สิวแพ้ภัยธรรมชาติ! 4 วิธี แก้ปัญหา "หน้าเป็นสิว" ผิวเนียนใสด้วยธรรมชาติ!
ปัญหาสิวๆ ที่ไม่ใช่ปัญหาสิวๆ อย่าเพิ่งงง เพราะมันเป็นเรื่องสิวๆ!
เผยแพร่: 31 ก.ค. 2561 11:28 น.
Views: 7,179
รหัสบทความ: 52143
เรื่องสิวๆ ใครบอกว่าเป็นเรื่องสิวๆ! มันไม่ได้สิวๆ อย่างที่คิดเล้ย....( พอ! )
สำหรับใครที่หน้าเป็นสิว อาจจะรู้สึกน้อยอก น้อยใจ ว่าทำไมผิวของเราถึงต้องเป็นสิวด้วยเนี่ย!?
อยากจะเห็นหน้าตัวเองตอนเนียนใสไร้สิวจริงๆ เลย
ดูจากหน้าแล้ว ถ้าไม่มีสิวน่าจะสวยเข้าขั้นเลยนะเอ้อ!
สิวจริงๆ แล้วก็จัดเป็นปัญหาผิวที่เห็นได้ง่ายเหมือนกันนะแถมถึงแม้จะเป็นสิวแค่บนหน้า แต่ก็มีผลกระทบต่อชีวิตเราไปมากกว่าครึ่ง จะทำอะไรก็ต้องมาติดเรื่องสิวไม่มั่นใจ จะแต่งสวยเต็มที่ก็ไม่กล้า เพราะพอแต่งเยอะ แล้วล้างออกไม่ดี ก็จะกระตุ้นให้ผิวเป็นสิวหนักกว่าเดิมอีก
บางคนก็หันไปพึ่งสารเคมี ซึ่งอาจจะเสียงให้เกิดความระคายเคืองมากกว่าเก่า และผลที่ตามมาก็คือสิวเห่อจ้าเพราะบางคนอาจจะไม่รู้ไงว่า สารที่เราใช้ไปเนี่ยเราแพ้รึเปล่าดังนั้นเพื่อความปลอดภัย วันนี้เราจึงนำวิธีรักษาสิวด้วยวิถีธรรมชาติมาฝากกันจ้า
4 วิธี แก้ปัญหาสิว ให้ผิวเนียนใส ด้วยธรรมชาติ
1. แต้มสิวด้วย Tea tree oil
Tea tree oil เป็นสารที่สกัดมาจากใบของต้นMelaleuca alternifoliaซึงเป็นพืชท้องถิ่นจากประเทศออสเตรเลียโดยเป็นที่รู้จักกันดีว่า สามารถสู้กับแบคทีเรีย และช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนังได้โดยเฉพาะTea tree oil ที่สามารถสู้กับP. acnesและS. epidermidisซึ่งจัดเป็นแบคทีเรีย 2 ชนิด ที่ทำให้เกิดสิว
จากงานวิจัยพบว่า 5% ของเจล Tea tree oil สามารถให้ผลในการลดแผลจากสิว มากกว่ายาหลอกถึง 4 เท่า และ 6 เท่า ในการลดการแพร่ของสิว นอกจากนี้ยังมีอีกงานวิจัยหนึ่งที่กล่าวว่าเพียง Tea tree oil 5% จะมีผลดีในการลดสิวเทียบเท่ากับโลชั่นที่มีส่วนประกอบของ benzoyl peroxide 5%ซึ่งจัดเป็นยาที่ใช้ในการรักษาสิวโดยเฉพาะแถมยังมีผลข้างเคียงน้อยกว่าด้วย เช่นอาการผิวแห้ง แสบผิว หรือระคายเคือง ที่อาจจะได้จากการใช้ benzoyl peroxide
แต่ก่อนจะใช้ต้องรู้ข้อควรระวังไว้ด้วยว่า
Tea tree oil เป็นสารที่ค่อนข้างเข้มข้น ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคือง หรือผิวแดงได้
ถ้าหากใช้ทาตรงๆ ลงบนผิว
ดังนั้นควรจะผสมน้ำ หรือน้ำมันตัวพา เพื่อให้เจือจางมากยิ่งขึ้น
วิธีใช้ Tea Tree Oil เพื่อรักษาสิว
1. ผสม Tea Tree Oil 1 ส่วน : น้ำ 9 ส่วน
2. นำสำลีมาจุ่มยา จากนั้นค่อยๆ แตะลงไปบนสิว
3. หากใครต้องการบำรุงผิว ก็ตามด้วยการทามอยส์เจอไรเซอร์ก็ได้
4. ทำแบบนี้อย่างน้อย 1 - 2 ครั้ง ต่อวัน ตามต้องการ
2. แต้มสิวด้วยน้ำมันหอมระเหย
นอกจาก Tea Tree Oil แล้ว ก็ยังมีน้ำมันหอมระเหยอีกหลายๆ ชนิด ที่มีสารที่ออกฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย และต้านการอักเสบซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องสิวได้อย่างรวดเร็วโดยเฉพาะน้ำมันหอมระเหย ชินนามอน, กุหลาบ, ลาเวนเดอร์ และกานพลูสามารถใช้เพื่อรักษาสิวที่เกิดจากแบคทีเรีย ที่เรียกว่าS. epidermidisและP. acnesหรือน้ำมันหอมระเหยโรสแมรี่ และตะไคร้ก็สามารถใช้ยับยั้งP. acnesได้เช่นกัน
จากงานวิจัยบางแห่ง ได้ทำการเปรียบเทียบ ความสามารถในการต่อสู้กับสิว ระหว่าง น้ำมันยี่หร่า, benzoyl peroxide 10% และยาหลอก ซึ่งผลที่ออกมาคือน้ำมันยี่หร่าให้ผลดีกว่า benzoyl peroxide ซะอีก
นอกจากนี้งานวิจัยยังพบว่าเจลที่มีส่วนประกอบของ กรดแอซีติก, ส้ม และน้ำมันหอมระเหยโหระพา สามารถให้ผลในการรักษาสิวได้ดีมากขึ้นถึง 75%
ก็เหมือนกับ Tea tree oil น้ำมันหอมระเหยเหล่านี้ค่อนข้างมีความเข้มค่อน และอาจจะก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวได้เช่นกัน หากแต้มลงตรงๆ โดยไม่มีการเจือจาง
วิธีใช้น้ำมันหอมระเหยเพื่อรักษาสิว
1. ผสม น้ำมันหอมระเหย 1 ส่วน : น้ำ 9 ส่วน
2. ใช้สำลีจุ่มไปที่ยา แล้วแต้มไปที่สิวที่ต้องการรักษา
3. หากต้องการบำรุงผิว สามารถลงมอยส์เจอไรเซอร์ตามหลังได้
4. ควรแต้ม 1 - 2 ครั้ง ต่อวัน ตามต้องการ
3. รักษาผิวเป็นสิวด้วยชาเขียว
เดี๋ยวนี้คนนิยมหันมาดื่มชาเขียวกันมากขึ้น เพราะประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพอันมหาศาลของชาเขียว ซึ่งแน่นอนว่าเป็นชาเขียวชงสดนะจ๊ะ ไม่ใช่ชาเขียวไข่มุกแหม่..อย่าเพิ่งดีใจกันปาย.... แต่นอกจากกินแล้วดีต่อสุขภาพแล้วหากเอามาทาผิวก็ยังดีต่อผิวเช่นกันนะจ๊ะ! เนื่องจากชาเขียวนั้นอุดมไปด้วยสานฟลาโวนอยด์ และแทนนินซึ่งเป็นที่รู้ในวงกว้างว่าสามารถต่อสู้กับอาการอักเสบ และแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหุตของสิวได้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีสารแอนตี้ออกซิเดนท์ EGCG ซึ่งสามารถระงับการอักเสบ ลดการผลิตน้ำมัน และลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียP. acnesสำหรับคนที่มีผิวเป็นสิวอีกด้วย จากการวิจัยโดยตรงของผู้ที่เป็นสิว พบว่าหากเราทาสารสกัดชาเขียว เพียง 2 - 3% ลงไปบนผิว จะสามารถลดการผลิตน้ำมัน และลดการเกิดสิวได้จริง
เดี๋ยวนี้มีไอเทมสกินแคร์มากมาย ที่มีส่วนผสมของชาเขียวแต่จริงๆ แล้ว เราเองก็สามารถทำยารักษาสิวจากชาเขียวด้วยตัวเองได้ด้วยเช่นกันนะ
วิธีรักษาสิวด้วยชาเขียว
1. แช่ชาเขียวลงไปในน้ำเดือดสัก 3 - 4 นาที
2. ปล่อยจนกว่าน้ำชาจะเย็น
3. เมื่อเย็นแล้วนำมาทาที่หน้า ด้วยการเทลงบนสำลีแล้วค่อยๆ แตะ หรือจะใส่ขวดสเปรย์ แล้วค่อยสเปรย์ฉีดลงไปก็ได้เช่นกัน
4. ทิ้งไว้ 10 นาที หรือจะทิ้งข้ามคืนก็ได้ ถ้าหากต้องการเก็บไว้ใช้ต่อ สามารถแช่เย็นไว้ได้ถึง 2 อาทิตย์
4. รักษาสิวด้วยว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้ คือพืชเมืองร้อนที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมในการนำมาใช้ในด้านสกินแคร์ เพราะส่วนวุ้นของมันมีฤทธิ์เป็นยาที่ดีต่อผิวพรรณหากเราทาวุ้นว่านหางจระเข้ลงบนผิว จะช่วยต้านแบคทีเรีย, ลดการระคายเคือง อีกทั้งยังรักษารอยแผลให้หายได้ไวขึ้นอีกด้วยเพราะแบบนี้แหละ ว่านหางจระเข้ ถึงได้ถูกนำไปเป็นนางเอกในสกินแคร์หลายๆ ชนิดไงล่ะจ๊ะ
ในว่านหางจะประกอบไปด้วย lupeol, กรด Salicylic, Urea nitrogen, กรดซินนามิก, ฟีนอล และกำมะถัน ซึ่งช่วยยับยั้งแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวซึ่งมีงานวิจัยได้พิสูจน์ว่า เพียงใช้ครีมรักษาสิว Tretinoin พร้อมว่านหางจระเข้เพียง 50% ก็จะช่วยลดจำนวนสิว และให้ผลในการรักษาสิวได้ดีกว่าใช้ครีมเดี่ยวๆแต่อย่างไรก็ตามการใช้ว่านหางเพียงเดี่ยวๆ จะไม่ค่อยได้ผล ควรใช้ควบคู่กับน้ำมันหอมระเหยโหระพา หรือไม่ก็ยารักษาสิว Tretinoin
วิธีใช้ว่านหางจระเข้เพื่อรักษาสิว
1. ขูดวุ้นออกจากต้นว่านหางด้วยช้อน
2. ทาวุ้นว่านหางสะอาด ไปพร้อมๆ กับการทายารักษาสิว ซึ่งอาจจะใช้วิธีผสมวุ้นว่านหางเข้ากับยา ก่อนนำไปทาผิวก็ได้ หรือจะทายารักษาสิวก่อน แล้วค่อยตามด้วยวุ้นว่านหางจระเข้ก็ได้เช่นกัน
3. ทำซ้ำ 1 - 2 ครั้ง ต่อวัน ตามต้องการ
ถ้าไม่สามารถหาซื้อใบว่านหางได้
ก็สามารถใช้เจลว่านหางจระเข้ได้เช่นกัน แต่ว่าต้องแน่ใจว่าเป็นเจลว่านหางธรรมชาติ ไม่มีสารอื่นเจือปนนะจ๊ะ
สรุปแล้วว่านหางจระเข้สามารถช่วยรักษาอาการผิวไหม้, รักษาแผล และต้านการอักเสบได้
แต่สำหรับในเรื่องสิวแล้ว แม้ใช้เดี่ยวๆ จะได้ผล
แต่หากใช้ควบคู่กับยารักษาสิวจะให้ผลไวและชัดกว่าใช้เพียงแค่ว่านหางจระเข้
แม้ว่าสิวจะเป็นปัญหาผิวที่หลายๆ คนอยากจะกำจัดออกไปให้ไวที่สุด แต่ผิวหน้าก็ต้องการความปลอดภัย ดังนั้นไม่ควรผลีผลามหาซื้อยาแรงๆ เพื่อหวังความเร็ว
แต่ควรใจเย็น เพื่อให้ผิวเราหายจากสิว อย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยไม่มีผลข้างเคียงจะดีที่สุดนะจ๊ะ
และการรักษาสิวจากธรรมชาตินี่แหละคือคำตอบที่ปลอดภัยที่สุดเนอะ!