7 ความจริงที่เจ็บปวด กับเรื่อง 'สิวๆ' ที่เธอควรรู้ #เพราะโลกมันโหดร้ายไงล่ะ! (; ω ; )
อ่านมาเยอะแล้ว กับวิธีรักษาสิว วิธีทำความสะอาดผิวหน้า ให้ผิวใสกิ๊งต่างๆ นานา แต่รู้ไหมว่าเรื่อง 'สิวๆ' เนี่ย มันก็แอบมีมุม Dark Side ที่โหดร้ายอยู่เด้อ! ไม่เชื่อเหรอ ตามมาอ่านบทความนี้สิ -w-
เผยแพร่: 26 พ.ย. 2561 11:11 น.
Views: 3,155
รหัสบทความ: 58547
ไฮค่าาา สาวซิสทั้งหลาย (⁄ ⁄>⁄ ▽ ⁄<⁄ ⁄)สาวใสวัยมัธยม มหาลัยทั้งหลายจ๋า ปัญหาผิวที่พวกเธอกังวลที่สุดคืออะไรเอ่ย? เชื่อว่า 8 ใน 10 คงพูดถึง ' สิว ' ชัวร์ๆ เพราะตอนเราอยู่วัยนั้น สิวก็กวนใจเราตลอดเวลา หน้าแทบพัง ;__;ตอนโตเข้าวัยทำงาน ถึงรู้ว่าเรารักษาสิวแบบผิดๆ ไปหลายอย่างมาก ถึงว่าสิวไม่หาย สิวใหม่ไม่ขึ้นก็ถือว่าบุญแล้วเด้ออ
เพราะสมัยก่อน ไม่ค่อยมีเทคโนโลยี นวัตกรรม หรือข้อมูลใหม่ๆ ให้เราได้ค้นคว้า จึงทำให้ผู้ใหญ่ปัจจุบันหลายคนหน้าไม่เนียน เพราะสิวตั้งแต่อดีตทิ้งรอยแผลไว้ T^T แต่ 2018 แล้ว เธอทั้งหลายอย่าพลาดซ้ำเหมือนพวกเรา!มาอ่านบทความนี้กัน เธออาจแปลกใจก็ได้ ว่าสิ่งที่เชื่อมาทั้งชีวิต จริงๆ แล้วทำผิดมาตลอด ไปค่ะ ไปอ่านกัน!
1. ในบางครั้ง ต้องยอม 'หน้าพัง' ก่อน 'หน้าใส'
สำหรับสาวๆ ที่เป็นสิวอักเสบขั้นรุนแรง เจลแต้มสิวธรรมดาอาจเอาไม่อยู่ค่ะ! ต้องใช้สารเคมีเข้ามาช่วย ไม่ว่าจะเป็น กรดซาลิไซลิก กรดกลีซอริค กรดแลคติก หรือเรตินอล เป็นต้นสารพวกนี้จะช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งในกระบวนการรักษา สิวจะโผล่รัวๆ เต็มหน้า หรือจะเรียกว่า ' หน้าพัง ' ก็ได้แต่ขอให้สาวๆ อย่าเพิ่งกรี๊ด เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่ง เซลล์ผิวใหม่จะขึ้นมาแทนที่ สิวจะค่อยๆ หายไป ต้องยอมรับความเสี่ยงตรงจุดนี้ถ้าสาวๆ อายคนภายนอก ก็ใส่มาส์กปิดปากสะอาดๆ ซ่อนไว้ก็ได้ค่ะ แต่อย่าใส่ทั้งวันนะ จะยิ่งอับชื้นกว่าเดิม
2. 'เธอ' นั่นแหละ ที่เป็นสาเหตุว่าทำไม ดูแลผิวดีสุดๆ แล้ว หน้าก็ยังพังอยู่!
เธอเคยคิดไหมว่า ก็ดูแลผิวครบทุกวิธีแล้ว ทำไมสิวยังไม่หายสักที? หนึ่งในสาเหตุนั้นคือ ' เธออดทนไม่มากพอ ' ค่ะถึงสาวๆ จะเป็นคนใจร้อนขนาดไหน ถ้าจะลองดูแลผิวด้วยอะไรก็ตาม ถ้าไม่ใช่สารเคมีพวก BHA หรือ AHA *รออย่างน้อยสองเดือนก่อนเลิกใช้* ในเคสที่ใช้แล้วไม่เกิดอาการแพ้ใดๆ นะคะนั่นเพราะผลิตภัณฑ์บางตัว เป็นสูตรอ่อนโยน รักษาผิวในระยะยาว ต้องใช้เวลา ( สูงสุดสามเดือน ) กว่าผิวจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดดังนั้น อดทนรอนิดนึงเนอะ หน้าจะได้ใสๆ ค่า > <
3. ถ้าสิวเห่อหนัก อย่าขี้เกียจ รีบไปหาหมอผิวหนังได้แล้ว
ถ้าเป็นสิวหัวดำ หัวขาวเม็ดเล็กๆ ก็ยังพอรักษาเอง กดออกได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นขนาดสิวหัวช้าง เป็นซีสต์ อย่ารีรอที่จะพุ่งตัวไปคลินิกหมอผิวหนังด่วน! เพราะสิวชนิดนั้นๆ ไม่สามารถหายได้เองแน่นอนจะทาสกินแคร์อีกร้อยตัว ซีสต์ก็ไม่หลุดออกไปจากหน้าเด้อ ดีไม่ดีได้สิวใหม่เพิ่มอีก ;__;ไปค่ะ ไปหาหมอให้เขาสั่งยาปฏิชีวนะ ครีมแต้มสิวต่างๆ หรืออาจต้องผ่าตัด! ง่ายๆ แค่นี้ก็หน้าเนียนใสได้แล้วถึงต้องใช้เงินค่ารักษาค่อนข้างแพง แต่ก็คุ้มกับการลงทุนค่ะ
4. สิ่งที่คนอื่นใช้ดี เธออาจใช้แล้วหน้าพัง อย่าเชื่อรีวิวเยอะเกิน!
ในทุกวันนี้ การตลาดเผยแพร่ไปทั่วทุกวงการ โดยเฉพาะวงการความสวยความงาม นอกจากโฆษณาออนไลน์ที่ขึ้นบนเว็บไซต์ทุก 5 วิ ทางแบรนด์ต่างๆ ยังเจอ Influencer และบิวตี้บล็อกเกอร์ช่วยโปรโมทสินค้าแบรนด์ไหนเงินเยอะหน่อย คนอวยก็เยอะ ดูรีวิวกล่อมจนอยากจะได้มาไว้ในกรุสักขวด ทั้งที่ยังไม่ได้เช็คส่วนผสมใดๆ สรุปสั่งมา แพ้หน้าเห่อไปอี๊กก Y^Yบางคนก็ยังหลอกตัวเองว่า เราคงใช้ไม่ถูกวิธีมั้ง? แต่เธอต้องยอมรับก่อนว่า ผิวแต่ละคนเซนซิทีฟแตกต่างกัน ไม่มีสินค้าอะไรใช้ดีสำหรับทุกคน ' จริงๆ ' หรอกค่ะบล็อกเกอร์ใช้ดี สิวหายเกลี้ยง เธออาจใช้แล้วหน้าพังก็ได้ ( ถ้าโชคดีหน่อยก็แค่ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง )เราแนะนำให้เธอเทสต์เนื้อสกินแคร์ กับผิวหนังจริงๆ อย่าเชื่อโฆษณามาก เพราะคนที่รู้ดีที่สุด ก็คือตัวเธอเอง ^ ^
5. บางครั้ง การเป็นสิวเป็นเพราะ 'กรรมพันธุ์ตั้งแต่เกิด' รักษายังไงก็ไม่หายขาด
สาเหตุของการเกิดสิวมีหลายแบบ แต่คนที่น่าสงสารที่สุดสำหรับเราคือ เป็นเพราะ ' กรรมพันธุ์ ' พูดง่ายๆ คือมียีนสิวมาตั้งแต่เกิด ไม่ต้องไปโทษอาหาร หรือสกินแคร์ที่ใช้หรอกเพราะจะใช้แย่ ใช้ดียังไง หน้าเธอก็สิวขึ้นอยู่ดี หลีกเลี่ยงก็ไม่ได้ด้วย! //โหดร้ายมากกก แงแม้สาวๆ บางคนลดอาหารประเภทนม น้ำตาล แล้วผิวหน้าดีขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ลดนมแล้วผิวดี ผิวหนังแต่ละคนตอบสนองต่ออาหารต่างกันไป บางคนแค่ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าๆ สิวยังไม่ขึ้นเลยเด้อ -_-แต่ใช่ว่ามียีนสิว แล้วจะรักษาไม่ได้ ถ้าดูแลดีๆ สิวก็ลดลงได้ค่ะ แค่ต้องทำใจยอมรับว่า ถ้าไม่ดูแล หน้าก็จะไม่ใสเหมือนคนอื่นนะ
6. เลิกสนใจ 'ความเชื่อเก่าๆ' เกี่ยวกับสิว #2018แล้วค่ะลูก
ถ้าติดตามบทความของเรามานาน จะเห็นว่าเราเขียนเรื่องความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับ ' สิว ' มาเยอะ และครั้งนี้จะขอย้ำอีกครั้งว่าตำราและทฤษฎีเก่าๆ ทีเชื่อต่อกันมาในยุคโบราณ ต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างหนักในปัจจุบัน เช่น ความเชื่อที่ว่าต้องสครับหน้าแรงๆ ให้สิวหลุดออกมา หรือไม่ควรบีบสิวทุกชนิด หรือทาน้ำมะนาวให้ทั่วหน้า ผิวจะได้ใส -_-' ถ้าทำตาม มีแต่ผิวหน้าจะพัง พูดเลย!อย่าไปทำตามสูตรรักษาสิวทุกอย่างในอินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะแหล่งข้อมูลที่ไม่ได้มีหมอผิวหนังรับรอง เพราะเราไม่รู้ที่มาว่าใครเป็นคนคิดสูตรขึ้นมา ถ้าเป็นคนผิวแพ้ง่าย อย่าเสี่ยงเลยค่ะซิส!
7. สิวบางชนิด จะทิ้งรอยแผลเป็นถาวร หรือตลอดชีวิตนั่นเอง!
ถ้าปกติแล้ว สิวประเภทรอยแดงจะจางหายไปได้ หากทายารักษา หรือดูแลผิวดีๆ แต่ถ้าเธอเป็นสิวรุนแรง เช่น สิวหัวช้าง สิวอักเสบประเภทถุงน้ำ / ซีสต์ที่ต้องผ่าตัด มีรอยแผลเป็น ฝีนูนๆ หรือจุดด่างดำทิ้งไว้ ต้องทำใจว่ารอยพวกนี้จะไม่หายไปแต่ติดอยู่บนผิวหน้าของสาวๆ อย่างถาวร เพราะเซลล์ผิวชั้นในผิดรูปไปแล้ว จึงไม่กลับมาเรียบเนียนได้ 100% นั่นเองค่ะ ;_;แม้จะทำการรักษา ทรีทเมนต์ด้วยเลเซอร์ อาจทำให้หลุมตื้นขึ้น ฝีเล็กลง แต่สิวบางอย่าง ก็ไม่สามารถรักษาได้ 100% แม้แต่หมอก็ช่วยอะไรไม่ได้นะ TTแต่ไม่ต้องคิดมาก เป็นรอยบ้าง แต่ก็หายแล้ว ดีกว่าเป็นตุ่มสิวนูนแดงที่รักษาไม่ได้ตลอดชีวิต จริงไหมคะ
------------------------
อ่านจบแล้วรู้สึกยังไงบ้าง เหมือนเปิดโลกใหม่เลยมั้ยคะซิส? >< ไม่จำเป็นต้องเชื่อเราทุกข้อก็ได้ ลองหาแหล่งข้อมูลอื่นๆ เป็นภาษาอังกฤษเพิ่มเติม พวกเอกสาร เว็บไซต์ที่หมอผิวหนังสมัยใหม่รับรอง เธอจะเห็นว่าความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับการรักษาสิว เพิ่มขึ้นมากอย่างไม่น่าเชื่อ และคงไม่หยุดเพียงเท่านี้ ในอนาคตเราอาจเห็นเทคโนโลยีทำให้หน้าเนียนกริบ 100% เลยก็ได้นะ ( แต่ตอนนี้เอาเท่าที่ได้ก่อน )
หวังว่าสาวๆ จะนำความรู้ในบทความนี้ ไปปรับใช้ เพื่อให้หน้าใส ไม่พัง เพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิตกันทุกคนน้า วันนี้ไปละค่า บ๊ายบายย
------------------------