สิว! เป็นปัญหาหนักอกหนักใจของวัยรุ่นไทยทุกยุคทุกเจนเนอเรชั่น ก็เมืองไทยมันร้อนเหงื่อแตกซะขนาดนี้ มลพิษฝุ่นควัน ก็มากมาย ยิ่งบวกกับฮอร์โมนในวัยว้าวุ่น มันยิ่งง่ายเหลือเกินนนน ที่จะมีสิว! คลีนิกความงาม สถาบันรักษาสิวทั้งหลาย ก็แพงงมากกกก แล้ววัยรุ่นวัยเรียนกระเป๋าแบนจะเอากะตังค์ที่ไหนไปหาหมอล่ะคะ แล้วบางคลีนิกยังเลี้ยงไข้ ต้องหาตลอดไป จ่ายตังค์ตลอดกาลอีกตะหาก ถ้าหาคลีนิกแล้วหายก็ดีไป แต่ถ้าลงทุนจ่ายแพงแล้วยังไม่หาย หน้าเห่อกว่าเดิม โอ้ยยย ร้องไห้หนักมากเวอร์ TT_TT

แต่ไม่เป็นไร ชะนีไทยตัวเลือกเยอะ มีสติ คิดก่อนจ่าย

ทั้งหมดนี้คือรายการไอเทมรักษาสิว

จากประสบการณ์ส่วนตัว

ที่ถูกจริง! ดีจริง! สิวหายจริงๆ!มาบอกกล่าวให้กับสาวๆ ทุกคนตาม 6 สเต็ปการดูแลผิวหน้า ซึ่งใช้เงินไม่ถึง 500 บาท!


1) ก่อนล้างหน้า

Benzac AC ราคา ประมาณ 120 บาท (หลอดเล็ก)

รูปภาพ:http://static.weloveshopping.com/shop/client/000042/skinbeautystore/Benzac5_60g.jpg

ไอเทมสำคัญที่ขาดไม่ได้

Benzac AC

ทาก่อนล้างหน้า รักษาสิวอุดตันได้ดีมากกๆๆ ครั้งเดียวเห็นเลยว่าสิวยุบ ดีขึ้น ตัวนี้จะมี 2.5% กับ 5% ตามระดับความรุนแรง (พูดซะน่ากลัว) ส่วนตัวใช้ 5% เพราะอยากเห็นผลไวๆ และหน้าไม่ค่อยจะแพ้อะไร แต่ถ้าใครผิวแพ้ง่ายเริ่มใช้จาก 2.5% ดีกว่า แล้วพอผิวเริ่มชิน แล้วค่อยขยับมาเป็น 5% หรือว่าใช้ 2.5% เห็นผลดีอยู่แล้ว ก็ใช้ต่อไป เพราะว่าตัวยายิ่งแรงก็ไม่ใช่ว่าจะยิ่งดี เอาที่เหมาะกับผิวหน้านะคะ

ปกติเราจะทาบางๆทิ้งไว้บริเวณสิวประมาณ 10-20 นาที จนพอรู้สึกว่าระคายเคืองตรงที่ทานิดๆ ก็จะลุกไปล้างหน้าออกด้วยที่ล้างหน้าปกติค่ะ  หลังๆ หน้าเริ่มชิน ทิ้งไว้นานก็ไม่รู้สึกอะไรแล้ว บางทีลืมทาทิ้งไว้เป็นเกือบชั่วโมงก็มี แต่ไม่แนะนำนะคะ เพราะตัวนี้ค่อนข้างแรงพอสมควร

เอฟเฟคหลังการใช้ หน้าอาจจะแห้งลอกเป็นขุย โดยเฉพาะในหน้าหนาวที่อากาศแห้งอยู่แล้ว ถ้าใครมีอาการนี้ ควรลดเปอร์เซนต์ความเข้มข้นของยาลง หรือทาให้บางลง และไม่ต้องทาทิ้งไว้นาน


2) ล้างหน้า

Physiogel Cleanser ราคา 115 บาท (100 ml)

รูปภาพ:http://blog.nuffnang.co.th/wp-content/uploads/2014/11/Physiogel-Cleanser-100ml.jpg

Cetaphil Cleanser ราคา 170 บาท (118 ml)

รูปภาพ:http://www.thaibio.com/image/data/Cetaphil/Cetaphil_Gentle_Skin_Cleanser_236ml_1366301791.png.jpg

Acne Aid Liquid Cleanser ราคา 140 บาท (100 ml)

รูปภาพ:http://ci.lnwfile.com/jnftac.png

ครีมล้างหน้าหรือเจลล้างหน้า มีให้เลือก 3 ตัว ทุกตัวเป็นแบบอ่อนโยนสำหรับผิวที่กำลังอักเสบจากการเป็นสิว และแน่นอนว่าไม่ก่อให้เกิดสิวใหม่ เราใช้

acne aid

ขวดสีแดงตอนที่สิวกำลังเห่อ เพราะตัวนี้จะมีตัวยาที่รักษาสิวด้วย แต่พอรักษาจนสิวเริ่มหาย เราก็เปลี่ยนไปใช้

physiogel

ที่เป็นแบบอ่อนโยนค่ะ ส่วน

cetaphil

หลายคนบอกว่าเหมือนกับ physiogel เลย เนื้อเหมือนกันเปี๊ยบ ก็ลองตัดสินใจกันดูนะ


3) มาส์กรักษาสิว

Mint Julep Masque ราคา 165 บาท

รูปภาพ:http://www.painthorsestallions.com/wp-content/uploads/2014/04/MintJulepMasque.jpg

ผงพิเศษ ตราร่มชูชีพ ราคา 10 บาท

รูปภาพ:http://www.lovepisespowder.com/wp-content/uploads/2011/07/powder7.jpg

ขั้นตอนนี้ การมาส์กหรือการพอกหน้ารักษาสิว ใครจะข้ามขั้นตอนนี้ก็ได้ค่ะ เหมือนเป็นตัวเสริมมากกว่า แต่เรายอมเสียเวลามาส์กหน้าเพื่อให้สิวหายไวๆ ดีกว่า ที่เอามาแนะนำทั้งสองอันมันดีเริ่ดมากกก พอกปุ๊บสิวก็ยุบอักเสบน้อยลงเลย แล้วใครจะเชื่อ

ผงพิเศษ ตราร่มชูชีพ

ราคาแค่ 10 บาท!! แต่สรรพคุณดีมาก เราพอกสิวที่กำลังอักเสบแดงๆ เป่งๆ กับใช้พอกตอนที่มือซนเพิ่งแกะสิวเสร็จใหม่ๆ แผลจะแห้งไวเลย กับอีกตัวคือ มินท์มาส์กหรือ

Mint Julep Masque

หลังๆ จะใช้ตัวนี้ เพราะว่าผงพิเศษมันแอบใช้ยาก แต่ความดีของทั้งคู่สูสีเลยล่ะ


4) ยาแต้มสิว

Clinda M ราคา 40 บาท (15 ml)

รูปภาพ:http://www.weloveshopping.com/shop/girlieglory/60001.jpg

สำหรับยาแต้มสิว ขอเชียร์

Clinda M

ตัวเดียว เคยใช้มาหลายยี่ห้อ แต่แทบไม่มีผลอะไรเลย แต่สำหรับ Clinda M ช่วยได้ ถูกด้วย ช่วงที่สิวเห่อนี่แทบจะเทลงบนหน้า ฮ่าๆๆ ผลิตภัณฑ์เป็นน้ำเหลวใสๆเหมือนน้ำเปล่า แรกๆก็ไม่ค่อยชิน ส่วน Clinda M Gel ที่เป็นเนื้อเจล อันนั้นส่วนตัวใช้แล้วไม่ได้ผลเท่าแบบน้ำ


5) ยาทา

Retin A Cream

รูปภาพ:http://www.drugboxs.com/31-thickbox_default/buy-retin-a-gel-online-extra-strength-005-retinol-a-intensive-acne-treatment-20g.jpg

Retin A

ตัวนี้เป็นยาสำคัญเลยในการรักษาสิวของเรา สิวเกลี้ยงแล้วหน้าก็ขาวใสด้วย แต่มันอันตรายแล้วก็ต้องใช้ระวังมากกก เพราะเป็นยากรดวิตามินเอ มันทำให้หน้าเราบาง และหน้าจะแพ้ระคายเคืองง่ายมาก ถ้าใช้ไม่ดี มีหน้าไหม้ได้นะจ้ะ

เรตินเอ จะมี 0.025% 0.05% 0.1% ขอแนะนำเลยว่าคนไม่เคยใช้ ให้เริ่มจาก 0.025% หลอดเล็กก่อน ถ้าไม่ได้ผลค่อยเพิ่มความเข้มข้น ส่วนตัวเราใช้ 0.05% ขั้นตอนการใช้คือทาบางๆ มากๆ ตอนหน้าแห้ง ตรงบริเวณที่เป็นสิว หลีกเลี่ยงไม่ให้โดนสิวอักเสบ หลายคนบอกว่าใช้แรกๆ มันจะผลักสิวใต้ผิวหนังเราออกมา แต่เราไม่เป็นนะ หรืออาจจะเพราะสิวเห่อมากอยู่แล้ว เลยดูไม่ออก 5555

ให้ใช้แค่ตอนกลางคืน แล้วตอนเช้าก็ทาครีมกันแดดด้วย

เพราะตอนใช้เรตินเอ หน้าจะบอบบางมากกก

ที่สำคัญ

ห้ามใช้คู่กับพวก exfoliate ผลัดเซลล์ผิว เช่น BHA AHA สครับต่างๆ

งดไปเลย หรือ

พวกที่เป็นกรด เช่น วิตามินซี

เพราะหน้าเรากำลังบางมากๆ อยู่แล้ว ให้ใช้ครีมที่อ่อนโยนมากๆ และมีมอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อบำรุง เราเคยเผลอใช้วิตามินซีทาตามไป แสบหน้ามากกกก หน้าแดงมาก วิ่งไปล้างแทบไม่ทัน ไม่ใช่ว่าเราแพ้ครีมวิตามินซี แต่เป็นเพราะว่าหน้าเรากำลังอ่อนแอ ช่วงที่ใช้จะมีหน้าแห้ง ลอก และแพ้ง่าย ถ้าเป็นมากหรือมีอาการแสบๆ หน้า คันหน้ายิบๆ ควรลดปริมาณ ลดความเข้มข้น ทาให้บางลง หรือเปลี่ยนเป็นใช้วันเว้นวัน

เรตินเอ ไม่ต้องใช้นานต่อเนื่อง เพราะอย่างที่บอกว่ามันทำให้หน้าบาง ส่วนตัวใช้ทุกวันเฉพาะกลางคืน ใช้ไปสักประมาณสองเดือนหรือจนหมดหลอดเล็ก ก็หยุดใช้ กลับมาดูแลผิวให้แข็งแรง แต่หน้าใสมาก ปลื้มมม สิวไม่มาเยี่ยมอีกเลย มีแค่สิวประจำเดือนนิดหน่อยเท่านั้นเอง


6) ครีมบำรุงเพื่อความชุ่มชื้น

Medmaker ราคา 80 บาท (50 กรัม)

รูปภาพ:http://thumbs4.picclick.com/d/l400/pict/251530109735_/MEDMAKER-VITAMIN-E-CREAM-5-500-IU-For-Extension.jpg

Vitara E ราคา 120 บาท (50 กรัม)

รูปภาพ:https://www.smartpower.in.th/390-thickbox/vitara-e-natural-moisturizing-cream-50g.jpg

Smooth E Cream

รูปภาพ:http://www.healthshop2u.com/image/cache/data/1246004472-500x500.jpg

Vitara Aloe Vera 99.5% ราคา 140 บาท (120 กรัม)

รูปภาพ:http://n.lnwfile.com/ew85e1.png

ครีมบำรุงมีเยอะมาก หลายชนิด หลายยี่ห้อ ก็ลองเปลี่ยนใช้หลายๆ อัน แต่เลือกที่เป็นวิตามินอี หรือว่านหางจระเข้ และเลือกที่ความเข้มข้นเยอะๆ สลับใช้แล้วแต่อารมณ์ สำหรับวิตามินอี

MedMaker

กับ

Vitara E

เหมือนกันเลย ไวทาร่าอีจะผสมโจโจ้บาออยด้วย ส่วนเมดเมเกอร์ปริมาณวิตามินอีเข้มข้น ทั้งสองอันค่อนข้างข้น แต่เหมือนเมดเมเกอร์จะซึมไวกว่านิดนึง ซื้อใช้ตามอารมณ์ ส่วน

สมูทอี

จะแพงหน่อย แต่ซึมเร็วกว่า ไม่ข้นเท่าสองอันแรก จะไว้ใช้ตอนที่ไม่ได้ใช้เรตินเอ เพราะว่าเอาไม่อยู่

เจลว่านหางจระเข้มีหลายยี่ห้อเหมือนกัน แต่ของไวทาร่าซื้อง่ายดีค่ะ เจลอโลแบบนี้ก็จะซึมง่ายกว่า สบายหน้ากว่าพวกวิตามินอีแน่นอน แต่ส่วนตัวรู้สึกว่ามันไม่เข้มข้นป่าวฟะ ก็เลยไม่ค่อยได้ใช้ จะใช้ตอนที่หน้าแพ้แสบมากๆ หรือตอนที่เพิ่งทำเลเซอร์มา มันทาง่ายดี สบายๆ เย็นๆ ไม่ต้องถูหน้าเยอะ


จัดเซตรักษาสิว แบบประหยัด ได้ผลจริง

รูปภาพ:

เน้นงบจำกัดราคาประหยัดตอนที่สิวกำลังเห่อ

benzac (120-) + acne aid (140-) + ผงพิเศษ (10-) + Clinda M (40-) + Retin A (100-) + Medmaker (80-) =490 บาท

ตอนที่เรารักษาสิวก็ใช้ตามนี้แค่เปลี่ยนผงพิเศษเป็นมิ้นมาส์ก ที่เหลือตามนี้เป๊ะๆ

ถ้างบจำกัดราคาประหยัด ไม่เน้นรักษาสิว แต่เมนเทนดูแลผิวไม่ให้เกิดสิวแบบเบาๆ เหลือ 3 สเต็ป

physio gel (110-) + Clinda M (40-) เผื่อไว้แต้มสิวหลงเล็กๆ + ว่านหางอโล (140-) =

290 บาท

ทั้ง 6 ขั้นตอนนี้ ของทุกชิ้นหาซื้อได้ที่ร้านขายยาหรือบางชิ้นตามวัตสันหรือบู้ทส์ก็มีค่ะ

ลองจัดเซตเลือกตัวที่ชอบกันเองนะคะ รับรองว่าหน้าใส กระเป๋าไม่ฉีก พี่คอนเฟิร์ม!!

บทความที่เกี่ยวข้อง