6 สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น ถ้าได้เป็นแฟนกับสาวๆ วง 'BNK48' ที่ลาออกจากวงแล้ว

ใครที่เป็นโอตะสาว ๆ ไอดอลกรุ๊ป' BNK48 'จะทราบกันดีว่ากฎของวงเข้มยิ่งกว่ากฎเหล็กมากเพียงใด โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัว เพื่อเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของศิลปินเองและบริษัทต้นสังกัด

เราอาจจะเห็นข่าวที่ฮือฮากันมาบ้างว่าแล้วว่า เมมเบอร์ต้องรักษากฎเข้มงวดมากเพียงใด ทำให้ไม่ง่ายเลยที่สาวๆ จะมีความรักในช่วงนี้แต่ก็ไม่ง่ายเช่นกันถ้าเมมเบอร์ " แกรด " หรือ " ลาออก " จากวงไปแล้ว แม้จะไม่มีกฎเหล็กใดๆ คุ้มครองอยู่ก็ตาม

#1 ต้องเป็นคนที่รักษากฎของวงได้ดี ไม่แพ้เมมเบอร์ BNK48

แม้ว่าแฟนเราจะแกรด/ลาออกจากวงไปแล้ว แต่ก็ต้องเคารพอดีตเพื่อนร่วมงานของแฟนเราที่ยังคงเป็นเมมเบอร์อยู่ และต้องเคารพอดีตบริษัทเก่าที่แฟนเคยสังกัดอยู่ เพื่อรักษามิตรภาพระหว่างแฟนเรากับเพื่อนของแฟน และเป็นการรักษากฎหมาย ไม่แพร่งพรายความลับของบริษัทอย่างเรื่อยเปื่อย

#2 ต้องเป็นคนที่มีความอดทนสูงมาก

แม้ภาระงานของแฟนเราจะเบาบางลงกว่าตอนที่ยังเป็นเมมเบอร์ แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าจะว่างเจอกันได้ตลอด เธออาจต้องการใช้เวลาไปกับสิ่งที่ไม่เคยได้ทำเมื่อครั้งยังเป็นเมมเบอร์ เช่น อยากนอนทั้งวัน, อยากอยู่บ้านจัดของทั้งวัน, อยากอยู่กับเพื่อน คุณก็ต้องให้เวลาเขาหน่อย อย่าไปบีบคั้น เร่งรัด หรือเอาแต่ใจว่าเขาต้องทำตามใจเราให้ได้ โปรดให้อิสระแก่เขาหน่อยนะ

#3 มีความเข้าใจในงานที่แฟนเราทำ

ถ้าแฟนเราแกรด/ลาออกจากวงเพื่อไปทำงานอื่น หรือภารกิจอื่นที่มีแนวทางต่างจาก BNK48 ก็ต้องพร้อมที่จะปรับตัวทำความเข้าใจกับเส้นทางที่แฟนเลือกเสียใหม่ อะไรที่ไม่เข้าใจให้รีบถาม อย่าคิดเองเออเอง อย่างอนในเรื่องไม่เป็นเรื่อง เช่น มัวแต่งอนว่าทำไมมีเวลาให้กันน้อยลง ทั้งที่งานปัจจุบันดูๆ ก็ไม่หนักเหมือนเมื่อก่อน แทนที่จะเข้าไปถามให้หายสงสัยและทำความเข้าใจกับการปรับตัวครั้งใหม่ของแฟนเรา

#4 เป็นที่พักพิงที่อยู่แล้วสบายใจ อบอุ่นใจ

อาจมีบ้างที่บางคนจะเข้ามาดราม่า หาเรื่องแฟนเรา ทั้งที่แฟนเราแกรด/ลาออกจากวงแล้ว เราก็ต้องเป็นที่พึ่งพิงที่อบอุ่น อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไว้ใจได้ ระบายได้ อย่าเป็นคนใจร้อน ด่ากราด หรือทำอะไรขาดสติโดยหวังแค่ปกป้องแฟนอย่างเดียว นั่นคือการแก้ปัญหาในแนว" น้ำมันราดไฟ "อาจทำให้แฟนเราลำบากใจกว่าเดิม และอาจทำให้แฟนเรามีผลกระทบต่ออดีตเพื่อนร่วมงานด้วย อยู่นิ่งๆ เป็นคนใจเย็น น่ารักกว่าเยอะ

#5 เป็นคนรักษาความลับได้ดี

ไม่เห่อจนออกนอกหน้า แพร่งพรายทุกอย่างที่แฟนเล่าให้ฟัง ไปเล่าต่อคนอื่นซะหมด ไม่อัพรูปส่วนตัวลงโซเชียล แม้ว่าพื้นที่นั้นจะตั้งค่าเป็น private ก็ตาม เราไม่มีทางรู้ได้ว่าใครนอกจากเราไว้ใจได้หรือไม่ ในเมื่อแฟนเราไว้ใจเรา เราก็อย่าทำลายความไว้ใจที่เขามีให้เรา

#5 เป็นคนสนับสนุนกันในโอกาสดี ๆ เสมอ

อย่าให้ความหึงหวงมาปิดกั้นโอกาสดี ๆ ของแฟน หากมีใครหรือบริษัทไหนเสนอทางเลือกดี ๆ และแปลกใหม่ ลองปรึกษากัน ช่วยกันคิด ช่วยกันเลือกงาน มีแฟนที่ดูดี โปรไฟล์ดี เราก็ต้องเป็นผู้สนับสนุนที่ดี ไม่ระแวง ไม่คิดมาก

#7 ไม่ตอบโต้ด้วยวิธีที่รุนแรง

เป็นเรื่องธรรมดาของโลกที่มีคนชอบ ก็ต้องมีคนเฉย ๆ หรือไม่ชอบปะปนมาด้วย หากเจอคอมเม้นท์ของใครที่ไม่เข้าท่า เจอโอตะคนไหนที่ทำกริยาไม่เหมาะสม ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของบริษัทจัดการไปเอง เราเป็นคนข้างหลัง มีสิทธิได้เพียงแค่รับฟังเวลาที่เขาระบาย และให้กำลังใจกันก็พอ ไม่ควรออกตัวแรงเพื่อปกป้องแฟน เพราะบางทีอาจเป็นการเรียกหายนะมากกว่าเดิมก็ได้

#6 ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด

สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าแฟนจะเลือกทำอะไร จะไปไหน ไปกับใคร ก็ปล่อยโอกาสให้เขาได้ทำ โดยที่มีเราเป็นกองเชียร์อยู่ห่าง ๆ อย่าลืมโฟกัสที่ตัวเองด้วยว่าในขณะที่แฟนเราแสวงหาโอกาสของเขาไปเรื่อย ๆ เราทำหน้าที่แต่ละวันของตัวเราเองได้ดีแล้วหรือยัง? อย่ารักแฟนมากในแบบที่จ้องแทบไม่กระพริบตาจนลืมดูตัวเอง ความรักที่เกินพอดี ไม่ส่งผลดีต่อกันแน่นอน รักคนอื่นได้ ก็รักตัวเองด้วย

การเป็นแฟนกับคนที่มีสถานะอะไรสักอย่างในสังคม ที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบสุด ๆ แค่รักอย่างเดียวคงน้อยไป ความเข้าใจ ความอดทน ต้องมีมากพอควร ความรักไม่ใช่เรื่องแย่ แต่ความรักต้องมาพร้อมกับปัจจัยหลายอย่างถึงจะประคองกันรอดจ้า ( อันนี้ฝากให้แง่คิดกับทุกความรัก ทุกสถานะเลย ไม่ใช่แค่ในบทความนี้อย่างเดียวนะ )