หลังจากตัดสินใจได้อย่างแน่วแน่ว่า เธอจะต้องลดน้ำหนักสักที - -แผนไดเอทก็มา ทั้งควบคุมอาหาร ออกกำลังกายอย่างหนัก ในใจรู้สึกฮึกเหิมและมีแรงบันดาลใจว่าต้องผอมให้ได้

สตรอง!

แต่เดี๋ยวก่อน! ลดน้ำหนักมาเป็นเดือนแล้ว ทำไมตัวเลขบนตาชั่งขยับลงช้ามาก ก ไก่ล้านตัว ชั่งทีไรก็ท้อทุกที TTเราทำอะไรพลาดไปหรือเปล่า ทำไมไม่ผอมล่ะ ทำไมไม่ผอมมม *เริ่มสติแตก*

ใจเย็นนะคะ อ่านบทความ" 7 ความเชื่อผิดๆ ที่ทำให้ไม่ผอมสักที "กันก่อน เพื่อเช็คว่าเธอทำตามข้อใดข้อหนึ่ง ( หรือทุกข้อ ) ในที่นี้บ้างหรือเปล่า ถ้าใช่ก็รีบเฟดตัวด่วน เพราะยิ่งทำยิ่งอ้วน จะบอกให้


ไปอ่านกันได้เลย *_*


1. กินไขมันจะทำให้อ้วน

รูปภาพ:http://servingjoy.com/wp-content/uploads/2015/04/Fun-Facts-of-Almonds-2.jpg

มักเป็นความเชื่อฝังใจของสาวๆ เลยทีเดียวกับประโยคที่ว่า " กินไขมันก็ต้องอ้วนแน่นอนอยู่แล้ว! " แต่ความจริงคือ การกินอาหารประเภทไขมันไม่ได้ทำให้อ้วนขึ้นเสมอไป!

อาหารที่เป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว เช่น อโวคาโด ถั่วต่างๆ ปลาแซลมอนและน้ำมันมะกอก ควรมีอยู่เป็นประจำในมื้ออาหารทุกมื้อ ไขมันเหล่านี้มีประโยชน์มากมาย ช่วยบำรุงหัวใจ ทำให้อิ่มท้องได้นาน และไม่หิวโหยระหว่างวันอีกด้วย

ความจำเป็นอีกอย่างของไขมันคือ ช่วยดูดซึมวิตามินบางชนิดที่ละลายในน้ำไม่ได้ ( A D E K ) ซึ่งทำให้ระบบร่างกายสมดุลและสุขภาพดี รู้อย่างนี้ก็อย่ากลัวไขมันนะคะ แค่กินในปริมาณที่เหมาะสมก็พอ


2. แคลอรี่จากอาหารชนิดไหนๆ ก็เท่ากัน

รูปภาพ:https://alexandarmne.files.wordpress.com/2013/05/buffet.jpg

" 500 แคลอรี่จากสเต๊กหรือสลัดผัก ก็ให้ผลกับร่างกายเหมือนกัน " ความเชื่อนี้เป็นความเชื่อที่ผิดเต็มๆ! แม้ว่าตัวเลขพลังงานจะเท่ากัน แต่ให้ผลลัพธ์กับสุขภาพต่างกัน

แม้กินแล้วอิ่มท้องเหมือนกัน แต่ประโยชน์ของสารอาหารแต่ละประเภทไม่เหมือนกัน สลัดผักจะให้ไฟเบอร์และวิตามินสูง ส่วนสเต๊กจะให้ประโยชน์จากโปรตีนและไขมัน อีกทั้งแคลอรี่จากอาหารที่มาจากธรรมชาติ ไม่ผ่านการปรุงแต่ง เช่น ผลไม้ ข้าวไม่ขัดสี เนื้อสัตว์ไม่ติดมันจะดีต่อสุขภาพมากกว่าอาหารสำเร็จรูปที่ผ่านการปรุงสีแต่งกลิ่นอย่างแน่นอนค่ะ

ลองคิดง่ายๆ ถ้าแคลอรี่ทุกอย่างเท่ากัน คงมีคนไดเอทด้วยการกินแค่เค้กวันละชิ้นแล้วล่ะ แต่ก็ไม่เคยเห็นใครกินขนมหวานแล้วผอมสักที แม้จะจำกัดพลังงานก็ตาม จริงไหมเอ่ย =w=


3. โหยหาวันกินแหลก ( cheat day )

รูปภาพ:https://alexandarmne.files.wordpress.com/2013/05/buffet.jpg

ถ้าเธอเป็นคนหนึ่งที่เข้าสู่สนาม " ไดเอท " ด้วยความทุกข์ทรมาน หักดิบ วันๆ กินแต่สลัดผักกับน้ำเปล่า เฝ้ารอวันหยุดสุปสัปดาห์เพื่อจะได้กินแหลกในวันชีทเดย์ ( cheat day ) เพื่อปรับสมดุลพลังงานในร่างกาย เมื่อถึงวันนั้นก็มุ่งหน้าเข้าร้านแฮมเบอร์เกอร์ สั่งรัวๆ จนหน้ามืด รู้ตัวอีกทีก็นั่งลูบหน้าท้องป่องๆ เสียแล้ว แบบนี้ไม่โอเคค่ะ

การเคร่งเรื่องอาหารสุดขีด และกินแหลกในทุกๆ สัปดาห์หรือทุกเดือนนั้น ทำให้เธอเกิดความคิดแง่ลบกับอาหารสุขภาพโดยไม่รู้ตัว เธอจะเอาแต่คิดว่า " ถ้าผอมเมื่อไหร่ฉันจะเลิกกินของพวกนี้ให้หมด ", " ทำไมฉันต้องมานั่งกินแต่ผักด้วยนะ " เปลี่ยนพฤติกรรมการกินทีละนิด แต่ทำได้อย่างถาวรดีกว่า ไม่ต้องเครียดกับการอด และสามารถให้รางวัลตัวเองได้บ้างอีกด้วย

แค่เปลี่ยนชนิดอาหาร ลดปริมาณอาหารลง หรืออย่างน้อยที่สุด แทรกผักผลไม้ลงไปในมื้ออาหารของเธอบ้าง ก็ถือเป็นการเปลี่ยนพฤติกรรมการกินแล้วล่ะ


4. ยิ่งกินน้อยเท่าไหร่ น้ำหนักยิ่งลดเร็วเท่านั้น

รูปภาพ:http://revolutionofthemind.org/wp-content/uploads/2014/09/image31.jpg

นี่ก็ถือเป็นความเชื่อฝังหัวของสาวๆ หลายคนเช่นเดียวกัน -.- " ยิ่งกินน้อย น้ำหนักก็ยิ่งลดเร็วสิ ฉันเห็นวันๆ นางแบบไม่กินอะไรเลย หุ่นจึงได้ผอมเพรียวขนาดนั้น! " ( นางแบบบางคนก็กินเยอะค่ะ แต่ระบบเผาผลาญของพวกเธอดีเกินมนุษย์ปกติ เรียกว่า born to be อาชีพนี้จริงๆ )

อันที่จริงแล้ว ยิ่งเธอกินน้อยลง ระบบเผาผลาญ ( เมตาบอลิซึ่ม ) ของเธอจะทำงานแย่ลงเรื่อยๆ ถ้าเป็นเครื่องยนต์ก็ช้าเป็นเต่าคลานเลยล่ะ ทั้งนี้เพราะเป็นวิธีเอาตัวรอดของร่างกายในการสะสมพลังงาน หลังจากน้ำหนักที่เป็นน้ำหายไป เธอจะลดไม่ลงอีกเลย น่ากลัวไหมล่ะ

ไม่ใช่แค่จะไม่ผอมลงเท่านั้น แต่ร่างกายของเธอจะ " โหย " อาหารอย่างหนักจนในที่สุดก็เกิดการตบะแตกรัวๆ การไดเอทไม่ใช่การอดหรือทรมานตัวเอง แต่คือการกินอาหารมีประโยชน์เพื่อทำให้ร่างกายสุขภาพดี มีพลังงานในการใช้ชีวิตประจำวันต่างหากล่ะ




5. ถ้าเผลอกินเยอะเมื่อไหร่ ทุกอย่างที่ผ่านมา " ล้มเหลว "

รูปภาพ:http://images.medicaldaily.com/sites/medicaldaily.com/files/styles/full_breakpoints_theme_medicaldaily_desktop_1x/public/2015/03/26/cheat-meal.jpg

สาวๆ บางคนก็มาสายดราม่า ท้อแท้ง่ายสุดๆ ในวันหนึ่ง เธอเผลออดใจไม่อยู่ กินเค้กชิ้นเบ้อเริ่มจนหมด เธอร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือดแล้วตัดสินใจกับตัวเองง่ายๆ ว่า " เผลอหลุดกินเยอะซะงั้น ช่างมันเถอะ กินตามใจปากต่อเลยแล้วกัน ไม่ต้องผงต้องผอมมันแล้ว! "

อย่ามีความคิดแบบสุดกู่อย่างนั้นเลย! ถ้าเธอควบคุมอาหารมาตลอด กินเยอะแค่มื้อเดียวแทบไม่สะเทือนถึงแผนไดเอทระยะยาวของเธอด้วยซ้ำ แทนที่จะปล่อยให้ตัวเองอ้วนขึ้นรัวๆ กลับไปคุมอาหารอย่างเดิมให้เร็วทีสุดดีกว่า


6. อาหารเพื่อสุขภาพ จะกินเยอะเท่าไหร่ก็ได้

รูปภาพ:http://www.bitchinnutrition.com/wp-content/uploads/2014/05/giphy1.gif

แม้จะเป็นอาหารคลีน มีแต่สารอาหารที่เป็นประโยชน์ก็เถอะ ถ้ากินเยอะๆ ไม่จำกัดปริมาณก็ทำให้อ้วนได้เหมือนกัน!

การกินอาหารเยอะๆ ในทุกมื้อ จะทำให้ขนาดกระเพาะของเธอขยายออก ทำให้เธอต้องการอาหารมาเติมเต็มความหิวเยอะขึ้น และกินเยอะขึ้นไปโดยปริยาย ยิ่งถ้าเป็นอาหารสุขภาพที่ " ไขมันต่ำ ", " น้ำตาลน้อย ", " ไร้แป้ง " จะยิ่งทำให้เธอหิวมากขึ้น เหนื่อยมากขึ้นและหน้าท้องป่องโดยไม่จำเป็น

ทางที่ดี กินอาหารปกติครบ 5 หมู่ ลดน้ำตาลและไขมัน แต่จำกัดปริมาณดีกว่า


7. ถ้าเธอกินน้อยในมื้อเช้า สามารถกินเยอะขึ้นได้ในมื้อถัดไป

รูปภาพ:http://www.skinnymom.com/wp-content/uploads/2014/01/woman-eating-pizza.jpg

สาวๆ บางคนไม่มีเวลาสนใจอาหารมื้อเช้า สาเหตุมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเพราะตื่นสายหรืองานยุ่งจนไม่มีเวลากินจึงเกิดความคิดว่า ถ้ากินมื้อเช้าน้อยๆ ก็น่าจะกินได้เยอะขึ้นในมื้อถัดไป เพราะยังไงแคลอรี่ตลอดทั้งวันก็เท่าเดิมนี่นา ถ้าเธอคิดแบบนี้ขอบอกเลยว่าผิดถนัด!

มื้อเช้าเป็นอาหารทีสำคัญที่สุดของวัน เธอควรเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสม จะดื่มแค่กาแฟหรือนมแก้วเดียวนั้นไม่เพียงพอ หลายคนไม่หิวมื้อเช้าเพราะกินมื้อดึกเยอะ ซึ่งนั่นแหละ มีผลกระทบโดยตรงกับสุขภาพ ไม่มีทางผอมแน่นอน

ถ้าอยากลดน้ำหนักอย่างได้ผล กินอาหารมื้อเช้าเยอะสักหน่อย ( แต่ไม่มากเกินไป ) เพื่อให้ร่างกายเผาผลาญและใช้พลังงานได้หมดนะคะ ^^


============================

จบลงไปแล้วกับ " 7 ความเชื่อผิดๆ ที่ทำให้ไม่ผอมสักที " สาวๆ เชื่อตามข้อไหนกันบ้างเอ่ย ถ้าไม่เข้าข่ายเลยก็ขอปรบมือชื่นชม จงพยายามต่อไป! แต่หากไม่ผอมเพราะความเชื่อเหล่านี้ รีบเปลี่ยนแปลงความคิดและทำตามวิธีแก้ไขเสีย ก่อนจะอ้วนขึ้นไปมากกว่านี้นะคะ -.-

อย่างไรก็ตาม การตั้งใจควบคุมอาหารและออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว แค่ปรับเปลี่ยนความคิดสักหน่อย เธอก็มีหุ่นสวยสุขภาพดีได้ไม่ยาก สู้ๆ ค่ะ ^____^

============================

บทความที่เกี่ยวข้อง