1. SistaCafe
  2. ยาคุมรักษาสิว กินได้ แต่ต้องระวัง!

สาวๆ หลายคนเลือกใช้วิธีรักษาสิวด้วยการใช้ยาคุมกำเนิดอาจจะเนื่องมาจากว่าเห็นคนอื่นๆ ใช้แล้วได้ผลดี ผิวพรรณสดใส สิวดีขึ้น และหน้ามันลดลง อีกทั้งยังราคาไม่สูง เมื่อเทียบกับการไปรักษาสิวที่คลินิกหรือโรงพยาบาล


ยาคุมหนึ่งแพงราคาประมาณ 80 - 600 บาท โดยประมาณ แล้วแต่ยี่ห้อและชนิด รักษาสิวที่คลินิก ปัจจุบันเริ่มต้นที่ 300 บาท ไปจนถึงราคาเป็นหมื่น เกือบแสนเลยก็มี แน่นอนว่าใครๆ ก็อยากมีผิวสวยๆด้วยกันทั้งนั้น!แต่การใช้ยาคุมกำเนิดในการรักษาสิวนั้น ควรจะใช้ด้วยความระมัดระวังเพราะขึ้นชื่อว่ายา ย่อมจะมีผลข้างเคียง และอาจจะเป็นผลข้างเคียงในแง่ร้ายได้


ในกรณีที่ใช้ไม่ถูกวิธี นอกจากจะเสียเงินแล้ว หน้าอาจจะไม่สวยสมใจ ทั้งยังตามมาด้วยผลข้างเคียงที่ไม่พึงปรารถนา


เพราะฉะนั้น เรามาดูดีกว่าว่า เราจะสามารถใช้ยาคุมกำเนิดในการรักษาสิว ด้วยวิธีที่ถูกต้องได้อย่างไรบ้าง

ยาคุมกำเนิดนั้นมีหลายประเภท แต่ส่วนผสมหลักคือ ฮอร์โมนEstrogenและProgesteroneซึ่งฮอร์โมนตัวหลักคือ Estrogen ซึ่งจะมาแนะนำให้รู้จักกันก่อน Estrogen หรือฮอร์โมนเพศหญิง ผลิตที่ขึ้นที่รังไข่ของผู้หญิง ซึ่งจะทำให้มดลูกของเราหนา สำหรับเตรียมพร้อมในการฝังตัวของไข่นั่นเอง เมื่อถึงวันมีประจำเดือน ผนังมดลูกนี้จะหลุดร่อน กลายเป็นเลือดประจำเดือนนั่นเอง


ซึ่ง Estrogen เป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งเนียนสวย ผิวหน้ามันลดลง ต่อมไขมันไม่ทำงานมากจนเกินไปหากผู้หญิงคนไหนมีฮอร์โมนเพศหญิงเยอะ ผิวก็สวย เปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล สดใส หน้าอกขยาย หน้าไม่มัน รูขุมขนเนียนเรียบ!



แต่!!!!! เจ้าฮอร์โมนEstrogenก็มีผลข้างเคียงเช่นเดียวกันหากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป ก็ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม มะเร็งในระบบสืบพันธ์ และทำให้ผิวหน้าเกิดเป็นฝ้าได้ง่ายเหมือนที่เราได้ยินบางคนมักจะบ่นว่า กินยาคุมแล้วหน้าเป็นฝ้านั่นเอง



แต่หากใครอยากจะเพิ่มฮอร์โมนตัวนี้แบบไม่ต้องมากินยาคุม ก็ลองดื่มน้ำเต้าหู้ หรือว่าถั่วต่างๆ น้ำมะพร้าว เป็นต้น เพราะอาหารเหล่านี้มีฮอร์โมน Estrogen สูง


ส่วนฮอร์โมนProgesteroneเป็นฮอร์โมนที่ช่วยในการตั้งครรภ์ ทำให้ผนังมดลูกพร้อมสำหรับการฝังตัวของไข่นั่นเอง และยังช่วยสร้างน้ำนมในผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ด้วย เป็นฮอร์โมนที่สร้างขึ้นบริเวณรังไข่ได้เช่นเดียวกัน


หากมีในปริมาณที่สูง ช่วยลดการเกิดซีสต์ในรังไข่ได้ แต่ก็มีผลข้างเคียงคือ ส่งผลให้เกิดอาการบวมน้ำได้ จึงทำให้บางคนกินยาคุมแล้วรู้สึกว่าตัวเองอ้วนขึ้น แต่จริงๆไม่ได้อ้วน แค่บวมน้ำนั่นเอง!



การกินยาคุมกำเนิดเพื่อผิวพรรณควรเริ่มอย่างไร

ข้อแรกการพบแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ! มาก ก่อนจะกินยาคุมกำเนิดควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งแล้วทำไมต้องปรึกษาแพทย์

- อย่างแรก สิวที่เกิดขึ้นบนใบหน้ากับร่างกายนั้นไม่ใช่เกิดขึ้นเพราะมีฮอร์โมนเป็นสาเหตุเสมอไป บางครั้งก็เกิดจากสาเหตุอื่น เช่น สิ่งสกปรก ฝุ่นละออง หรือว่าการแพ้สารเคมีบางชนิด ซึ่งหากเป็นสาเหตุเหล่านั้น การรักษาด้วยยาคุมกำเนิดอาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเท่าไรนัก การพบแพทย์จึงสำคัญในแง่ของการตรวจเช็คว่า สิวที่เป็นนั้น เกิดจากสาเหตุใด เพื่อจะได้ค้นหาวิธีการรักษาที่ถูกต้อง


การกินยาคุม ต้องกินอย่างไร ?

อย่างแรกยาคุมมีหลายชิด ทั้งแบบ 28 เม็ด และ 21 เม็ด ซึ่งการกินนั้นแตกต่างกันเล็กน้อย ส่วนที่นิยมคือ 28 เม็ด แบบ 21 เม็ด คือทุกเม็ดมีส่วนผสมที่เท่ากัน ส่วน 28 เม็ด จะมีส่วนผสมเท่ากันอยู่ 21 เม็ด ส่วนอีก 7 เม็ดเป็นวิตามินและอื่นๆ ซึ่งควรรับประทานตามแพทย์สั่งจะดีที่สุด!โดยเราสามารถพบหมอผิวหนังเพื่อปรึกษาเรื่องการรับประทานยาคุมกำเนิดสำหรับรักษาสิวได้เลย


อย่าละเลยการศึกษาวิธีการใช้ยาคุมให้ถูกวิธี!

โดยเฉพาะเวลาที่สาวๆ นั้นลืมกินยาคุม จะมีรายละเอียดบอกในแผ่นพับข้อแนะนำการใช้ยาว่าต้องรับประทานมื้อต่อไปอย่างไร หากเกินชั่วโมงที่กำเนิดให้ข้ามมื้อนั้นไปทันที เพื่อไม่ให้เกิดการกินซ้ำซ้อน และได้รับยาในปริมาณที่เกินกำหนดซึ่งสาวๆต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด แม้จะเป็นการรับประทานเพื่อผิวสวยก็ตาม


*การศึกษารายละเอียดในการรับประทานสำคัญมากกก


สาวๆ ที่อยากจะมีผิวใส หน้าสวย อย่าเพิ่งใจร้อนหลงเชื่อคำพูดคนโน้นคนนี้ว่าให้รักษาสิวด้วยการกินยาคุม การพบแพทย์ผิวหนังเพื่อขอคำแนะนำสำคัญมาก! ใจเย็นๆ จะได้สวยอย่างปลอดภัยนะจ๊ะ



บทความที่เกี่ยวข้อง

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้