มีใครบางคนบอกว่า
" ผู้ชายกับผู้หญิงเป็นเพื่อนสนิทกันจริงๆ ไม่ได้หรอก! "
เพราะ
เมื่อคบกันไปนานๆ เริ่มรู้สึกดีต่อกันมากขึ้นเรื่อยๆ จะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคิดเกินเพื่อนเสมอ
( หลายคู่ที่เมื่อสารภาพรักไปแล้วก็อกหัก เข้าหน้ากันไม่ติดอีกเลย เพราะอีกฝ่ายคิดแค่เพื่อน เฮิร์ทรัวๆ T T )
แต่ในด้านมืดก็ยังมีด้านสว่าง!
คู่รักชายหญิงบางคู่ที่เริ่มต้นจากสถานะ " เพื่อน " มาก่อน ตอนแรกก็ว่าไม่คิดอะไร ไปๆ มาๆ ใจตรงกัน กลายเป็นแฟนซะงั้น ฟินแก้มแตก หมอนขาดไปอีก ><
เรามาฟังคำสัมภาษณ์จากฝ่ายชาย / ฝ่ายหญิงจากคู่รักทั้งหมด 10 คู่กันดีกว่า ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น จากเพื่อนกลายเป็นคนรู้ใจได้ยังไง แอร๊ย!ไปอ่านกันเล้ย
1." คู่ของเราเริ่มเดทกันช่วงประถมค่ะ แต่เมื่อเวลาฤดูร้อนมาถึง เราทั้งคู่กลับลืมว่าเดทกันอยู่ซะงั้น! ครอบครัวของฉันย้ายมาตรงข้ามอีกฝั่งของเมือง พวกเราเข้าโรงเรียนมัธยมต้นคนละที่กัน กว่าจะย้ายกลับมาอยู่ที่เดิม กลับมาเป็นเพื่อนกันอีกทีก็ตอนม.4 นู่นเลยล่ะค่ะ
ช่วง ม.5 เราไปงานพรอมด้วยกันแบบ " ขำๆ " เพราะทุกคนล้อว่าเราเป็นคู่รักกัน แม้ว่าตอนนั้นเราจะอยู่ในสถานะ " เพื่อนซี้สุดๆ " เท่านั้นเอง หลังจบงานเขาพาฉันไปส่งที่บ้านเขาก็เผลอจุ๊บฉัน และบอกว่า " ขอโทษนะ ฉันทำผิดไปหรือเปล่า " แต่ฉันกลับรีบตอบไปว่า " ให้ตายเถอะ มันรู้สึกดีมากเลย " แล้วจุ๊บเขาตอบ >< เราเข้ามหาวิทยาลัยที่เดียวกันหลังจบมัธยม และแต่งงานหลังเรียนจบเพียง 1 เดือนเท่านั้น
เขายังเป็น " เพื่อนรัก " ของฉันอยู่ ( แน่นอนล่ะ ) ฉันมีความสุขจนล้นหัวใจเลย นี่มันมากกว่าที่ฉันควรจะได้รับซะอีกนะเนี่ย ว้าว! "
-แอนนี่ อายุ 26 ปี
2." ฉันทำงานร่วมกับแฟนคนปัจจุบันมา 3 ปีค่ะ ระหว่างนั้น จากความเป็นเพื่อน เราก็สนิทสนม ใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเป็นหนุ่มออฟฟิศประเภทขี้แกล้ง เล่นไปเรื่อย ทำให้คุณรู้สึกดีทุกครั้งเวลาได้อยู่ใกล้ ทุกคนก็รู้สึกแบบนั้น ฉันชอบอยู่กับเขานะ แต่ไม่รู้สึกถึงความโรแมนติก ใจสั่น อะไรแบบนั้นเลย
หลังจากรู้จักกันครบ 1 ปี แฟนสาวของเขาเลิกไปหาหนุ่มคนใหม่ เราเริ่มไปเที่ยวด้วยกันบ่อยครั้งแต่ก็ยังอยู่ในสถานะเพื่อน ไปดูหนัง กินข้าว อะไรแบบนั้นแต่ไม่ใช่เดทน่ะ เป็นแบบนี้ครบ 1 ปีเต็ม ฉันชอบไปเดทกับผู้ชายคนอื่นๆ มากมายแล้วคิดในใจว่า " คงสนุกกว่านี้ถ้ามากับริค " แต่ฉันก็ไม่คิดกับเขาแบบแฟนจนกระทั่งฉันได้งานที่บริษัทอื่น เราไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนเดิมอีกแล้ว นั่นเป็นช่วงเวลานี้ทรมานใจมากจนเกือบจะฆ่าฉันได้เลยล่ะ
ฉันใช้เวลาเป็นเดือนๆ เพื่อจัดการความรู้สึกของตัวเองจนกระทั่งตัดสินใจได้ว่า " เพิ่งรู้ตัวว่ารัก " นั่นเอง
ฉันโทรไปหาเขา คุยกันนิดหน่อยแล้วถามว่า " ริค อยากออกเดทกับฉันไหม " เขาหัวเราะหึๆ ครู่หนึ่งแล้วบอกว่า " แน่นอนสิครับ " แล้วเราก็เป็นแฟนกันตลอดมานับแต่นั้น
---เมลิสซ่า อายุ 29 ปี
3." ผมรู้สึกจริงๆ จังๆ ครั้งแรกว่า " รัก " ภรรยาคนปัจจุบัน ตอนที่คุณแม่ของผมเสียชีวิตลง เธอเป็นเพื่อนคนเดียวที่ยังใส่ใจดูแลผมอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ผมต้องกลับบ้านไปจัดการเรื่องราวต่างๆ เธอจะโทรหาทุกคืนเพื่อบอกว่า " คิดถึงผม และสวดมนต์ภาวนาให้ครอบครัวผมอยู่นะ " ทำให้ผมซึ้งใจมาก ผมนึกถึงผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ผมเดทด้วย พวกเธอคงจะรู้สึกลำบากใจ หรือปลอบใจผมไปงั้นๆ ( ซึ่งก็บ่งบอกนิสัยของพวกเธอได้อย่างดี ผมคิดอย่างนั้นนะ )
ผมเริ่มคิดถึงคำพูดที่ว่า " คู่รักควรจะเป็นเพื่อนกันได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ผมคิดถึงเธอเมื่อผมไม่อยู่กับเธอ เมื่อผมจัดการธุระเสร็จผมก็กลับไปขอเธอเดท และเธอก็ตอบตกลง 5 ปีต่อมาเราก็แต่งงานกันและรักกันอย่างมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงโชคดีขนาดนี้ "
— ดาร์เรน อายุ 30 ปี
4." ฉันเผลอดื่มเหล้าจนเมาและมีอะไรกับเขาโดยไม่ตั้งใจ เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันประมาณ 6 เดือน ฉันคิดเสมอว่าเขาน่ารัก แต่นั่นแหละ ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้น เราเลือกจะสนุกกันอยู่บ่อยครั้ง แล้วความรู้สึกดีก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากตรงนั้น
ฉันรู้สึกพิเศษรวดเร็วขึ้นแบบก้าวกระโดดมาก ทั้งที่จริงๆ แล้วฉันเป็นคนขี้อายสุดๆ ต้องขอบคุณแอลกอฮอล์ให้ฉันเจอหนุ่มที่ฉันรักด้วยนะคะ "
—เอลเลน อายุ 26 ปี
5." ฉันกับสามีคนปัจจุบันเป็นเพื่อนกันมา 3 ปีก่อนจะคบกันค่ะ เขาเป็นคนแรกที่รู้สึกเกินเพื่อนแล้วสารภาพรักกับฉัน ตอนนั้นฉันยังไม่มีใครแต่ฉันก็ตอบปฏิเสธ เพราะเราอยู่ใกล้ชิดกันมาก และคิดในใจว่าอยากมีเขาในชีวิตในสถานะ " เพื่อน " เท่านั้น
ต่อมา ฉันออกเดทกับหนุ่มคนหนึ่งประมาณ 8 เดือน เมื่อเราเลิกกันเพื่อนของฉันก็มาบอกว่า " เขายังรู้สึกกับฉันเหมือนเดิม " ฉันปฏิเสธอีกครั้งเพราะเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะและยังไม่พร้อม เราห่างกันขึ้นอีกหลังจากนั้น เขาเริ่มค่อยๆ หายไปจากชีวิตของฉันทีละนิด คืนหนึ่ง ฉันโทรไปหาแม่แล้วร้องไห้ค่ร่ำครวญเรื่องนี้จนท่านพูดว่า " การที่ลูกเป็นแบบนี้ เหมือนลูกรักเขาอยู่เลยนะจ๊ะ "
ใช่ ฉันรักเขา ฉันโทรไปหาเขาและบอกว่า " เขาเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของฉัน " ความรักไม่จำเป็นต้องมีรูปลักษณ์ภายนอกหรือความรู้สึกที่คุณคิดว่า " เหมาะสม " กับมันเสมอไปหรอก ถ้าใช่ก็คือใช่นั่นแหละ
—โซเฟีย อายุ 28 ปี
6." ผมโง่มา 5 ปีก่อนจะรู้ตัวว่า เพื่อนสนิทในชั้นมัธยมปลายมาสารภาพว่า " รัก " ผมในช่วงสัปดาห์ก่อนเรียนจบ และเธอคือคนที่สมบูรณ์แบบสำหรับผม ผมคิดไว้ในใจเสมอว่า ถ้าผมเข้ามหาวิทยาลัย ผมจะหาคนที่ทั้งสวย เก่ง ฉลาดหรือ " สาวเพอร์เฟกต์ " นั่นเอง แน่นอนว่าชีวิตจริงมันก็มีแต่คนธรรมดานั่นแหละ เธอกับผมเป็นเพื่อนกันจนเรียนจบ แน่นอนว่าเราเริ่มออกเดทกันครับ
หลังเรียนจบ ผมก็กลับบ้านเพื่อมาหางานทำ เธอเรียนต่อในโรงเรียนแถวท้องถิ่น เราเริ่มออกเที่ยวด้วยกัน เราทั้งคู่ไม่เหมือนสมัยเด็กอีกต่อไปแต่ก็ยังคุยกันได้อยู่ คืนหนึ่ง ดึกแล้ว เรานั่งดื่มกันที่บาร์ เธอพูดเรื่องคำสารภาพสมัยม. ปลายแล้วพยายามหัวเราะ มันติดในหัวผมเหมือนไฟฟ้าฟาด ผมบอกว่า " ฉันไม่ได้คิดว่ามันตลก ตอนนี้ก็ไม่ขำด้วย ฉันหวังว่าจะได้อยู่ด้วยกันกับเธอแทนทีจะต้องจากเธอไป " เธอลุกขึ้นยืน เดินมาที่โต๊ะแล้วจูบผม
ผมพูดอะไรไม่ออก เพราะผมผ่านความสัมพันธ์แย่ๆ และช่วงเวลาอึมครึมที่ต้องเห็นแก่ตัวและใจแคบโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ผมแค่ไม่เชื่อว่าผมจะได้รับโอกาสครั้งที่สอง ตอนที่ผมโตจนรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ตอนนี้พวกเราแต่งงานกันครบ 2 ปีแล้วครับ
—เจค็อบ อายุ 25 ปี
7." เรื่องของผมเป็นประเภทที่ " ย้อนกลับจากหลังมาหน้า " แต่ผมหวังว่าคุณจะอยากฟังนะครับ ผมและภรรยาแต่งงานกันตอนพวกเราอายุ 18 ปี สองปีแรกคือหายนะมาก ในที่สุดก็ต้องบึ่งไปหาที่ปรึกษาด้านชีวิตคู่หลังสมรส หลังจากได้รับคำแนะนำต่างๆ มากมาย เราก็รู้ตัวว่า เราพยายามเติมเต็มบทบาททางสังคมในฐานะ " สามีและภรรยา " จนเราไม่ใช่มนุษย์ปกติอีกต่อไปแล้ว
ความรู้สึกนี้เปลี่ยนความสัมพันธ์ของเราไปเลย 1 ปีต่อมา อะไรๆ เริ่มดีขึ้น ผมกล้าพูดอย่างจริงใจว่า เธอและผมเป็นเพื่อนสนิทกัน เราใช้เวลาสนุกด้วยกันมากกว่าสนุกกับใครคนไหน ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยล่ะ "
—ริชาร์ด อายุ 28 ปี
8." ผมกับภรรยาไม่เคยเดทกันเลยครับ เราเป็นเพื่อนกันมา 10 ปีและแล้วคืนหนึ่ง ( ในขณะที่เราทั้งคู่ยังโสด ) เราก็มีอะไรกัน เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อตื่นขึ้นมา เราก็รู้สึกว่า " นี่แหละ สิ่งที่ควรจะเป็น สิ่งที่คู่แต่งงานควรจะทำกัน "
ผมหมายความว่า เราแต่งงานกันจริงๆ ในอีกสองสัปดาห์ถัดมา แล้วที่เรารอถึงสองสัปดาห์ก็ไม่ใช่เหตุผลอะไร คือเรารอโปรโมชั่นแพกเกจตั๋วไปฮันนีมูน ให้ราคามันถูกลงหน่อยเท่านั้นเองครับ!!! "
—แพททริค อายุ 29 ปี
9." ฉันว่าเรื่องของฉัน " สนุกสนาน " สุดๆ ไปเลยล่ะค่ะ หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย ฉันกับเพื่อนสนิทซึ่งเป็นผู้ชาย =w= ตัดสินใจอาศัยอยู่ด้วยกันในฐานะรูมเมท ไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา แต่ละฝ่ายก็ไปเดทกับคนอื่นแต่ก็ไม่มีความสัมพันธ์จริงจัง
เราอยู่ด้วยกัน 6 เดือน ทำงานหนักด้วยกันทั้งคู่ เก็บเงินเยอะๆ ( นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราต้องเช่าห้องอยู่ด้วยกันตั้งแต่แรก ) ในที่สุดเราก็โสดพร้อมกันทั้งคู่
คืนหนึ่งเรานั่งเล่น ดูโทรทัศน์กัน เขาหันมามองหน้าฉันแล้วถามว่า " ฉันคิดว่าเราไม่เคยเดทกันแบบจริงจังเลยนะ " ฉันหาเหตุผลดีๆ มาอธิบายไม่ได้ แล้วนั่งตั้งคำถามให้ตัวเองนานถึง 2 สัปดาห์ให้หลังเลยล่ะ
ดังนั้น ฉันจึงชวนเขาออกเดท เพราะฉันรู้สึกว่าเขามีเสน่ห์ดึงดูด เป็นคนที่เยี่ยมสุดๆ เข้าเสียแล้ว เรื่องกลับกลายเป็นว่าเราทั้งคู่เริ่มคิดถึงอีกฝ่ายในฐานะเพื่อน แล้วคิดใหม่ถึงรูปร่างหน้าตา นิสัย แล้วอยู่ดีๆ ทุกอย่างก็ลงล็อคซะงั้น ทั้งหมดนี้ทำให้ฉันสงสัยว่า ฉันเติบโตมาด้วยคำสั่งสอนแบบไหน จึงทำให้ฉันมองไม่เห็นผู้ชายคนนี้ตั้งแต่ทีแรก
—แคโรไลน์ อายุ 24 ปี
10." เราเป็นเพื่อนกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่แล้วในคืนหนึ่ง ผมและเธอก็มีอะไรกัน เรารู้สึกกระอักกระอ่วนใจ แล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเพราะเราเป็น " เพื่อน " กัน เรื่องแค่นี้ไม่น่าจะทำลายความสัมพันธ์ของพวกเราได้ อยากทำเนิ่งๆ เฉยๆ เหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เรื่องจึงเงียบไปและกลับไปเป็นแบบที่เคยเป็นครับ
เดือนต่อมา เธอเริ่มคบหากับเจ้าหนุ่มคนอื่น เรื่องดำเนินไปได้ดีจนเหมือนทั้งคู่จะคบกันจริงจัง ผมเริ่มรู้สึกวิตกกังวล ประสาทจะกิน และรู้ตัวว่าชอบเธอเข้าไปแล้วทั้งใจ
ผมไปเคาะประตูหอพักของเธอตอนตี 2 ในคืนวันเสาร์ ขอบคุณพระเจ้าที่เธออยู่คนเดียว ผมเข้าไปบอกว่า ผมคลั่งเธอและคิดถึงการอยากอยู่กับเธอตลอดเวลา ( ซึ่งเป็นความจริงล้วนๆ นะครับ! ) แต่แล้วเธอก็ตัดสินใจว่า " เธอไม่ควรคบใคร ถ้าเธอยังสับสนตัวเองอยู่ "
เวลาอีกเดือนผ่านพ้นไป ซึ่งสุดแสนจะทรมานใจผมเป็นอย่างมาก ผมคิดถึงเธอทุกวันแต่ก็ยังให้พื้นที่อิสระกับเธอ ไม่ตามตื๊อเธอจนเกินไป วันหนึ่งเธอก็โทรมาหาผม บอกว่า " เรามาลองดูกัน " ผมบอกเธอว่ามันดูยุติธรรมดี พยายามจะ " ทำเท่ " แต่ที่จริงหัวใจของผมมันเต้นตึกตัก เลือดสูบฉีดเหมือนจะกระเด้งออกมานอกอกเลยแหละครับ! สองปีต่อมาเราก็ยังเดทกันอยู่ เริ่มเลือกซื้อแหวนแต่งงานแล้วด้วย! ชีวิตนี้มันดีจริงๆ เลยน้า~ "
—เกร็ก อายุ 23 ปี
=========================
ความรักเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายจริงๆ เลยนะเนี่ย! แค่การที่คนสองคนมาเจอ ทำความรู้จัก ศึกษาดูใจกันก็ใช้เวลานานพออยู่แล้ว แต่ในโลกนี้มีอุปสรรคและเหตุการณ์มากมายที่มาทดสอบว่า " นี่คือความรักจริงๆ หรือเปล่า " จากความเป็นเพื่อนจะมีอะไรพิเศษกว่านั้นไหม ความรู้สึกหน่วงๆ นี้ทำให้เกิดอารมณ์ต่างๆ มากมายทั้งสุขและทุกข์
บางคู่ต้องห่างหายไปจากชีวิตของกันและกันหลายปี กว่าจะรู้ตัวว่ารักเกินเพื่อนและได้อยู่ด้วยกันในที่สุด ( ชีวิตจริงของบางคู่อาจไม่ Happy Ending แบบนี้ หลายคู่ลงเอยด้วยการแต่งงานกับคนอื่น และต้องนั่งเสียใจไปตลอดชีวิต )
ทางซิสต้าคงแนะนำอะไรไม่ได้มาก เพราะความรักของแต่ละคนไม่มีสูตรตายตัว อะไรก็เกิดขึ้นได้ อีกทั้งใจมนุษย์ก็เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน =_= เราจึงได้แต่แนะนำไว้สั้นๆ ว่าอย่าปล่อยให้สถานการณ์คลุมเครือ ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเอง มีอะไรก็บอกไปเลย และถ้าเหนื่อยกับรักก็อย่าฝืน เพราะรักที่ดีต้องเป็นไปตามธรรมชาติ ถ้าเราต้องคอยวิ่งตามใครสักคน โดยที่เขาไม่หันมามองเลย มันก็ไม่ใช่แล้วล่ะ!
สุดท้ายนี้ สาวซิสต้ากับเพื่อนหนุ่มคนไหนที่รู้ตัวว่าชอบกันแล้ว ก็รีบบอกซะก่อนจะสายเกินไปนะคะ เรารอเชียร์อยู่ สู้ๆ!
=========================
Cr. 10 Couples That Were Friends First Describe How They Knew There Was Something More There [ thoughtcatalog.com ]
http://thoughtcatalog.com/daniel-hayes/2015/10/10-couples-that-were-friends-first-first-describe-how-they-knew-there-was-something-more-there/
บทความที่เกี่ยวข้อง
7 วิธี เปลี่ยนเพื่อนเป็นแฟน แบบเนียนๆ
https://sistacafe.com/summaries/960
5 เคล็ดลับ เปลี่ยน Status จาก เพื่อน เป็น แฟน ♥
https://sistacafe.com/summaries/895