1. SistaCafe
  2. 10 ทริคฟื้นฟู 'ผมแตกปลาย' โดยไม่ต้อง 'ตัดผมทิ้ง!' #เสียดายผมยาวที่ไว้มานาน TT^TT

สวัสดีค่าาา สาวซิสที่ผม ( กำลังจะ ) สวย ทั้งหลาย!   (o´∀`o)' เส้นผม ' เนี่ย ถือเป็นอวัยวะสุดรักสุดหวงของผู้หญิงเลยนะ!จะดูว่าสาวคนนั้นน่ารัก น่าทะนุถนอมไหม นอกจากใบหน้าแล้ว ก็เส้นผมนี่แหละที่เอามาพิจารณาถ้าผมยาว นุ่มสลวยเงางาม ใครๆ ก็อยากเข้าไปใกล้ อยากรู้จัก แต่ถ้าเราผมแห้งเสีย แตกปลายหงิกงอ เหมือนไม้กวาดล่ะก็ บุคลิกภาพเสียไปเลย ดูโทรมไปเลยเด้อ Y^Yใครที่ผมแตกปลาย หรือใกล้จะมีปัญหา กำลังหาวิธีป้องกันล่ะก็ เราต้องบอกก่อนเลยว่าผมแตกปลายเป็นสิ่งที่ ' รักษาไม่หายขาด 'ค่ะ #แงงงง ทำได้อย่างมากคือลดความแห้ง แต่เธอจะไม่สามารถทำให้ผมหงิกงอ กลับมาตรงได้อีกทางเดียวที่ทำได้คือต้องตัดทิ้ง!


แต่เราเข้าใจสาวๆ ดีว่า ไม่อยากตัดผมยาวที่ไว้มานาน จะขอยืดเวลาให้เส้นผมอีกหน่อยได้ไหม? จริงๆ ก็พอทำได้ กับบทความ 10 ทริคดูแลผมแตกปลาย ในบทความนี้ แต่ขอเตือนว่าช่วยยืดอายุได้ชั่วคราวเท่านั้นนะคะ ปล่อยไว้นานๆ ก็ต้องตัดอยู่ดี ._.เอาล่ะ ไปดูกันเลย!

1. ใช้ 'มาส์กบำรุงผม (Hair Mask)' สัปดาห์ละครั้ง

เพื่อลดความรุนแรง ไม่ให้เส้นผมแตกปลาย แห้งเสียกว่าเดิม เราแนะนำให้สาวๆ ใช้ ' มาส์กหมักผม ' อย่างน้อย 1 ครั้ง/สัปดาห์ส่วนผสมในมาส์กจะช่วยทำให้เส้นผมแข็งแรงขึ้น ทำให้เกิดผมแตกปลายใหม่ๆ ได้ยากขึ้นด้วยนะ ( แต่ที่แตกปลายอยู่แล้ว ก็จะไม่นุ่มสลวยขึ้น อันนี้ต้องทำใจ TT )ถ้างบน้อย ไม่อยากซื้อมาส์กกระปุกตามห้างสรรพสินค้า สามารถประยุกต์ใช้ด้วยของในครัวได้ เช่น น้ำมันมะกอก น้ำผึ้ง ตามบทความข้างล่างไปเลยค่ะซิส


2. ใช้ 'ออยล์จากธรรมชาติ' บำรุงปลายผม / ชโลมทิ้งไว้ข้ามคืน

น้ำมันที่สกัดจากวัตถุดิบธรรมชาติมีมากมาย ให้สาวๆ ได้เลือกใช้ เช่น น้ำมันอัลมอนด์ ( Almond oil ), น้ำมันแคสเตอร์ ( Caster oil ), น้ำมันมะพร้าว ( Coconut Oil), น้ำมันมะกอก ( Olive Oil ) และน้ำมันโจโจ้บา ( Jojoba Oil )ซึ่งแต่ละชนิดก็มีสรรพคุณย่อยๆ ต่างกันออกไป บางตัวช่วยลดการคันหนังศีรษะ บางตัวทำให้ผมเงางามมากขึ้น แต่หลักๆ จะเหมือนกัน คือทำให้เส้นผมแข็งแรง สุขภาพดีขึ้นนั่นเองวิธีใช้ก็ง่ายๆ แค่บำรุงปลายผมทุกวัน หรือหลังสระผมทุกครั้ง หรือจะชโลมทั่วศีรษะ ทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วล้างออกตอนเช้าวันรุ่งขึ้นก็ได้


3. บำรุงผมด้วย 'วิธีพื้นฐาน' เท่าที่พอทำได้

ไม่อยากผมเสีย ก็ต้องดูแลผมด้วยขั้นตอนพื้นฐานก่อน! ไม่ว่าจะเป็นการหวีผม แปรงผม สระผม ไดร์ผม หรือหนีบ-ม้วนผมด้วยเครื่องเช่น เวลาสระผม ขยี้แค่ส่วนหนังศีรษะเท่านั้น, ใช้ครีมนวดผมที่ปลายผมทุกครั้ง, ไม่ถูปลายผมด้วยผ้าเช็ดตัวแรงเกินไป, ถ้าจะไดร์ผม อย่าให้ความร้อนที่ปากไดร์จ่อเส้นผมตรงๆ เป็นต้นหากใส่ใจปลายผมอยู่เสมอ โอกาสที่ผมจะแตกปลายก็มีน้อยลง ดังนั้นอย่าหวังพึ่งแต่ออยล์แพงๆ ค่ะซิส ต้องมีวินัยกับการดูแลผมในชีวิตประจำวันด้วยนะ!

4. อย่า 'แปรงผม' บ่อยและนานเกินไป

สาวๆ บางคนมีความเชื่อแต่โบราณว่า อยากให้ผมนุ่ม เงางาม ต้องแปรงผมวันละ 100 ครั้ง! ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดนะคะซิสเราแนะนำให้แปรงพอไม่ให้ผมพันกัน ไม่ต้องแปรงเช้า สาย บ่าย เย็น หรือนั่งแปรงยาวเป็นชั่วโมงขนาดนั้น เพราะยิ่งแปรงเยอะ ผมจะยิ่งมีสังกะตัง( ก้อนปมๆ ที่ซ่อนอยู่ในเส้นผม ) และทำให้ผมขาด หรือแตกปลายได้ง่ายค่ะ

5. หวีผมด้วย 'แปรงซี่กว้างๆ'

เพื่อไม่ให้ผมพันกัน อีรุงตุงนังเข้าไปอีก เวลาใช้ครีมนวด หรือออยล์ใส่ผม ให้หวีผมไปด้วย โดยใช้ ' แปรงซี่กว้าง ' มีช่องว่างระหว่างซี่หวีแต่ละซี่เยอะๆ หน่อย ผมจะไม่เป็นสังกะตัง ไม่เปราะหรือขาดง่ายในทางกลับกัน ถ้าใช้หวีซี่ถี่ๆ เหมือนในร้านทำผม เส้นผมจะพันกันจนหวีไม่ได้เลยล่ะค่ะข้อดีอีกอย่างคือ หากหวีผมขณะบำรุงด้วยครีมนวด จะทำให้ครีมบำรุงได้ทั่วทั้งเส้นผม ตั้งแต่หัวจรดปลายด้วยนั่นเองค่า

6. เลี่ยงการทำทรงผมที่ต้อง 'มัดตึง /ม้วนดังโงะ' บ่อยๆ

ถ้าเป็นไปได้ ถ้าอยากให้เส้นผมสวย ไม่ควรไปยุ่งอะไรกับผมทั้งสิ้น ไม่ว่าจะมัด ม้วนดังโงะ ดัดลอน เพราะการนำยางรัดผมไปมัดผมจนตึง จะทำให้เส้นผมเปราะ ขาดง่าย นำไปสู่การแตกปลายได้แต่เราก็รู้ว่า ความเป็นจริงเราคงเลี่ยงการมัดผมไปตลอดไม่ได้ ( อย่างน้อยตอนอาบน้ำ ก็ต้องม้วนขึ้นอยู่ดี ) ดังนั้น มัดเฉพาะเวลาที่จำเป็นจะดีกว่าค่ะ

7. อย่าเพิ่งทำผม มัดผม ถักเปียผม etc. ตอนที่ผม 'ยังเปียกอยู่'

ช่วงผมเปียกหมาดๆ นี่แหละ เป็นช่วงที่เส้นผมกำลังอ่อนแอที่สุด T^T ไม่ควรไปถักเปีย ไปมัด ไปม้วนใดๆ ทั้งสิ้น แม้ว่าผมเปียกจะมัดง่าย อยากทำผมแบบ Wet Hair Look แค่ไหน ก็ใช้เจลเถอะอย่าทำให้ผมเปียกจริงๆ จะดีกว่า ถ้าไม่อยากผมพังสาเหตุที่เส้นผมอ่อนแอ เพราะผมหมาดๆ จะยังมีน้ำหนักของ "น้ำ" อยู่ หากทำผมที่ใช้ความร้อน หรือมัดเพื่อดึงรากผมให้ตึง ผมจะเปราะขาดได้ง่ายมากค่ะ

8. ใส่ 'ครีมบำรุงผม แบบไม่ต้องล้างออก' ที่ปลายผมทุกครั้ง

ไอเทมบำรุงผมอีกอย่างที่อยากแนะนำคือ ' Leave-in conditioner ' หรือครีมบำรุงผมชนิดไม่ต้องล้างออก ใช้แล้วจะทำให้เส้นผมชุ่มชื้น สุขภาพผมดีขึ้นป้องกันอาการแห้งเสีย แตกปลาย และยังช่วยลดผมแห้งชี้ฟู ทำให้ผมเงางามมากขึ้นด้วยครีมบำรุงผมมีหลายชนิด เช่น ครีม,เซรั่ม,ออยล์,สเปรย์ วิธีใช้ก็เพียงลูบเบาๆ ที่ปลายผม หลังสระผมทุกครั้งหรือหากสาวๆ เป็นคนผมแห้ง จะทาทุกวันก่อนนอนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องสระผมก่อนใช้ค่ะ

9. กินอาหารบำรุงเส้นผม และ 'วิตามินเสริม'

นอกจากภายนอกแล้ว ก็ควรบำรุงที่ภายในด้วย นั่นคือ ' อาหารการกิน ' ซึ่งมีสารอาหารต่างๆ มากมายที่ช่วยบำรุงผมเช่น ไข่ ปลา ผักใบเขียว งาดำ โยเกิร์ต ถั่ว แครอท ผลไม้ ข้าวโอ๊ต etc. กินอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ ก็จะทำให้สุขภาพเส้นผมดีขึ้นค่ะแต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การกินอาหารเฉยๆ ค่อนข้างใช้เวลา ถ้าอยากได้ผลเร็วๆ และแน่ใจว่าได้สารอาหารบำรุงผมที่เพียงพอ เราแนะนำให้กินวิตามินเสริมด้วย เช่น ไบโอติน โอเมก้า 3 และกรดโฟลิค เป็นต้น


10. 'เล็มผม' บ้าง ก่อนผมแตกปลายจะลุกลามกว่าเดิม

ข้อสุดท้าย อาจทำใจลำบากหน่อยสำหรับคนรักเส้นผม TT แต่เป็นสิ่งที่ต้องทำ!ถ้ามีผมแตกปลายขึ้นมาแล้ว มันไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิม ยิ่งปล่อยไว้นาน ก็จะยิ่งแตกปลายมากขึ้น ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือ ' เล็มผมออก ' นั่นเองโดยเวลาที่เหมาะสม คือเล็มผมทุกๆ 6-8 สัปดาห์ ถ้าเริ่มรู้สึกว่ามีผมแตกปลายแล้ว ให้ใช้กรรไกรเล็มออกทันทีนอกจากช่วยให้ผมดูไม่เป็นไม้กวาดแล้ว ยังทำให้ผมยาวเร็วขึ้นด้วยน้า


---------------------------


นี่แหละค่ะ วิธีเยียวยาผมแตกปลาย ( แต่ไม่ทำให้หายดี ) ทั้ง 10 ทริค จะเอาทริคไหนไปใช้ก็ได้ แต่หากอยากมีผมนุ่มสลวย ก็ทำทั้งหมดจะดีกว่า เพื่อยืดอายุเส้นผมได้นาน แต่หากเกิน 2-3 เดือน ก็ควรเล็มผมออกบ้าง เพื่อให้ผมดูสวย มีสุขภาพผมที่ดีขึ้นค่ะ



ไม่อยากมีผมแตกปลายแต่แรก ก็ควรกินอาหารที่มีประโยชน์ ไม่มัดผมบ่อย บำรุงผมด้วยออยล์และครีม และกินอาหารบำรุงเส้นผมบ่อยๆ เท่านี้ผมก็สวยไม่แห้งเสียแล้ว เรารู้ว่าใครๆ ก็อยากผมสวย แต่ก็ต้องหมั่นดูแลและมีวินัยด้วยนะ วันนี้เราต้องขอตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่คราวหน้าค่ะ ^^


---------------------------



เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้