต่ HR เรียกผิด เป็นต้น

แค่นี้ก็มากพอที่จะใส่เกียร์หมาเผ่นแล้ว คิดง่ายๆ ว่า เป็นคนนอกยังโทรเรียกตอนเที่ยงคืน ถ้าเป็นลูกจ้างกินเงินเดือนเขา ไม่โทรจิกเรียกรัวๆ ตอนตีสองตีสามเหรอ วันเงินเดือนออก เงินจะเข้าบัญชีตรงเวลาหรือเปล่า ขนลุก!!

4. ฐานเงินเดือนต่ำมากๆ ถ้าอยากได้โบนัสพิเศษ ต้องเร่งทำยอดจนเครียดสุดๆ

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/79dfda676a901d8de519ca7c84f931a0.jpg

บางบริษัทเวลาจะรับสมัครตำแหน่งงาน จะมีลูกเล่นขี้โกงอย่างหนึ่ง คือพิมพ์เงินเดือนที่รวมคอมมิชชั่นหรือโบนัส ( ที่อาจไม่มีอยู่จริง... ) ตัวโตๆ ไว้หลอกล่อผู้คน แต่พิมพ์ฐานเงินเดือนที่แท้จริงซึ่งต่ำมากๆ เผลอๆ ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำไว้ตัวจิ๋วสุด กะว่าไม่ให้คนมองเห็น


บางคนก็ไม่ได้สังเกต เผลอยื่นเรซูเม่จนไปสู่ช่วงสัมภาษณ์งานจริง ถึงได้รู้ว่าเงินเดือนที่ได้แน่ๆ ต่ำจนผิดปกติ แต่ตบท้ายด้วยคำว่า " ถ้าอยากได้โบนัสเพิ่มก็ต้องเร่งทำยอด KPI ให้ได้ตามที่นายสั่ง "

แม้จะเป็นงานขาย งานประเภทเซลล์ที่ต้องพึ่งคอมมิชชั่นเป็นหลักก็ตาม แต่ฐานเงินเดือนก็ควรเท่ากับกฎหมายแรงงาน ไม่ใช่กดจนต่ำเตี้ยติดดิน เพื่อบีบพนักงานให้วิ่งรอกหาทำยอดจนเสียสุขภาพกาย สุขภาพจิต ด้วยตัวเลข KPI ที่เป็นไปไม่ได้เจ้านายตั้งขึ้นมาแบบเวอร์ๆ กะเอารวยอย่างเดียว แต่ไม่สนใจว่าถ้าทำไม่ถึง ลูกจ้างจะได้เงินเดือนไม่พอกิน หากชั่งน้ำหนักแล้วได้ไม่คุ้มเสีย ก็อย่าตอบรับงานนี้ทีแรก เพราะเธอจะได้เสียใจทีหลังอย่างแน่นอน

5. HR เสนอตำแหน่งอื่น ที่ต่างกับตำแหน่งที่เราสมัคร ' โดยสิ้นเชิง ' ให้แทน

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/db1853ca90bd33a1f38e18452eaf6cc5.jpg

บริษัทที่ดีและมีความเป็นมืออาชีพ จะสนใจแค่ขอบเขตของตำแหน่งที่รับสมัครเท่านั้น ถ้าเธอคุณสมบัติผ่านก็ได้สัมภาษณ์ ถ้าคุณสมบัติไม่ถึงก็ตกรอบแรก จบแค่นั้น! จะไม่มีการตอบรับเข้ามาก่อน แล้วมาเสนอตำแหน่งอื่นที่ไม่เกี่ยวกับงานนั้นๆ เลยระหว่างสัมภาษณ์ หรือเข้างานมาไม่กี่วัน ถูกจับไปนั่งแผนกอื่นที่ต้องเรียนรู้งานใหม่หมด ซึ่งไม่ใช่งานที่เธอรู้เรื่องหรือทำได้แต่อย่างใด


แบบนี้เป็นไปได้สองอย่าง คือตำแหน่งนั้นจริงๆ เต็มโควต้าแล้ว แต่เผลอรับเธอเข้ามาเลยต้องโยกไปที่อื่นแทน หรืองานนั้นรับสมัครนานแล้วแต่ไม่มีใครเอา จึงโดนแจ็กพอตบังคับให้ไปทำด้วยคำว่า " หน้าที่อื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย" #นรกชัดๆ

ก็อาจจะจริงที่ว่า คนบางคนสมัครงานไม่ตรงความสามารถตัวเอง และ HR เห็นศักยภาพในตำแหน่งอื่นที่เติบโตได้มากกว่า แต่ก็ต้องแน่ใจว่าเป็นเรทเงินเดือนเดิมหรือเท่าเดิม และใช้ความสามารถของเธอจริงๆไม่ใช่แค่อยากหาลูกจ้างอุดตำแหน่งรูรั่วในบริษัท และเธอก็เผลอรับปากไปเพราะกลัวไม่มีงานทำ แค่จะรับเข้ามายังไม่ซื่อสัตย์ตั้งแต่แรก จะทำงานนั้นๆ ให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร thank you, next! หาบริษัทใหม่ที่ไม่เล่นแง่กับเธอจะดีกว่าค่ะ

6. ให้คำตอบไม่ได้เมื่อถามว่า ' จะพัฒนาตัวเองยังไงให้เลื่อนขั้น? '

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/db8d585c9a49f5207bd1bf2a4d9cc350.jpg

สาวยุคใหม่แทบทุกคน เมื่อเรียนจบใหม่ๆ ย่อมไฟแรง อยากพัฒนาตัวเอง อยากเติบโต มี career path ที่ชัดเจน บางคนถึงกับวางอนาคต 5 ปี 10 ปีข้างหน้าไว้แล้วว่าต้องเลื่อนขั้นกี่ขั้นเท่านี้ๆ อายุเท่านี้ต้องได้เป็นหัวหน้า อายุเท่านั้นต้องเป็นเมเนเจอร์แล้ว


ซึ่งบริษัทที่มีคุณภาพก็ควรมีเกณฑ์เลื่อนขั้นที่ชัดเจน พิจารณาตามคุณภาพงานและศักยภาพของพนักงานเป็นหลัก มีการประเมินทุกปีและมีหลักฐานที่ตรวจสอบได้ ไม่กังขา แบบนี้ใครก็อยากทำงานอยู่ด้วยไปยาวๆ ค่ะ

ในทางกลับกัน ถ้าบริษัทที่เธออยากเข้าไปเรียนรู้ด้วย ไม่สามารถให้คำตอบได้ชัดเจน หรือตอบอ้ำๆ อึ้งๆ คลุมเครือเมื่อถามถึงการเลื่อนขั้นในบริษัท เมื่อไหร่จะประเมินเพิ่มเงินเดือน? การเลื่อนขั้นมีเกณฑ์ยังไง ต้องทำผลงานแบบไหน? แต่ได้คำตอบมาเป็นความว่างเปล่า บอกแค่ว่า" ทำงานไปเดี๋ยวก็รู้เอง "

แบบนี้เตรียมถอยออกมาได้เลย เธอได้กลายเป็นหนูถีบจักรอีกตัวในโรงงานนรก ที่ไม่มีแสงสว่างในชีวิตแน่นอน อย่าเสียเวลาที่จะได้โตในบริษัทแบบนี้เลย เชื่อเรา

7. การออกแบบหน้าตาของ ' เว็บไซต์บริษัท ' ดูไม่โปร สะกดผิด ใช้งานยาก

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/e6e0e7afab2273c92c7f19a7d8b64660.jpg

นอกจากตัวตึกออฟฟิศที่เห็นด้วยตา ป้ายบริษัท ธง ประตูเข้าออก สภาพบรรยากาศภายนอกโดยรอบจะเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรแล้ว ในยุคออนไลน์ที่อินเทอร์เน็ตมีบทบาทสำคัญในการติดต่อสื่อสาร ' เว็บไซต์บริษัท ' ก็เป็นกระจกสะท้อนที่คนนอกได้เห็น


นึกภาพว่าเราอยากสมัครงานที่นี่ แต่กดเว็บไซต์เข้าไปดู ข้อมูลไม่อัปเดต สะกดผิด ที่อยู่บริษัทยังเขียนมั่ว UX UI ก็ออกแบบงง ล้าสมัยมาก เหมือนผลงานเด็กมัธยมต้นฝึกเขียนโค้ดช่วง windows98 คนเก่งที่ไหนจะอยากร่วมงานด้วย?

หน้าเว็บพังๆ มันก็บ่งบอกได้ว่าผู้บริหาร หรือผู้รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องไม่สนใจในการพัฒนาเว็บ, กลัวเปลืองงบ หรือยึดติดในหน้าเว็บไซต์รูปแบบเดิม ซึ่งก็ไม่พ้นเอาทัศนคตินี้มาใช้กับพนักงานและการขับเคลื่อนบริษัทแน่ๆแค่ด่านแรกที่ทุกคนเห็นเป็นพื้นที่สาธารณะยังไม่สนใจดูแล เข้าไปทำงานในนั้น ก็มีแนวโน้มสูงที่เขาจะไม่แคร์พนักงานเช่นกัน อย่าเข้าไปเสี่ยงตั้งแต่แรกเลยจะดีกว่า

รูปภาพ:https://media4.giphy.com/media/l4Epe8gPvTodwd8CQ/giphy.gif

--------------------------------------

สาวๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนเก่งระดับหัวกะทิเพื่อแสดงออกว่า ' ฉันก็เลือกนะ ' แต่เด็กจบใหม่รวมถึงลูกจ้างทุกคน แม้จะมีความสามารถกลางๆ ก็มีสิทธิ์ทุกประการที่จะเลือกบริษัททำงาน ไม่ใช่ว่าเห็นแค่ตำแหน่งนี้พอทำได้ เขาจ่ายเงินเรา มีอะไรก็ทำๆ ไปก่อน มันไม่ได้! ยิ่งถ้าเธอจะทำบริษัทนี้เป็นงานแรก มันจะกลายเป็น First Impression ต่อสายงานที่ทำไปตลอดชีวิต ถึงอนาคตลาออกไป ถ้าบริษัทแรกใช้งานเธอเยี่ยงทาส บรรยากาศ toxic การสื่อสารในองค์กรเข้าขั้นห่วย มันจะก็ตามมาหลอกหลอนเธอไปตลอด บางคนอาจถึงขั้นยอมเปลี่ยนสายงานเลยด้วยซ้ำ

ดังนั้นถ้ายังไม่ถึงขั้นหมดสิ้นหนทางจริงๆ ก็อยากให้ซิสเฟ้นหาบริษัทที่จะไปร่วมงานด้วยให้ดีที่สุด การหางานก็ไม่ต่างอะไรกับหาแฟน เราต้องเลือกคนที่เรารู้สึก ' คลิก ' และสบายใจที่จะอยู่ด้วย ถึงจะทำงานด้วยกันได้นาน จริงไหม? สุดท้ายนี้ ขอให้สาวๆ ทุกคนโชคดี เจองานในฝันที่ตั้งใจ หรืออย่างน้อยก็เป็นงานที่ไม่ลำบากใจเกินไปที่จะทำนะคะ บีบมือ เราเข้าใจ ช่วงโควิดแบบนี้หางานยาก แต่ยังไงก็สู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้เสมอ