ฮ้ายยยยยยยยยยยยย!ไอเทมเพื่อความสวยปังอลังของสาวๆ ไม่ว่าจะแท้ หรือจะเทียมก็คือ“ เดย์ครีม-ไนท์ครีม ”ที่ทุกคนจะต้องมีติดโต๊ะเครื่องแป้งเอาไว้ อย่างเราก็ผ่านร้อนผ่านหนาว และเสียเงินไปไม่รู้เท่าไหร่กับครีมพวกนี้ เรียกได้ว่า“ เจ็บแล้วไม่จำ ”นั่นเองค่ะ ฮ่าๆวันนี้มีโอกาสเลยจะมารีวิวซะเลย ถือว่าเป็นการแนะนำ และอุทาหรณ์ไปในตัวก็แล้วกันโนะ

สำหรับผลของการใช้ก็ขึ้นอยู่ที่แต่ละคนเลยนะคะ อย่างเช่น ผิวหน้าของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ความสม่ำเสมอในการใช้ การดูแลตัวเองควบคู่กันไปอีก เอาเป็นว่าเสพเพื่อ“ อรรถรส ”และเอาไปเป็นตัวตัดสินใจในการเลือกซื้อดีกว่า :D

ขอเรียงลำดับเป็น เดย์ครีม-ไนท์ครีม > เดย์ครีม > ไนท์ครีม นะคะ <3

1. Hada Labo Retinol Lifting & Firming Cream 3D

รูปภาพ:

เริ่มกันที่ตัวแรกกันก่อนเลยค่ะกับ“ Hada Labo Retinol Lifting & Firming Cream 3D ”เป็นครีมที่สามารถใช้ได้ทั้งเดย์และไนท์ แต่ไม่รู้คนอื่นใช้เหมือนกับเรามั้ย เอาเป็นว่าใครสะดวกจะใช้เป็นเดย์ก็ใช้…สะดวกใช้เป็นไนท์ก็ใช้ #เอาที่สบายใจ

ต้องบอกก่อนว่าครีมตัวนี้น่าจะเหมาะกับคน “ผิวแห้ง” มากกว่า เพราะตัวเนื้อครีมมีความเข้มข้นมาก ไม่จำเป็นต้องใช้เยอะเลย ( ประหยัดไปอีก ) เพราะมันสามารถเกลี่ยได้ทั่วทั้งหน้า แต่ข้อเสียที่เราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ก็คือ“ ความมัน ”ตอนเกลี่ยคือรู้สึกได้ทันทีเลยว่ามันจริงไรจริง แต่พอมันเริ่มซึมลงผิวก็แอบทิ้งความมันเล็กๆ แต่ยังมีความชุ่มชื้นซ่อนอยู่

เอาเป็นว่าถ้าใครที่รู้ตัวว่า“ ผิวมัน ”ก็หลีกเลี่ยงตัวนี้แล้วกันนะคะ เดี๋ยวจะมันไปกันใหญ่


2. White Me Up Booster Moisturizer

รูปภาพ:

ต่อมาที่

“ White Me Up Booster Moisturizer ”

คือเราเป็นแฟน Sleeping Mask ของแบรนด์นี้อยู่แล้ว ก็เลยไม่พลาดที่จะลองตัวนี้ เพราะเค้าบอกว่าถ้าใช้ควบคู่กัน จะเห็นผลชัดมากยิ่งขึ้น ( ซึ่งมันก็จริงอยู่นะ )

มาพูดถึงครีมตัวนี้กันบ้าง เราสามารถใช้ได้ทั้งเดย์และไนท์เลย เนื้อครีมเวลาทาลงไปไม่ได้หนักผิว เพราะเนื้อครีมมีความบางเบา เกลี่ยแล้วรู้สึกสบายผิวมากๆ และก็ไม่ทิ้งความมันด้วย แต่จะมีความชุ่มชื้นแบบมากๆ เข้ามาแทน คงเป็นเพราะคำว่า

“ มอยส์เจอไรเซอร์ ”

นี่แหละ

ส่วนกลิ่นก็หอมหวานๆ น่าจะถูกใจสาวหวานๆ แบบเรานะ ฮ่าๆ ส่วนเห็นผลความกระจ่างใสมั้ย บอกเลยว่ายิ่งใช้คู่กับ Sleeping Mask ก็ยิ่งเห็นผลนะบอกเลย


3. L'Oreal Paris White Perfect Day Cream 50ml SPF17/PA+++

รูปภาพ:

มาที่เดย์ครีมแบบเพียวๆ กันบ้าง สารภาพเลยว่าซื้อตัวนี้มาลองใช้เพราะคำว่า

“ White Perfect ”

เลยค่ะ ฮ่าๆ มีความอยากหน้าขาวกระจ่างใส จนเมื่อใช้ไปสักพักก็เลยรู้ว่า ความกระจ่างใสอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจค่ะ แต่ต้องทนกับความเหนอะหนะของเนื้อครีม เพราะมันเข้มข้นมาก ทุกเช้าที่เกลี่ยก่อนไปทำงานคือมีความเสียเวลาเบาๆ กว่าจะลงกันแดดได้คือต้องรอสักพักเล็กๆ เลย

อีกอย่างคือไม่ค่อยชอบกลิ่นเท่าไหร่ แต่พอมันมีข้อเสียตรงนี้ ข้อดีของมันก็ต้องตามมา นั่นก็คือ

“ ความชุ่มชื้น ”

ที่เรารู้สึกทันทีเลยว่าเหมือนมันกักเก็บน้ำบนใบหน้าให้เรา ยิ่งคืนไหนนอนตากแอร์เป็นเวลานานๆ ตื่นขึ้นมาล้างหน้าแล้วทาตัวนี้ รู้สึกเฟรชมาก :D


4. OLAY Total Effects 7 in One

รูปภาพ:

พอมาถึงครีมตัวนี้ หลายคนคงจะพอเดาอายุของเราออกเลยทีเดียว ฮ่าๆ ( ไม่ขนาดนั้น! ) แต่ที่เลือก“ OLAY Total Effects 7 in One ”มาเพราะว่า สรรพคุณที่เค้าเคลมไว้ข้างกล่องมันเป็นอะไรที่เราต้องการ อย่างเช่น ช่วยทำให้ผิวดูสม่ำเสมอ, ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส และที่สำคัญเลยก็คือช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น


ซึ่งความรู้สึกแรกที่ได้สัมผัสเนื้อครีมคือไม่ค่อยประทับใจ เพราะมันเหนียวๆ เกลี่ยแล้วรู้สึกเหนอะๆ อย่างบอกไม่ถูก แต่พอมันเริ่มซึมลงสู่ผิว ( ซึ่งต้องใช้เวลาหน่อยนะ ) ก็รู้สึกชุ่มชื้นดีค่ะ ส่วนเรื่องกลิ่นนี่ไม่มีปัญหาเลย เพราะมันไม่มีกลิ่นนั่นเอง


5. Doctor Somchai Night Cream

รูปภาพ:

มาต่อที่“ ไนท์ครีม ”แบบเพียวๆ กันเลย ตัวแรกที่ลองซื้อมาใช้ก็คือ“ Doctor Somchai Night Cream ”ต้องย้อนกลับไปช่วงที่เป็นสิวแรกๆ เราเคยใช้โฟมล้างหน้าของแบรนด์นี้ ซึ่งมันช่วยแก้ปัญหาเรื่องสิวได้ดีเลย พอถึงเวลาที่นึกอยากจะลองหาไนท์ครีมมาใช้ ก็เลยนึกถึงดร.สมชายขึ้นมา

แต่ความรู้สึกแรกคือผิดหวังเล็กๆ อันดับแรกเลยก็คือ“ กลิ่น ”มันเหม็นแบบแรงมาก แรงกว่าทุกแบรนด์ที่เคยใช้มา ในส่วนของเนื้อครีมก็ตามสไตล์ไนท์ครีม คือมีความเข้มข้นในระดับหนึ่ง แต่แปลกที่มันซึมซาบเร็ว และก็ทำให้หน้าชุ่มชื้นด้วย ถ้าใครไม่ซีเรียสเรื่องกลิ่น ก็ลองตัวนี้ได้นะ


6. Neutrogena Fine Fairness Overnight Brightening Cream

รูปภาพ:

ปิดท้ายกันที่“ Neutrogena Fine Fairness Overnight Brightening Cream ”เป็นไนท์ครีมที่มีเนื้อเข้มข้นไม่แพ้แบรนด์อื่น แต่ดีกว่าตรงที่ซึมซาบเร็ว แม้ว่าเนื้อครีมจะทั้งข้น ทั้งเหนียวก็ตาม แต่พอเกลี่ยแล้วซึมเร็วอย่างน่าพอใจ และก็ให้ความชุ่มชื่นได้ดีเลยทีเดียว

แต่ติดตรงที่ “กลิ่น” ที่มันหอมเกินไป หอมจนรู้สึกฉุนจมูกเลย แต่นอกจากกลิ่นที่ไม่ค่อยดีแล้ว ก็ยังไม่เห็นข้อเสียอย่างอื่นนะ เพราะหลังจากใช้ก็รู้สึกว่าผิวนุ่มๆ ชุ่มชื้นขึ้นจริงๆ แนะนำเหมือนเดิมก็คือ ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องกลิ่น ก็เลือกใช้ได้ตามสบายเลย


========================

เป็นอย่างไรบ้างกับเดย์ครีม - ไนท์ครีมทั้ง 6 ชนิดที่เรามารีวิว หวังว่าข้อดี-ข้อเสียที่บอกไว้ในบทความนี้ จะทำให้สาวๆ ตัดสินใจเลือกซื้อครีมทาหน้าที่เหมาะสมกับสภาพผิวและงบในกระเป๋าของตัวเองได้นะคะ ^^ แล้วพบกันใหม่คราวหน้า บ๊ายบายค่า

========================

บทความที่เกี่ยวข้อง