HelloSistaGirls!มาดามคนเดิมกลับมาแล้วค่ะ วันนี้ขออนุญาตทักทายเป็นภาษาอังกฤษหน่อยนะคะ เนื่องจากว่า เราจะมีTopicที่ค่อนข้างเอนเอียงไปทางสหประชาชาติมาให้ถกกัน วู้ยยย!! ไม่ได้เครียดอะไรขนาดนั้นหรอกค่าาา อย่ามาขมวดคิ้วเลย เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับรักๆ ใคร่ๆ ( แหมมม พอพูดถึงเรื่องนี้ทีไร ทำไมอะฮั้นต้องหน้าแดงด้วยเนี่ยย แอร๊ยยยย!!!.゚:;。+。ε(ノ∀≦*)з。+.。゚:)

รูปภาพ:http://1.bp.blogspot.com/-xwF15yDIVaE/VL6Fr4qsfFI/AAAAAAAAP30/v7fNhEy2HgA/s1600/Push%2B(1).jpg

เอาล่ะ!! มาเข้าเรื่องกันดีกว่า วันนี้มาดามจะมาแฉ เอ้ยย!! แชร์ประสบการณ์การเดทให้ฟัง จะเปรียบเทียบทั้งกับหนุ่มไทย และหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวให้รู้กันไปเลย ว่าหนุ่มๆ ที่ต่างเชื้อชาติกันนี้มีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร และแบบไหนที่คุณสาวๆ ควรจะเลือกมาควงด้วย และทั้งหมดทั้งมวลนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของสาวๆ เองนะคะโฮะๆ ๆ ๆ ๆ

รูปภาพ:http://data.whicdn.com/images/82053898/original.jpg

หนุ่มไทย Vs. หนุ่มฝรั่ง

เริ่มต้นทำความรู้จัก

รูปภาพ:http://www.sassyhongkong.com/wp-content/uploads/2013/09/amours-et-turbulences-hong-kong.jpg

หนุ่มไทย :แน่นอนว่า เรื่องภาษาและการสื่อสารนั้น ย่อมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด คนไทยด้วยกันย่อมพูดจาภาษาเดียวกันรู้เรื่อง เมื่อคุณสาวๆ ทำความรู้จักกันและกันเรียบร้อยแล้ว และมีสัมพันธภาพอันดีต่อกันมาระยะหนึ่ง คุณรู้จักเขา เขารู้จักคุณ ต้องถามตัวเองก่อนว่า คุณพร้อมหรือไม่ที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่นี้ให้มากขึ้นไปกว่าเดิม

หนุ่มฝรั่ง :ภาษา คือ สิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรก ถึงแม้ว่า สเปคของคุณคือ หนุ่มผมทอง ผิวขาว นัยน์ตาสีฟ้า แต่สกิลทางภาษาของคุณนั้นกลับง่อยยิ่งกว่า Curry พัทยา ทุกอย่างก็จบค่ะ!! จะมานั่งฉีกยิ้มสวยๆ แบบนางงาม แล้วใช้ภาษาใบ้ ฝรั่งเขาก็เชิดใส่นะคะ แต่ไม่ต้องถึงกับถูกไวยากรณ์เป๊ะๆ แบบสอบผ่านโทอิค โทเฟล ไอเอล ได้หรอกค่ะ เอาแค่มีพื้นฐานทางภาษา และสามารถสื่อสารกับเขาได้รู้เรื่องก็พอ


เมื่อพร้อมแล้วก็ไปเดทกัน

รูปภาพ:http://wp.streetwise.co/wp-content/uploads//2014/05/6-Active-Date-Ideas-To-Do-In-Boston-.jpg

หนุ่มไทย :แม้ว่าคุณจะรู้สึกพิเศษกับเขามากๆ แต่สัญชาตญาณของความเป็นผู้หญิงจะสร้างความกระดากอายขึ้นมา เพื่อเป็นกำแพงกั้นอาณาเขตให้คุณรู้สึกชั่งใจว่าเขารู้สึกกับคุณเหมือนกันหรือไม่ ??แต่โชคดีหน่อยที่สมัยนี้ สิทธิเสรีภาพของผู้หญิงเท่าเทียมกับผู้ชาย จึงทำให้สาวๆ หลายคนอาศัยตีลูกเนียนทำทีชวนเขาไปไหนต่อไหนได้ เพื่อใช้เวลาเหล่านี้ศึกษา และดูใจกันให้มากขึ้น ( แต่สาวๆ จะไม่กล้าใช้คำว่าเดทหากผู้ชายไม่ได้เป็นฝ่ายชวนก่อน )

หนุ่มฝรั่ง :อ่ะ!!...หากเรื่องภาษาไม่เป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิต ก็มาต่อกันที่เรื่องของสเปค และการออกเดท สาวๆ หลายคนมักจะเข้าใจว่า ผู้หญิงไทยที่เป็นสเปคฝรั่งจะต้องผิวเข้ม ผอม แห้ง หน้าตาบ้านๆ ผิดถนัดค่ะขาว หมวย อวบ ก็สามารถเป็นแฟนกับเขาได้ขึ้นอยู่กับสเปคใครสเปคมัน ขอแค่ให้คุณหมั่นดูแลตัวเอง รู้จักแต่งเนื้อแต่งตัวก็พอ ฝรั่งเขาก็ชอบแล้วค่ะ ส่วนเรื่องเดทนั้น ไม่จำเป็นต้องศึกษานิสัยใจคอกันให้มากมายเหมือนคนไทย มันอาจแค่เริ่มจากการทักทาย 2-3 คำ จากนั้นก็ขอนัดเจอกันครั้งต่อไปเพื่อทำความรู้จักกันมากขึ้น และก็ไม่ต้องแคร์ด้วยว่าใครจะเป็นฝ่ายชวนใครก่อน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สนใจที่จะเดทด้วย ก็สามารถปฏิเสธอย่างสุภาพได้ เช่น“ Thank you sweetie, For inviting me. But Sorry I’m not really convenient // ขอบคุณนะคะที่ชวนฉัน แต่ฉันไม่สะดวกไปจริงๆ “แล้วฉีกยิ้มให้สวยๆ ก่อนโบกมืออำลาค่ะ บั๊ยยย!!!


เฟ้นหาสถานที่ที่ถูกใจ

รูปภาพ:http://cdn.lifed.com/wp-content/uploads/2013/01/Woman-In-Love-On-Romantic-Date.jpg

หนุ่มไทย :แน่นอนค่ะ!! คิดอะไรไม่ออกก็ชวนไปดูหนัง ต่อจากนั้นก็ไปทานข้าวเพื่อหาโอกาสชวนคุยกันต่ออีกนิด เรียนรู้ซึ่งกันและกันอีกหน่อย โดยธีมของบรรยากาศก็คงไม่พ้นความโรแมนติก ฟรุ้งฟริ้ง เน้นสร้างความประทับใจ หรือวางแผนเพื่อหากิจกรรมอย่างอื่นทำกันต่อ เช่น ไปปั่นจักรยานเล่นกันในสวน เดินดูโน่น นี่ นั่น หรือทำทุกวิถีทางเพื่อรั้งช่วงเวลาแห่งความสุขไว้ให้นานที่สุด

หนุ่มฝรั่ง :จะเป็นในทางกลับกันค่ะ โดยเริ่มจากการนัดทานข้าว หรือดื่มกาแฟเพื่อพูดคุยกัน ทำความรู้จักกันให้มากขึ้น หากอยู่ในวัยทำงานด้วยกันทั้งคู่ก็จะนัดไปทานข้าวเย็น เมื่อทานเสร็จเขาจะก็พาคุณไปส่งที่บ้าน หรือถ้าวันหยุดก็จะหากิจกรรมอื่นๆ ทำร่วมกัน เช่น ไปงานปาร์ตี้ หรือนั่งรถเล่นเที่ยวชมเมือง

การปฏิบัติตัวขณะออกเดท

รูปภาพ:http://cdn.lifed.com/wp-content/uploads/2013/01/Woman-In-Love-On-Romantic-Date.jpg

หนุ่มไทย :ทั้งสองฝ่ายจะแต่งตัวให้ดูดีกว่าปกติ 1-2 เลเวล ส่วนอาหารการกินก็จะดูโอเคขึ้นมานิดนึง ซึ่งบางคนจะไม่สั่งอาหารเส้น เนื่องจากท่าทางการกินจะไม่ค่อยดูดีสักเท่าไร หากฝ่ายชายเป็นคนชวนก็ควรจะเป็นคนออกค่าใช้จ่าย หรือไปส่งฝ่ายหญิงกลับบ้าน แต่ถ้าระหว่างการเดทมีโอกาสโป๊ะปังซังกาโร่กับคนรู้จักเข้า ก็มักจะตอบแบบเลี่ยงๆ ว่าเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกัน หรือดูๆ กันอยู่แต่ก็ไม่พูดต่อหน้าอีกฝ่ายอยู่ดี

หนุ่มฝรั่ง :สิ่งหนึ่งที่ถือกันมากคือ การพาไปพบพ่อแม่ ถ้าระหว่างเดทฝ่ายหญิงชวนเชิญฝ่ายชายไปพบญาติผู้ใหญ่เข้า หนุ่มๆ เขาจะรู้สึกอึดอัดมาก โดยเฉพาะกับฝ่ายชายที่ยังไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ครั้งนี้ และการที่เราโทรฯ ไปหาเขาก่อนนั้นจะยิ่งทำให้เขาได้ใจมากๆ ฉะนั้นสาวๆ ต้องรู้จักใจแข็ง ไม่ควรเป็นฝ่ายโทรฯ ไปหาเขาก่อน ส่วนเรื่องการแชร์ค่าอาหารนั้นก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากเช่นกัน เว้นเสียแต่ว่า เขาจะเสนอตัวเป็นฝ่ายเลี้ยงคุณเอง( นั่นหมายความว่า ครั้งหน้าคุณก็ต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงเขาเหมือนกันล่ะ!! )และถ้าเวลามีใครมาถามถึงความสัมพันธ์ของคุณกับเขา เขาก็จะบอกไปตรงๆ เลยว่า แน่นอน!! เรากำลังเดทกันอยู่//ชัดเจนนะคะคู้นนนน


สัมพันธภาพ

รูปภาพ:http://s3.favim.com/orig/41/500-cinema-love-popcorns-smile-Favim.com-349041.jpg

หนุ่มไทย :ระยะเวลาที่อยู่ในช่วงของการออกเดทจะเป็นช่วงเวลาที่น่าอึดอัดพอสมควร เพราะเราจะไม่มาถามกันหรอกค่ะว่า" นี่เราเดทกันอยู่เหรอ ?? "ถ้าจะถามก็ไปถามกันอีกทีว่า“ ตกลงจะคบกันหรือไม่ ?? ”ถ้าไม่ก็หมายความว่า ไม่เราก็เขาที่เป็นฝ่ายถูกเท หรืออีกกรณีก็คือ มีบางคนที่ไม่ชัดเจนกับความสัมพันธ์ในครั้งนี้ และให้เหตุผลว่า ขอศึกษากันไปก่อน ซึ่งสำหรับคนไทย ช่วงเวลาเหล่านี้จึงเป็นช่วงเวลาที่ดูคลุมเครือ ( ยกเว้นพวกผู้ชายที่ออกตัวแรงอยู่แล้วว่าชอบและจะขอเป็นแฟน ก็จะใช้การเดทเป็นระยะเล่นตัว ) และถ้าสำหรับเรื่องที่ติดเรท บางคนจะไม่กล้าบอกใครว่า มีอะไรกับคนที่ยังไม่เรียกว่าแฟน หรือบางคนก็ขอสงวนตัวไว้ให้เฉพาะกับคนที่คบกันแบบจริงจังเท่านั้น

หนุ่มฝรั่ง :เขามักจะใช้การเดทเป็นช่วงเวลาที่จะได้ศึกษากันและกัน ทั้งในด้านของนิสัย ทัศนคติ รวมถึงรสนิยมในเรื่องอย่างว่า ( ในขณะที่คนไทยหลายๆ คู่ กว่าจะรู้ตัวว่า เรื่องแบบนี้เราไปด้วยกันไม่ได้ก็หลังแต่งงานนู่น จึงทำให้เกิดปัญหาการนอกใจกันอยู่บ่อยๆ ) การเดทกับหนุ่มฝรั่งแบบนี้แหละ มักจะเปิดโอกาสให้คู่เดทได้ลองจูบกันตั้งแต่เดทครั้งแรกเพราะการจูบสามารถวัดเคมีในร่างกายได้ว่า เราเฉยๆ หรือเริ่มสปาร์คกับคนๆ นี้แล้วกันแน่ถ้าชอบมากๆ ก็ไม่ผิดอะไรที่จะจูงมือกันเข้าห้องตั้งแต่เดทแรก แต่ก็มีสาวๆ จำนวนไม่น้อยที่ตั้งกฏเหล็กว่าต้องหลังจากเดทครั้งที่ 5 แล้วเท่านั้น ถึงจะมีอะไรกันได้


การพัฒนาความสัมพันธ์ในอนาคต

รูปภาพ:http://cdn.images.express.co.uk/img/dynamic/1/590x/date-love-413720.jpg

หนุ่มไทย :สาวๆ ส่วนใหญ่มักจะคาดหวังว่า เขาจะต้องทำอย่างนู้น อย่างนั้น อย่างนี้ ประหนึ่งพระเอกซีรี่ย์เกาหลี ไม่ก็ละครหลังข่าว หรือจะต้องทำอะไรที่ประทับใจเพื่อจะขอเราเป็นแฟน หรือฝ่ายหญิงเองนี่แหละที่จะถามเขาว่า“ ตกลงเราเป็นอะไรกัน ??? ”//กลิ่นดราม่าลอยมาแต่ไกล -_-’’จะสมหวังหรือไม่นั้นก็ดูกันที่ตรงนี้ และถ้าหากเราเป็นฝ่่ายที่โดนเหวี่ยง แล้วล่ะก็...เราจะยิ่งฟูมฟายประหนึ่งถูกบอกเลิก ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน ( ผู้ชายเขาไม่ได้คิดอย่างนั้นหรอกนะคะเธอ ) ซึ่งสาวๆ น้อยคนนักที่จะยอมรับตรงจุดนี้ แล้วเชิดใส่ จากกันไปแบบแฟร์ๆ จำไว้เลยค่ะว่า ถ้าหลังจากการเดทสิ้นสุดลง แล้วเขาไม่ติดต่อคุณในทุกๆ ช่องทาง ก็เตรียม Say Goodbye ได้เลย!! แต่ถ้าโป๊ะแตก สมหวังขึ้นมาก็เตรียมตั้งสถานะIn relationshipรอเลยค่าา

หนุ่มฝรั่ง :หากเดทกันมาระยะหนึ่งทั้งลองคุยก็แล้ว ลองเที่ยวก็แล้ว ลองมี Something กันก็แล้ว แต่ยังไม่ถูกใจก็จะบอกกันตรงๆ เลยค่ะว่าเรา / เขาไม่ Happyแต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะต้องเกลียดกัน หรือสาปส่งกันไปตลอดนะคะ บางคู่นี่เขาก็เป็นเพื่อนกันได้แบบชิลล์ๆ แถมสนิทใจกันยิ่งกว่าตอนเดทกันเสียอีก แต่ถ้าเขาเกิดถูกใจ หรือหลงใหลคุณขึ้นมา เขาก็จะหลุดปากออกมาเองแหละว่าเขารักคุณและเริ่มแนะนำเรากับเพื่อน ออกสื่อว่า“ นี่แฟนผม ”นะแหมมม...ปลื้มตัวลอยเลยชิมิล่ะ ?!!และหลังจากนี้ก็จะไม่นอกใจคุณอีกเลย//เฮ้ยยยย ชีวิตดี๊ดีอ่าาา!!!แต่ก็มีข้อแม้อยู่เล็กน้อยว่า ระหว่างเดทกันต่างฝ่ายต่างจะให้อิสระซึ่งกันและกัน เพื่อเปิดโอกาสให้คุยกับคนอื่นๆ ได้บ้าง แต่ก็มีบางคู่ที่เดทกันมานาน และฝ่ายชายไม่ชัดเจนสักที ฝ่ายหญิงก็จะเป็นฝ่ายเหวี่ยงเองซะเลย เพื่อจะได้ไม่เสียเวลากับสถานะที่ไม่คืบหน้าแบบนี้//แฟร์มะล่าาา


รูปภาพ:http://snapknot.com/blog/wp-content/uploads/2015/05/Wild-Flower-Photos.jpg

เป็นไงคะสาวๆ หลังจากที่ลองอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ ใช้วิจารณญาณประเมินกันได้หรือยังว่าหนุ่มเชื้อชาติไหนเหมาะกับพวกเธอที่สุด??แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้หมายความว่า หนุ่มไทยและหนุ่มฝรั่งจะเป็นอย่างนี้เหมือนกันทุกคนหรอกนะ ทุกคนก็มีทั้งดีบ้าง แย่บ้าง สลับกันไป แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานที่วัดได้จากสภาพสังคม และวัฒนธรรมของบ้านเขากับบ้านเราที่ไม่เหมือนกันดังนั้นแล้วจะเลือกคบใครก็ต้องค่อยๆ ศึกษากันไป ไม่ต้องรีบร้อน ถามหัวใจตัวเองให้เยอะๆ ดีที่สุดค่ะ แล้วพบกันใหม่กับบทความหน้านะคะSee U Againค่ะ บ๊ะบายยยยย



บทความที่เกี่ยวข้อง