ตอนที่เราเป็นเด็ก ผู้ใหญ่มักจะพร่ำบอกให้เรา

" กินผักและผลไม้เยอะ ๆ "

กันใช่มั้ยคะ? เพราะว่ามันดีต่อสุขภาพร่างกาย และดีกว่าขนมที่เราชอบกิน ( ซึ่งอร่อยแต่ดันกินแล้วอ้วน ) พอโตเป็นสาว...แน่นอนว่าหลายคนเริ่มอยากจะดูแลรูปร่างกันมากขึ้น

สำหรับคนที่ไม่ชอบกินผัก ผลไม้จึงกลายเป็นหนึ่งทางเลือกในการไดเอท แต่...ก็ไม่ใช่ว่าผลไม้ทุกชนิดจะกินแล้วผอมนะ

( ไม่ใช่ยาลดความอ้วนสักหน่อย = =" ) เพราะผลไม้บางอย่างก็มีน้ำตาลอยู่ด้วย

รูปภาพ:http://p2.s1sf.com/he/0/rp/r/w700/ya0xa0m1w0/aHR0cDovL3AyLnMxc2YuY29tL2hlLzAvdWQvMS81NTMzL2ZydWl0cy5qcGc=.jpg

แต่ถ้าวันนี้จะมาพูดเรื่องผลไม้แทบทุกชนิด เห็นทีจะยืดยาวจนเกินไป วันนี้มิ้วเลยขอมาเสนอเรื่องของ

" ผลไม้ที่ขายตามรถเข็น "

มาดูกันว่า

แต่ละอย่างนั้น ในปริมาณ 100 กรัม เขามีกี่แคลอรี่กัน?

ใครพร้อมจะไปพิสูจน์พร้อม ๆ กันแล้ว ตามมาดูกันโดยด่วน

1. มะละกอ

รูปภาพ:http://thaigoodview.com/files/u129950/ripe-papaya-fruit-bowl-breakfast-snack.jpg

เริ่มกันที่ผลไม้สีส้มทั้งเปลือกและเนื้อ มีรสหวาน มีสรรพคุณที่ช่วยเป็นยาระบาย ทำให้ระบบขับถ่ายของเราดีขึ้น ช่วยย่อยอาหาร บำรุงประสาทและสมอง ป้องกันโรคลักปิดลักเปิดหรือเลือดออกตามไรฟัน ป้องกันการเกิดโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ และสามารถรักษาผดผื่นคันตามตัวได้

ในมะลอกอ 100 กรัม มีแค่ 43 กิโลแคลอรี่ ซึ่งถือว่าน้อยมาก สามารถทานเล่นได้แบบหายห่วง :)


2. ฝรั่ง

รูปภาพ:http://www.owncampusmarket.com/wp-content/uploads/2017/09/Guava.jpg

จัดเป็นผลไม้ยอดฮิตสำหรับการไดเอท เนื่องจากฝรั่งนั้นอุดมไปด้วยกากใยอาหาร ช่วยทำให้อิ่มท้องได้เป็นเวลานาน พร้อมช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือกให้คงที่ และยังช่วยในการล้างสารพิษในร่างกายได้ อีกทั้งฝรั่งยังจัดเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินสูงที่สุดอีกด้วย ซึ่ง

ฝรั่ง 100 กรัมนั้น จะให้พลังงานอยู่ที่ 68 กิโลแคลอรี่

ซึ่งถือว่าไม่มากเกินไปนัก แถมกินแล้วไม่อ้วนด้วย


3. ชมพู่

รูปภาพ:http://cdnaz.healthfreedoms.org/wp-content/uploads/2017/06/rose-apples.jpg

เป็นผลไม้ที่หลายคนติดใจ เพราะมีน้ำเยอะ ช่วยให้รู้สึกชุ่มคอ แถมยังมีรวหวาน ๆ นิด ๆ กินแล้วสดชื่น แต่ชมพู่ไม่ได้มีดีแค่นั้นค่ะ เพราะจริง ๆ ผลไม้ชนิดนี้มีสรรพคุณที่ช่วยลดน้ำหนักได้ดี เนื่องจากมีพลังงานต่ำและทำให้อิ่มง่าย อีกทั้งยังมีวิตามินซีซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ควบคุมระดับคอเลสเตอรอล และสามารถลดความเสี่ยงไขมันอุดตันในเส้นเลือดและโรคหัวใจได้

ในชมพู่ 100 กรัม จะให้พลังงานทั้งหมด 28 กิโลแคลอรี่ ซึ่งถือว่าน้อยมาก แบบนี้กินได้สบายหายห่วงแน่นอน

( แต่ต้องระวังนิดนึงนะคะว่าเขาเอาไปแช่กับน้ำตาลด้วยรึเปล่า เพราะมันจะหวานมาก แล้วน้ำในชมพู่มันจะออกมาเป็นสีแดงชัดมาก ส่วนตัวมิ้วเคยเจอค่ะ )


4. แตงโม

รูปภาพ:http://cdnaz.healthfreedoms.org/wp-content/uploads/2017/06/rose-apples.jpg

ผลไม้รสหวานที่ได้กินทีไรก็รู้สึกสดชื่น แถมยังมีคนชอบเอาไปปั่นเป็นเครื่องดื่มอีกด้วย เนื้อของแตงโมมีสารสีแดงที่เรียกว่า

" ไลโคปีน "

( ซึ่งพบในมะเขือเทศด้วย ) มีคุณสมบัติในการช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ช่วยลดระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด

พร้อมกันนั้นยังมีสาร

" เบต้าแคโรทีน "

ซึ่งจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ช่วยบำรุงสายตา ลดอาการติดเชื้อและอักเสบในระบบทางเดินอาหาร และในน้ำฉ่ำ ๆ ที่อยู่ในเนื้อของแตงโม ยังช่วยขับปัสสาวะ บำรุงผิวพรรณและเส้นผสมให้แข็งแรงเงางามไปในตัว ( มิน่าล่ะตอนเด็ก ๆ แม่ถึงไม่ให้กินแตงโมเยอะตอนก่อนนอน 5555 )

ในแตงโม 100 กรัม จะมีพลังงาน 30 กิโลแคลอรี่

ค่ะ จัดว่าน้อยอีกแล้ว แต่ก็ต้องระวังนะคะ กินเยอะจะปวดปัสสาวะเอาได้ ^^


5. มะม่วง

รูปภาพ:http://kenh14cdn.com/2017/3-1491448235837.jpg

จัดเป็นผลไม้ที่ฮอตฮิตมากในช่วงหน้าร้อน มีหลายสายพันธุ์ และสามารถนำมาแปรรูป และประกอบอาหารได้หลากหลายอย่าง ใช่แล้วค่ะ เรากำลังกล่าวถึง

" มะม่วง "

นั่นเอง แม้จะเป็นผลไม้ที่หลายคนบอกว่ากินแล้วอ้วน แป้งเยอะ แต่จริง ๆ แล้วในมะม่วงก็มีสารอาหารที่ดีต่อร่างกายอยู่เหมือนเหมือน เพราะภายในมะม่วงนั้นอุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามินบี 6 วิตามินเอ วิตามินซี โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี ฯลฯ ซึ่งมีส่วนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ริ้วรอยก่อนวัย และโรคมะเร็ง

มะม่วงในปริมาณ 100 กรัม จะให้พลังงานอยู่ที่ 76 กิโลแคลอรี่

จัดว่าสูงกว่าผลไม้ทุกชนิดที่ขายตามรถเข็น เอาเป็นว่า กินให้พอดี ๆ อย่ามากเกินไปก็เพียงพอแล้วค่ะ


6. สับปะรด

รูปภาพ:http://servingjoy.com/wp-content/uploads/2014/12/Fresh-pineapple-ready-to-be-served.jpg

มาถึงสิ่งที่มิ้วโปรดปรานมาก ( แม้ว่าจะมีหลายคนไม่ชอบเพราะบอกว่าแล้วแสบลิ้นก็ตาม ) ผลไม้สีเหลืองมีรสเปรี้ยวอมหวาน สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายทั้งอาหารคาวและของหวาน และยังเป็นที่นิยมในการนำมากินหลังจากกินข้าวเสร็จ เพราะมีสรรพคุณที่ช่วยย่อย ทำให้รู้สึกสบายท้อง

ภายใน

" สับปะรด "

มีสารอาหารมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้มีความแข็งแรง ลดอัตราการเกิดโรคมะเร็ง ทำให้เลือดลมไหลเวียนได้ดี ฯลฯ พร้อมกันนั้นยังช่วยรักษาโรคบิด โรคนิ่ว บรรเทาอาการแผลเป็นหนอง ช่วยขับประจำเดือน และขับปัสสาวะได้ ซึ่ง

ในสัปปะรด 100 กรัม ให้พลังงานอยู่ที่ 50 กิโลแคลอรี่เท่านั้น จัดว่าไม่น้อยและไม่มากเกินไป

ค่ะ


7. แคนตาลูป

รูปภาพ:https://greatist.com/sites/default/files/Cantaloupe-1236.jpg

มาถึงผลไม้ตระกูลแตงกันบ้าง

" แคนตาลูป "

เป็นที่ชื่นชอบของใครหลาย ๆ คนเพราะมีรสชาติหอมหวานชื่นใจ กินแล้วสดชื่น ซึ่งภายในแคนตาลูปนั้นก็มีสารอาหารที่ดีต่อร่างกายค่ะ ทั้งช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง รักษาระดับน้ำตาลในเลือด  บรรเทาอาการไขข้ออักเสบ สร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงผิวและสายตาให้มีสุขภาพดี ที่สำคัญยังช่วยบรรเทาความเครียดได้อีกด้วย

ใน

แคนตาลูป 100 กรัมมีพลังงาน 33 กิโลแคลอรี่

ซึ่งจัดว่าน้อยเลยทีเดียว


8. มันแกว

รูปภาพ:https://weightwise.com/wp-content/uploads/jicama-in-strips.jpg

เป็นสิ่งที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดี เพราะมีอยู่ตามรถเข็นขายผลไม้โดยทั่วไป

" มันแกว "

เป็นพืชตระกูลถั่ว เนื้อภายในมีสีขาว รสชาติคล้ายแป้ง แต่มีความฉ่ำ กรอบ กินแล้วได้ความสดชื่น มีสรรพคุณมากมายทั้งช่วยลดความอ้วน บำรุงเลือด ป้องกันท้องผูก แก้ไข้ และใช้เป็นยารักษาพิษสุราเรื้อรังได้ ( น่าจะเหมาะมากกับคนที่เป็น alcoholic นะคะ อิอิ )

ใน

มันแกว 100 กรัม ให้พลังงานเพียง 38 กิโลแคลอรี่

เท่านั้นค่ะ


10. พริกเกลือ

รูปภาพ:https://static5-th.orstatic.com/userphoto/Article/0/2X/000KUS8BBA02AF960C1707j.jpg

และเวลาที่ซื้อผลไม้เหล่านี้ สิ่งที่จะต้องมีติดมาด้วยในถุงก็คือเครื่องจิ้มอย่าง " พริกเกลือ " ค่ะ ซึ่งในพริกเกลือปริมาณ 20 กรัม จะมีพลังงานถึง 80 กิโลแคลอรี่เลยเชียวนะ!!! จัดว่าสูงทีเดียว จิ้มกินเพลิน ๆ ไม่รู้ว่ากินไปเท่าไหร่แล้ว ใครที่ไม่ได้เคร่งครัดเรื่องการควบคุมน้ำหนักมาก ก็กินให้พอดี ๆ นะคะ แต่ถ้าใครที่ต้องการไดเอทจริง ๆ ไม่จิ้มเลยจะดีที่สุด

**************************************

รู้ข้อมูล คุณประโยชน์ จำนวนพลังงานของผลไม้แต่ละชนิดที่ขายตามรถเข็นกันแล้ว ทีนี้ก็น่าจะช่วยให้สาว ๆ เลือกทานได้ง่ายขึ้นนะคะ ที่สำคัญคือถึงแม้จะเป็นของโปรด ก็ต้องทานในปริมาณที่พอดี อย่าให้มากจนเกินไป สุดท้ายก็หวังว่าสิ่งที่มิ้วนำมาฝากกันนี้จะถูกใจกันนะคะ แล้วพบกันใหม่คราวหน้า บ๊ายบายค่ะ