1. SistaCafe
  2. 11 วิธีลดน้ำหนักง่ายๆ ให้เข้าใกล้ "น้ำหนักเป้าหมาย" มากขึ้น

" ตายแล้ว ใส่ไม่เข้า! กางเกงยีนส์ตัวเก่งของฉันคับได้ไงเนี่ย? "


เสียงกรีดร้องโหยหวนของสาวๆ ซิสต้าดังลอยลมมาแต่ไกล -.-

สาเหตุก็มาจากการกินตามใจปากของตัวเองล้วน ไม่ควบคุมอาหาร กินดึก กินขนม ของมันของทอดไม่บันยะบันยัง


ผลลัพธ์เป็นยังไงเหรอ ก็ตัวเลขที่โชว์หราอยู่บนตาชั่งนั่นไงล่ะ T^T ไม่ไหวแล้ว ต้องรีบไดเอทอย่างด่วน!



ขอเปลี่ยนสถานะตัวเองใหม่จาก" หมูน้อย "เป็น" นักไดเอทมือใหม่ "ตั้งน้ำหนักเป้าหมายที่ต้องการไว้ก่อน ตามด้วยการควบคุมอาหาร ออกกำลังกายอย่างที่อ่านๆ ฟังๆ กันมา


แต่เดี๋ยวก่อน ทำไมน้ำหนักไม่ลดลงเลยล่ะเฮ้ย! น้ำหนักก็เท่าเดิม สัดส่วนก็เท่าเดิม ( เผลอๆ พองขึ้นอีก ) ยังไม่อยากซื้อเสื้อผ้าใหม่ยกเซ็ตนะ T_____________________T



อย่าเพิ่งร้องไห้เสียใจถ้ายังไม่ได้อ่านบทความนี้! เพราะเรามีคำแนะนำเจ๋งๆ แบบ Step by step 11 วิธีที่จะทำให้เธอบรรลุน้ำหนักเป้าหมายได้ตามที่ตั้งใจ ถ้าทำได้ผอมแน่นอน ^-^




พร้อมแล้วก็ไปอ่านกันเล้ย ☆ ~('▽^人)


1. " นับแคลอรี่ " อย่างเคร่งครัด

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F6533%2F96eec66f-745e-456f-bd99-dd72dc0ea594.jpeg?v=20240306101003&ratio=0.403

กระบวนการหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับ " น้ำหนัก " ว่าจะลดหรือจะเพิ่ม คงหนีไม่พ้นจำนวนแคลอรี่ต่อวัน! ถ้ากินเกินก็อ้วน แต่ถ้ากินน้อยกว่าที่ร่างกายต้องผอม ง่ายๆ แค่นี้แหละ หลักการคำนวณก็ง่ายๆ 1 กิโลกรัมมีค่าเท่ากับ 7000 แคลอรี่ ถ้าเธอกินน้อยลงกว่าเดิม 500 แคลอรี่ในทุกวัน น้ำหนักของเธอจะลดลง 1 กิโลกรัมในเวลาสองสัปดาห์ค่ะ



เมื่อรู้หลักการแล้ว ก็จัดระเบียบตัวเอง ออกกำลังกายและควบคุมอาหารให้แต่ละวันพลังงานติดลบ 500 แคลอรี่ให้ได้ น้ำหนักจะค่อยๆ ลดลงเองโดยอัตโนมัติ ถ้าทำตามนี้แล้วยังไม่ผอมลง ลองปรึกษานักโภชนาการหรือแพทย์ว่าเธอนับแคลอรี่ผิดพลาดหรือเปล่า ร่างกายแต่ละคนมีจำนวนพลังงานที่จำเป็นของตัวเองไม่เท่ากัน ถ้ารู้จำนวนที่แน่นอนก็จะไดเอทได้ง่ายขึ้น



คำเตือน :อย่าจำกัดพลังงานต่ำกว่า 1200 แคลอรี่เป็นอันขาด เพราะทำให้ระบบเมตาบอลิซึ่มทำงานช้าลงได้


2. ควบคุมอาหารอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F6533%2F2aa195d1-50d0-4555-91b0-202868b1b5c1.jpeg?v=20240306101004&ratio=0.562

เมื่อวางแผนไดเอทแล้วก็อย่าล้มเลิกกลางคัน ควบคุมอาหารอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอไปเรื่อยๆ ให้เคยชินเป็นกิจวัตรประจำวัน คำนวณแคลอรี่ให้ใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุด อ่านฉลากโภชนาการทุกครั้งก่อนซื้อ ดูว่าอาหารแต่ละชิ้นมีแคลอรี่เท่าไหร่ แล้วจดบันทึกลงในสมุด ( หรือจะใช้แอพพลิเคชั่นในมือถือก็ได้ )



จำไว้ว่า ไม่ว่าเธอจะกินอะไรเข้าไป ทุกอย่างต้องจดบันทึกไว้ ห้ามทำลืม ทำเนียนไม่รู้ไม่ชึ้ ช็อกโกแลตชิ้นนิดเดียวเองไม่มีพลังงานหรอก อย่าคิดอย่างนั้นเพราะมันอาจมีพลังงานสูงกว่าที่คิด! อย่าลืมชั่งน้ำหนัก 1-2 ครั้ง/ สัปดาห์เพื่อดูผลความคืบหน้าเรื่อยๆ ด้วยนะคะ



3. ชั่งและตวงทุกอย่างที่กิน

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F6533%2F2c328c5c-29c5-4ac3-a453-b46c47b8488a.jpeg?v=20240306101004&ratio=0.724

จงซื้อถ้วยตวง ช้อนตวง และตาชั่งอาหาร ( คล้ายๆ ที่เห็นแม่ค้าใช้เวลาซื้อของสดในตลาด ) มาติดบ้านไว้เพื่อชั่ง / ตวงสัดส่วนอาหารให้เป๊ะ! การกะจำนวนด้วยตามักคลาดเคลื่อน เพราะเธอจะใช้ความรู้สึกไว้ก่อน บางทีที่เธอไม่ผอมสักที เพราะเธอกินอาหารเกินความต้องการของร่างกายจนชินแล้วนั่นเองค่ะ ยิ่งหิวก็ยิ่งกินเยอะ พอเริ่มอิ่มจึงรู้ตัวว่ากินเยอะขนาดไหน TT



ช่วงแรกๆ จงชั่งและตวงอาหารทุกอย่าง ตั้งแต่เครื่องดื่ม นม น้ำสลัดไปจนถึงผักสดและเนื้อสัตว์ เมื่อทำไปได้สักพักเธอจะเริ่มชินและกะจำนวนได้เองโดยไม่ต้องพึ่งตัวช่วยอีกต่อไป ( คราวนี้ถ้ากินเยอะอีก ก็ถือว่าเธอเลือกจะอ้วนเองแล้วล่ะนะ... )



4. แบ่งซอยมื้ออาหารเป็นมื้อย่อยๆ ( เช่น กิน 5 มื้อต่อวัน )

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F6533%2F1b1ac531-24de-499b-90b3-880d2ffd8d13.jpeg?v=20240306101004&ratio=0.680

ช่วงไดเอทใหม่ๆ และต้องลดปริมาณอาหารนั้น เพื่อหลักเลี่ยงอาการหิวโหยเกินลิมิต ทำให้กินเยอะจนอึดอัดกระเพาะ จงแบ่งซอยมื้ออาหารเป็นมื้อย่อยๆ ตลอดทั้งวัน ( มื้อหลัก 3 มื้อ มื้อว่าง 2 มื้อ ) กระเพาะของเธอจะทำงานทุกๆ 2-3 ชั่วโมง ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานต่อเนื่องตลอดทั้งวันค่ะ



อย่าอดมื้อหลัก ( หรือมื้อว่างหากหิวจริงๆ ) เพื่อตัดแคลอรี่ประจำวันออกให้มากที่สุด เพราะจะทำให้ระบบเมตาบอลิซึ่มทำงานช้าลงและอ้วนขึ้น ถ้าต้องทำงาน นอนดึกและหิวจนแสบไส้ กินของว่างสักหน่อยก็ไม่เสียหาย แต่กินให้เรียบร้อยก่อนเข้านอนอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมงเพื่อให้อาหารย่อยจนหมด นอนหลับสนิทและไม่เป็นโรคกรดไหลย้อนค่ะ



5. เลือกชนิดอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F6533%2F4dc88140-c9f9-4f89-82a4-708be3c55897.jpeg?v=20240306101004&ratio=1.000

ทุกครั้งเมื่อถึงมื้ออาหาร ให้เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น " โปรตีน " ช่วยดับหิว อิ่มท้องได้นานขึ้น, " ไฟเบอร์ " ช่วยทำให้อิ่มนาน และ " คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน " ที่ช่วยเสริมสร้างพลังงานในร่างกายให้อยู่ได้ตลอดวันค่ะ



ตามหลักการแล้ว ปริมาณแคลอรี่ที่เหมาะสมต่อมื้อหลัก ( เช้า, กลางวัน, เย็น ) ไม่ควรเกินมื้อละ 300 - 500  แคลอรี่ และมื้อว่างอีกมื้อละไม่เกิน 150 แคลอรี่ อาจหนักกว่านั้นได้ในมื้อเช้าเพราะเป็นมื้อแรกของวัน แต่สาวๆ บางคนที่ทำงานดึก อาจกำหนดให้มื้อหนักๆ เป็นมื้อเที่ยงเพื่อจะได้มีเวลาเผาผลาญพลังงานจนหมด ก็ทำได้เช่นกันค่ะ



6. ตัดแคลอรี่ส่วนเกินที่ไม่จำเป็น

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F6533%2F88f272fa-fa1d-4b1c-bad0-f73a02e3504c.jpeg?v=20240306101004&ratio=0.706

อีกวิธีหนึ่งที่ช่วย " ลด " แคลอรี่ส่วนเกินที่ไม่จำเป็นออก นั่นคือตัดอาหารที่ไม่จำเป็นต่อร่างกาย! เริ่มจากปรับชนิดอาหารก่อนก็ได้ค่ะ



หากเธอชอบดื่มน้ำอัดลม ชาไข่มุกหวานๆ ก็เปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าแทน หรือลดของมันของทอดลง เช่น สั่งเฟรนช์ฟรายส์ขนาดเล็กแทนขนาดจัมโบ้ กินแซนด์วิชใส่ชีสแค่แผ่นเดียว เลือกเนื้อปลาแทนเนื้อหมู / เนื้อไก่ติดมัน มีผักสลัดทุกมื้ออาหาร เลือกน้ำสลัดเป็นแบบซีอิ๊วญี่ปุ่นแทนครีมข้น เป็นต้น


7. วางแผน " ตารางอาหาร " ล่วงหน้า

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F6533%2Facab8996-6787-4e22-8672-7bb11d2e80b3.jpeg?v=20240306101004&ratio=0.667

ความหิวไม่ใช่เรื่องตลก และควบคุมไม่ได้! การต่อสู้กับสมองและจิตใจตัวเองที่บอกรัวๆ ว่า "หิว ! " เป็นส่วนที่ยากที่สุดในการลดน้ำหนักเลยล่ะค่ะ คิดว่าจะกินน้อยๆ ตอนหิวสุดขีดงั้นหรือ ไม่มีทางทำได้หรอก!



เพื่อไม่ให้สติสตังหลุดผึงไปซะก่อน วางแผนอาหารล่วงหน้าไว้ก่อนเลย! เช้า เที่ยง เย็นตลอดสัปดาห์นี้จะกินอะไรบ้าง ( เป็นไปได้ทำอาหารมากินเองที่บ้าน / ที่ทำงานเลยยิ่งดี ) หิวขึ้นมาเมื่อไหร่ก็หยิบถุงอาหารโฮมเมดเคี้ยวกินได้เลย



ถ้าเธอไม่วางแผนใดๆ ไว้เลย เมื่อถึงเวลามื้ออาหารและกำลังหิวถึงขีดสุด สมองจะนึกถึงแต่แป้งและน้ำตาล เธออาจลงเอยด้วยการหยิบคุกกี้ใส่ปากรัวๆ จนหมดถุงก็เป็นได้ จงระวัง



8. ออกกำลังกายเป็นประจำ

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F6533%2Fe1936a6c-57a7-4755-9bbd-98377fd7103d.jpeg?v=20240306101004&ratio=0.667

การลดน้ำหนักมีสูตรดังนี้ : ควบคุมอาหาร 70% ออกกำลังกาย 30% แม้สัดส่วนของการออกกำลังกายจะน้อยกว่า แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สำคัญ! ถ้าอยากกำจัดไขมันทั่วร่างกายให้กระชับ ไม่เหี่ยวย้วยเป็นเนื้อนิ่มๆ ยังไงก็ต้องขยับเขยื้อนร่างกายค่ะ



เริ่มจากการออกกำลังกายประเภทกระตุ้นหัวใจ ( คาร์ดิโอ ) 5 ครั้ง/ สัปดาห์ ครั้งละ 60 นาที แค่เดินเหยาะๆ แหยะๆ ห้านาทีสิบนาทีไม่ได้ช่วยอะไรหรอกนะ -.- เธอต้อง " ออกกำลัง " จริงๆ เช่น วิ่ง ขี่จักรยานและว่ายน้ำ อย่าลืมยกเวทเสริมสร้างกล้ามเนื้อด้วยล่ะ ถ้ากล้ามเนื้อเยอะ ร่างกายก็จะเผาผลาญไขมันได้เยอะตามไปด้วย



คำเตือน : หลังออกกำลังกายครบตามเวลาแล้ว ยืดหยุ่นร่างกาย ( cool down ) เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บด้วยนะคะ



9. ตั้งเป้าหมายระยะสั้นก่อน ( ถ้าทำสำเร็จ อย่าลืมฉลองด้วย! )

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F6533%2F5366306c-9e45-47a2-a607-e56eabb2880e.jpeg?v=20240306101004&ratio=0.668

การลดน้ำหนักเป็นเรื่องยาก เพราะต้องใช้ความอดทนและพยายามสูง! ยิ่งคนที่อ้วนมากและอยากลดน้ำหนักให้เท่าคนปกติ หนทางย่อมไม่ง่ายเหมือนเดินด้วยกลีบกุหลาบอย่างแน่นอน ดูแล้วไกลลิบๆ และมีอุปสรรคขวากหนามตลอดทาง ถ้าเธอคิดอย่างเดียวว่า " ต้องลด 20 กิโลให้ได้! " เธอจะเบื่อและถอดใจไปเสียก่อนน่ะสิ



จะดีกว่าไหม ถ้าเธอตั้ง " เป้าหมายระยะสั้น " ไว้เป็นระยะๆ ก่อนจะถึงเป้าหมายที่แท้จริง เช่น ให้รางวัลตัวเองทุกครั้งที่เธอลดน้ำหนักได้ทุกๆ 2 กิโลกรัม อาจจะเป็นการช้อปปิ้ง ทาเล็บสวยๆ ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อน หรือแค่ไปดูหนังสนุกๆ สักเรื่องก็ได้ค่ะ เธอจะมีกำลังใจในการไดเอทมากขึ้น



10. ตระหนักว่า " การลดน้ำหนักไม่มีทางลัด "

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F6533%2Ff27bd8b0-af77-42f6-954b-a9ce4336423c.jpeg?v=20240306101004&ratio=1.000

จำไว้เลยว่า " การไดเอทอย่างยั่งยืนไม่มีทางลัด! " ไม่มีพลังวิเศษใดๆ ที่จะช่วยให้เธอผอมเพรียวทันใจได้ในชั่วข้ามคืน ไม่ว่าจะเป็นยาลดน้ำหนัก, อาหารเสริม, คอร์สนวดละลายไขมันราคาสูงเสียดฟ้าแค่ไหนก็ตาม การอดมื้อกินมื้อก็เช่นกัน แม้จะผอมลงแต่จะได้ร่างกายเหี่ยวๆ เนื้อย้อยๆ เป็นสิ่งตอบแทน และได้ของแถมเป็นโรคขาดสารอาหารอีกต่างหาก



อย่ากินหรือทำอะไรแปลกประหลาด แต่ปรับ " พฤติกรรมการกิน " ที่สามารถทำได้ไปตลอดชีวิตจะดีกว่า ( กินตามใจปากได้บ้างในโอกาสพิเศษ แต่อย่าบ่อยเกินไป ) อีกอย่างหนึ่งที่ควรจำไว้คือ เมื่อผอมลงแล้ว ห้ามกลับไปทำพฤติกรรมแบบเดิมอีก เพราะเธอจะอ้วนเหมือนเดิมแน่นอนค่ะ



11. อดทนและพยายาม หากท้อให้คิดว่า " เราไดเอทเพื่ออะไร "

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F6533%2F284c6052-b64f-497a-9dd1-d9c2ed66e374.png?v=20240306101005&ratio=0.833

สาเหตุที่คนคนหนึ่งคิดจะลดน้ำหนักนั้นมีหลายอย่าง! เช่น อยากสวยขึ้นเพื่อคนรัก, อยากสุขภาพดีขึ้นเพื่อครอบครัว, อยากมีรูปร่างที่ดีขึ้นเพื่อส่งเสริมหน้าที่การงาน ยึดเหตุผลนั้นไว้ให้มั่น ย้ำเตือนตัวเองทุกครั้งเมื่อรู้สึกท้อถอย โมโห หงุดหงิดที่น้ำหนักไม่ลดลงได้อย่างใจ



ถ้ารู้สึกเบื่อๆ หมดแรงบันดาลใจ ดูรายการ, อ่านหนังสือหรือรายการถ่ายทอดชีวิตของคนอ้วนที่ป่วยจนเป็นโรคก็เป็นวิธีช่วยกระตุ้นได้อีกทางหนึ่ง หรือหากอยากลดน้ำหนักเพื่อครอบครัว มองหน้าพ่อแม่และเข้าไปกอดพวกท่านแน่นๆ หรือแขวนชุดสวยๆ ที่อยากใส่ไว้หน้าตู้เสื้อผ้า ตั้งปณิธานไว้ว่ายังไงต้องใส่ให้ได้ เป็นต้น



===========================



อ่านคำแนะนำทั้ง 11 วิธีในการลดน้ำหนักแล้ว เห็นไหมว่าไม่ยากเลย แค่มีวินัย ความอดทนและพยายามไม่ท้อถอยก็เกินพอ ^0^



อย่ากินตามใจปาก จงนับแคลอรี่อย่างเคร่งครัด ควบคุมอาหารอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ชั่ง/ ตวงอาหาร แบ่งอาหารเป็นมื้อย่อยๆ เพื่อให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดี เลือกชนิดอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย ตั้งเป้าหมายระยะสั้นเพื่อให้มีกำลังใจ



เหนือสิ่งอื่นใด จงจำไว้ว่าหุ่นที่สวยงามไม่มีทางลัด! อยากได้ไม่มีขาย ต้องกินอาหารดีๆ และออกกำลังกายด้วยตัวเอง หากไปถึงจุดหมายได้ รับรองว่าผลลัพธ์ต้องคุ้มค่าความเหนื่อยแน่นอนค่ะ



แล้วเจอกันใหม่คราวหน้านะคะ



===========================



บทความที่เกี่ยวข้อง

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้