*: (=':') ::CrystalBunny:::::::::::::::::::::


ชะวิ้ง ! ~ ..แฮ่!(*≧▽≦)☆สวัสดีค่ะสาวๆ ชาวSistaCafeทุกคน ช่วงนี้เช้าๆ ขึ้นรถไฟฟ้าออกไปทำงานแล้วต้องพบกับความฟินทุกเช้าเลย หลายๆ คนขยันอาบน้ำแต่งตัวมาทำงานกลิ่นสะอาดๆ กลิ่นน้ำหอมลอยคละคลุ้งไปมาเบาๆเดินผ่านคนโน้นคนนี้ทีก็อยากจะเดินตามไปดมไปตอมเขานะ แต่กลัวโดนโบกกลับมาซะก่อน ก็ได้แต่แอบฟินอยู่คนเดียวทำไมตัวหอมกันจังเลย ~

ไหนสาวซิสคนไหนชอบน้ำหอมบ้าง ( พรึ่บพรั่บ! )สาวๆ หลายคนก็คงชอบใช่ไหมล่ะคะ เวลาที่เจอคนเดินผ่านไปแล้วเราได้กลิ่นหอมๆ ก็อยากมีกลิ่นแบบนั้นบ้างวันนี้เราก็เลยมารวบรวมข้อมูลความรู้ต่างๆ ที่เกี่ยวกับน้ำหอมมาฝากสาวๆกัน ว่าแล้วก็อย่าเสียเวลาเลยเราไปดูกันเถอะ!

•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•

มาทำความรู้จักกับประเภทของกลิ่นต่างๆ กันก่อนดีกว่า

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/86/a1/15/86a115e47d326fd87a33593d162a23c3.jpg

Floral: เป็นกลิ่นหอมจากดอกไม้ค่ะ นิยมเอามาใช้เป็นน้ำหอมกันมากๆ เช่นกลิ่น กุหลาบ มะลิ ลิลลี่ พิโอนี

Fruity: กลิ่นแบบผลไม้ หวานอมเปรี้ยว เป็นกลิ่นที่เด่นชัดมากๆ เมื่อนำมาทำเป็นน้ำหอม แต่ก็จางไวมากค่ะ

Aquatic :เป็นกลิ่นดอกไม้และสมุนไพรหลายชนิดรวมกันให้ความรู้สึกสดชื่นและเย็น สะอาดๆ สบายๆ มีความสดใสนิดหน่อย

Oriental/Amber: กลิ่นจำพวกเครื่องเทศ กลิ่นเผ็ดแบบซ่าๆ ออกหวาน ซึ่งกลิ่นจะค่อนข้างแรง แต่ก็ติดทน ที่สามารถเห็นบ่อยๆ ก็คือ Musk และ Vanilla ค่ะ

Chypre: เป็นโทนกลิ่นที่คลาสสิค หรูหรา และทำให้ดูมีอายุมากขึ้น จะออกกลิ่นแป้งๆ ผสมเคมีนิดหน่อยและติดทนนาน

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/a6/85/db/a685dbb1f8a4d1b6943ddd56d49d2168.jpg

Aldehydic/Modern: กลิ่นเหมือนไม้ และแป้งผสมกัน ทำให้ดูมีความทันสมัย เป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกหรูหรา แต่อ่อนๆ ไม่แก่เกินไป

Green/Fresh/Balsms: กลิ่นนี้จะเป็นโทนเดียวกับดอกไม้ค่ะ แต่กลิ่นจะแหลมกว่า ออกเขียวๆ นิดนึง กลิ่นใบไม้ มอส หญ้า ทำให้สดชื่น

Tobacco/Leather: กลิ่นเหมือนไม้ เป็นกลิ่นอุ่นๆ นุ่มๆ แต่ไม่หวาน กลิ่นเครื่องเทศอ่อนๆ มักถูกใช้เป็นน้ำหอมผู้ชาย

Fougere: กลิ่นสดชื่น เป็นกลิ่นพวกสมุนไพรต่างๆ เช่นกลิ่นลาเวนเดอร์ ที่เป็นกลิ่นเย็นๆ นุ่มนวลอ่อนโยน แต่ไม่หวาน

Citrus: เป็นกลิ่นเย็นๆ ซ่อนเปรี้ยวค่ะ แต่จะเปรี้ยวกว่ากลิ่นผลไม้ทั่วไป เป็นผลไม้ที่ให้รสเปรี้ยวจัดอย่าง มะนาว มะกรูด ส้ม และมีความสดชื่นมากๆ

ประโยชน์ของกลิ่นจากวัตถุดิบที่ใช้ปรุงน้ำหอม

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/21/56/b3/2156b3873c64463f5281e96b52459228.jpg

***เนื่องจากจริงๆ แล้วมีหลายสิ่งที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการปรุงน้ำหอมมีหลาย เราเลยจะขอยกตัวอย่างเฉพาะตัวที่ถูกนำมาใช้บ่อยๆ แล้วกันนะคะ

กลิ่นลาเวนเดอร์ :ลดความรู้สึกกดดันต่างๆ ทำให้รุ้สึกสบายขึ้น ประบอารมณ์และความรู้สึกให้คงที่

กลิ่นส้ม :บรรเทาความรู้สึกเศร้า ทำให้มีความสดชื่น ร่าเริงขึ้น

กลิ่นมินต์ :ทำให้สติอยู่กับเนื้อกับตัวมากขึ้น ตื่นตัว และช่วยให้สดชื่น

กลิ่นวานิลลา :ทำให้รู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย ลดความตึงเครียด

กลิ่นกุหลาบ :เสริมความมั่นใจ รู้สึกอุ่นใจ ลดความกดดันต่างๆ

กลิ่นมะลิ :ระงับความกระวนกระวายใจ ช่วยให้รู้สึกสงบนิ่งมากขึ้น

กลิ่นคาโมมายล์ :ลดความอ่อนล้า ลดความเครียด ช่วยให้ใจสงบ

กลิ่นมะกรูด :ทำให้สมองปลอดโปร่ง สดชื่อ ลดอาการตึงเครียดจากความกดดันรอบตัว

กลิ่นของน้ำหอมที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ คืออะไรกันนะ

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/81/0f/6b/810f6be4970b5f1f4466c205262c0bad.jpg

กลิ่นของน้ำหอมที่ถูกสร้างขึ้นมา จริงๆ แล้วถ้าเป็นน้ำหอมที่ดีควรจะมี 3 ระดับค่ะ ซึ่งแต่ละระดับก็จะเรียกว่า " โน้ต " อารมณ์เหมือนเป็นจังหวะของกลิ่ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แต่ละระดับก็จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ อย่างนุ่มนวล ทำให้กลิ่นน้ำหอมไม่น่าเบื่อ และสำหรับน้ำหอมที่มีกลิ่นแรงๆ ก็จะไม่ทำให้มึนหัวหรือฉุนมากเกินไปค่ะ

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/db/0e/3a/db0e3abcbbef487412b837998d78b632.jpg

ซึ่ง 3 ระดับที่ว่าก็จะถูกเรียกว่า

Top Notes, Middle Notes, Base Notes

Top Notes :เป็นกลิ่นเปิดตัวของน้ำหอม มักจะมีกลิ่นสดชื่น อย่างพวกกลิ่น Fruity หรือ Citrus อยู่ได้นานแค่ 10 – 20 นาทีแรกหลังจากที่พรมน้ำหอม

Middle Notes: เป็นกลิ่นหลักของน้ำหอม เช่น กลิ่นดอกไม้ต่างๆ หรือกลิ่นสมุนไพร ใบหญ้า อยู่ได้นาน 3 – 6 ชั่วโมง

Base Notes :เป็นกลิ่นสุดท้ายหลังจากที่น้ำหอมแห้งไปกับผิว เป็นช่วงที่กลิ่นจะเรียบๆ ไปฉุน อ่อนนุ่มกว่า 2 ระดับแรก มักจะเป็นกลิ่นเครื่องเทศอย่าง Musk วานิลลา กลิ่นไม้ต่างๆ อยู่ได้เกือบทั้งวันแล้วแต่บุคคล

*** และมีกลิ่นระดับที่ 4 Bridge ซึ่งจะเกิดขึ้นตามลักษณะกลิ่นเฉพาะตัวของผู้ใช้หลังจากที่น้ำหอมระเหยเกือบไปจนหมด และเกิดการเปลี่ยนแปลง หรือผสมไปกับกลิ่นธรรมชาติของผู้ใช้เอง เช่นเหงื่อก็มีผลทำให้กลิ่นระยะ Bridge แตกต่างออกไป

ระดับความเข้มข้นของหัวน้ำหอม

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/c4/a7/0b/c4a70bbae140887ffa5b6fad4e8f8442.jpg


ความเข้มข้นของหัวน้ำหอมจะมีผลต่อกลิ่นของน้ำหอมค่ะ ซึ่งถ้ามีปริมาณเข้มข้นมากก็จะกลิ่นแรงขึ้น และติดทนขึ้น ราคาก็จะสูงมากขึ้นด้วยโดยระดับความเข้มข้นก็จะแบ่งเป็น 5 ระดับซึ่งเราสามารถบอกกับพนักงานเวลาไปซื้อ เพื่อที่จะได้ความติดทนและความแรงของน้ำหอมตามความต้องการ โดยระดับก็มีดังนี้

รูปภาพ:

Perfume

:

มีความเข้มข้นมากที่สุดในน้ำหอม มีหัวน้ำหอมเป็นส่วนประกอบถึง 20-30%ติดทน 8 ชั่วโมงเหมาะกับคนที่ผิวแพ้ง่าย เพราะมีแอลกอฮอล์น้อย และมีราคาที่ค่อนข้างสูง

Eau De Parfume [EDP]:

เข้มข้นลองลงมาจาก Perfume เหมาะสำหรับคนแพ้ง่ายเช่นกัน แต่ความคิดทนน้อยลง ซึ่งอยู่ได้เกือบ 7 ชั่วโมงและมีราคาถูกกว่า Perfume

Eau De Toilette [EDT]

:

เป็นประเภทที่นิยมใช้มากที่สุด เห็นได้บ่อยจากเคาท์เตอร์แบรนด์ทนประมาณ 5-6 ชั่วโมง มีหลายราคาแต่ถูกกว่าแบบ EDP หลายคนมักเลือกใช้ในชีวิตประจำวันในช่วงเวลากลางวัน

Eau De Cologue [EDC]

:

เข้มข้นน้อยอยู่ได้แค่ประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า กลิ่นฟุ้ง มีแอลกอฮอล์ค่อนข้างเยอะ ค่อนข้างถูก เหมาะสำหรับการพรมระหว่างวัน

Eau Fraiche

:

กลิ่นอ่อน มีความฟุ้งกระจายอยู่ได้แค่เกือบๆ 2 ชั่วโมงไม่มีแอลกอฮอล์ หัวน้ำหอมแค่ 1-3% ผสมกับน้ำเปล่า และไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์

อาการแพ้ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากน้ำหอม

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/a1/50/78/a15078168527d0cf65bfe64090b7f536.jpg

อาการแพ้น้ำหอมอาจเกิดขึ้นได้เป็นปกติขึ้นอยู่กับปริมาณแอลกอฮอล์ในน้ำหอมและโรคภูมิแพ้ส่วนตัว อาการแพ้ทั่วๆ ไปก็อาจมีอาการไอ จาม เมื่อได้กลิ่นจากน้ำหอม แต่ในบางคนที่มีอาการแพ้รุนแรงและจำเป็นต้องเลี่ยงการใช้น้ำหอม คือคนที่มีอาการดังต่อไปนี้ค่ะ

อาการคัน :เมื่อฉีดพรมน้ำหอมตามข้อมูล ข้อพับ หรือซอกคอซึ่งเป็นส่วนที่บอกบาง ซึ่งอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ค่ะ หากมีอาการแสบๆ คันๆไม่ควรใช้ต่อค่ะ เลี่ยงการฉีดที่ผิวหนังโดยตรงแล้วฉีดใส่เสื้อแทนนะคะ

เป็นสิว :เป็นผลจากเคมีในน้ำหอม คนที่ฉีดแล้วเกิดสิวบริเวณที่ฉีดควรหยุดใช้ทันที เป็นอาการที่พบได้บ่อยสำหรับคนที่ใช้น้ำหอมเกิน 1 เดือนขึ้นไป

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/80/81/da/8081da1d281f800f67b976ccd29cb2ce.jpg

ผื่นขึ้น :มีผื่นแดงขึ้นในบริเวณที่ฉีด มีอาการคันและแสบ นบางคนแพ้มากก็เป็นตุ่มใสๆ ขึ้นด้วย ควรพบแพทย์ค่ะเพื่อเป็นการป้องกันการเกิดโรคทางผิวหนังระยะยาว

แสบตาแสบจมูก :เนื่องจากน้ำหอมมีโมเลกุลที่เล็กมาก ถ้าเป็นแบบฉีดอาจมีละอองเข้าตา หรือจมูก เกิดอาการแสบร้อนที่ตาและจมูก อาการนี้ไม่น่าเป็นหวง ควรเปลียนวิธีฉีดให้ต่ำจากหัวไหล่ค่ะ

การเลือกน้ำหอมที่เหมาะกับผิวของเรา

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/30/76/ed/3076edea05d85737e3cf22afbcff22f7.jpgรูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/55/d8/bd/55d8bd35b98c54a0c39de9c1e161b4e6.jpgรูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/30/76/ed/3076edea05d85737e3cf22afbcff22f7.jpgรูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/30/76/ed/3076edea05d85737e3cf22afbcff22f7.jpgรูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/30/76/ed/3076edea05d85737e3cf22afbcff22f7.jpg

ผิวมัน :คนที่มีสภาพผิวที่มัน มีน้ำมันที่ผิวมาช่วยทำให้ชุ่มชื้นตลอดเวลาถือเป็นสภาพผิวที่เหมาะกับการใช้น้ำหอมมากค่ะ ทำให้กลิ่นน้ำหอมกระจายตัวได้ดีไม่จำเป้นต้องใช้น้ำหอมที่เข้มข้น และไม่เกิดการแพ้ง่าย ควรเลือกใช้น้ำหอมกลิ่นอ่อนๆ อย่าง Eau de Toilette หรือ Eau de Cologne ก็พอแล้วค่ะ

ผิวแห้ง :ใครที่ผิวแห้งอาจต้องระวังการใช้น้ำหอมที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์สูงสักนิด และเนื่องจากผิวแห้งจะทำให้กลิ่นน้ำหอมติดไม่ทนก็ควรเลือกน้ำหอมที่มีเปอร์เซ็นต์ของหัวน้ำหอมสูงหน่อย อย่าง Eau de Parfum อาจใช้ Eau de Toilette ในช่วงกลางวันแต่ควรพกแบบพกพาฉีดระหว่างวันบ่อยๆ ค่ะ

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/cb/94/be/cb94be8d113cbc7955cc298a78c69cd9.jpg

ผิวชื้นเหงื่อออกง่าย :เป็นสภาพผิวที่อาจเกิดการแพ้น้ำหอมได้ง่ายๆ เพราะเวลาที่เหงื่อออกจะทำใหรู้ขุมขนของเรากว้างขึ้น น้ำหอมที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์จะทำให้เกิดการระคายเคืองที่ผิว แสบร้อน ควรใช้น้ำห้องแบบ Eau de Parfume ฉีดแค่ข้อมือหรือต้นคอ หรือเลือกใช้เป็น Body mist แทนค่ะ

ทริคเล็กๆ สำหรับความหอม ได้กลิ่นแล้วต้องทัก เผลอรักทันทีทีได้ไกล้

เลือกตามไลฟ์สไตล์ :


ถามตัวเองก่อนค่ะว่า ทุกวันนี้เราทำอะไรบ้าง ต้องพบปะผู้คน มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลาไหม หรือนั่งอยู่ในห้องแอร์เฉยๆถ้าไลฟ์สไตล์ต้องออกกลางแจ้งเจอผู้คนตลอดเวลาก็ควรใช้กลิ่นที่เพิ่มความสดชื่นอย่าง Fruity  Aquatic หรือ Citrusเพราะเป็นกลิ่นที่เหมาะกับอากาศร้อนๆ บ้านเรา ระหว่างวันเหงื่อออกก็ไม่ทำให้คนรอบข้างมึน

แต่ถ้านั่งเฉยๆ อยู่ในห้องแอร์ไม่ค่อยขยับไปไหนก็สามารถเลือกกลิ่นหวานๆพวก Floral Amber กลิ่นวานิลลา กลิ่นมักส์เลือกใช้ได้ตามใจชอบเลยค่ะ เพราะกลิ่นพวกนี้จะเป็นกลิ่นโทนอุ่น ยิ่งอยู่ในอากาสเย็นๆ ก็จะติดทนมากขึ้น

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/46/82/55/468255361304c1c7d960cd4df00144f0.jpg

ความชอบเริ่มต้นจากตัวเองก่อน :

ถามตัวเองก่อนว่ากลิ่นแบบไหนที่เราอยากได้กลิ่น แบบไหนที่คิดว่าคนรอบข้างน่าจะชอบ บุคลิกคนรอบข้างที่เราต้องพบปะเป็นแบบไหน อายุเท่าไร ลองซื้อแบบเทสเตอร์เล็กๆ มาทดลองก่อน หรือไปขอฉีดตามเคาท์เตอร์ก่อนก็ได้ค่ะ เพื่อที่จะได้รู้ว่ากลิ่นนี้เหมาะกับเราหรือไม่ ดมเองแล้วไม่มึนก็ใช้ได้แล้วค่ะ ถ้าไม่แน่ใจก็ควรเลือกแบบที่เป็น EDTทั้งนี้ก็ฉีดพรมแค่ 2-3 ครั้ง ให้ห่างจากตัว

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/a4/8e/ab/a48eabd0464454b20164e024997e3ac5.jpg

ทริคความหอมแบบเอกลักษณ์ :การใช้น้ำหอมไม่ควรใช้ร่วมกับโลชั่นที่มีกลิ่นแรง หรือมีความโดดเด่นอย่างโลชั่นผลไม้ควรใช้โลชั่นที่มีกลิ่นเดียวกันกับ Base noteของน้ำหอมอย่างกลิ่นมักส์ กลิ่นวานิลลา หรือพวกโลชั่นกลิ่นเด็ก กลิ่นอ่อนๆ

ก่อนฉีดไม่ควรปล่อยให้ผิวแห้งค่ะควรหยดออยล์สัก 1-2 หยดหลังอาบน้ำ ทั้งนี้ความสะอาดของร่างกายมีผลต่อกลิ่นของน้ำหอมระยะที่ 3 และ 4เลี่ยงการกินอาหารที่มีกลิ่นอย่างกระเทียมหรือหอมบ่อยๆ ของดองก็ไม่ควร เน้นกินผักผลไม้ เพราะกลิ่นเหงื่อของเราก็มาจากอาหารที่เรากินเข้าไปนี่แหละค่ะ

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/ba/6e/ad/ba6ead8042789d59dc5eda101b5fdb17.jpg

•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•

การฉีดน้ำหอมเนี่ย ไม่ใช่เรื่องยากและก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยใช่ไหมคะ จะซื้อน้ำหอมแต่ละทีก็ต้องมานั่งคิดอีกว่าจะใช้ได้บ่อยไหม ซื้อมาจะพังหรือเปล่า คนรอบข้างจะด่าไหม ซึ่งถ้าเลือกถูกนอกจากจะช่วยเสริมบุคลิกให้น่าเข้าไกล้และน่าค้นหาแล้ว กลิ่นต่างๆ จากน้ำหอมก็มีผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของคนรอบข้างด้วยค่ะ รวมไปถึงตัวเองด้วยนะสำหรับสาวคนไหนที่เริ่มต้นฉีดน้ำหอม แต่กลัวเลือกซื้อที่เหมาะกับตัวเองไม่ถูกก็หวังว่าข้อมูลที่นำมาฝากสาวๆ จะช่วยให้สาวๆ เลือกซื้อน้ำหอมที่เข้ากับตัวเองได้นะคะ สำหรับวันนี้ก็คงต้องขอปิดคัมภีร์น้ำหอมไว้แต่เพียงเท่านี้ ไว้วันหลังจากเอาทริคการฉีดน้ำหอมต่างๆ มาฝากอีกนะคะ อย่าลืมติดตามกันน้า