ตอนที่ 5 : จอมมารในงานเลี้ยง


แดนปีศาจไม่ค่อยมีงานรื่นเริงบ่อยนัก เพราะสงครามระหว่างราชาปีศาจและปีศาจชั้นสูงที่สืบสายเลือดจากราชวงค์เก่าเพิ่งจะจบลงเมื่อไม่กี่ร้อยปีก่อน และเป็นการจบที่เหี้ยมโหดสยองขวัญ จนทำให้ราชาปีศาจคนปัจจุบันได้รับสมญามหาราชย์ไร้เมตตา สยองขวัญจนในหนังสือแบบเรียนประวัติศาสตร์ของแดนปีศาจยังอธิบายสงครามนี้ได้เพียงว่า 'เป็นการปิดฉากสงครามที่เหี้ยมหาญหมดจดและคาดว่าไม่มีผู้ใดกล้าคิดกบฏกับราชาปีศาจผู้นี้อีกแน่นอน'

เมื่อเหล่าลูกหลานถามว่าเกิดอะไรขึ้น ปีศาจที่มีอายุมากพอจะเห็นเหตุการณ์ต่างตัวสั่น ตัวที่มีขนขนก็ร่วงไปกระจุกหนึ่ง ตัวที่มีเกล็ดเกล็ดก็ร่วงกราวไปหลายเกล็ด ทำหน้าเหม่อลอยนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตพลางรำพันว่าสมญามหาราชย์ที่ราชาปีศาจได้รับช่างเป็นยศอันน้อยนิดเมื่อเทียบกับสิ่งที่เกิด

ด้วยความที่ราชาปีศาจล้างโคตรตระกูลราชวงค์เก่าอย่างสยองขวัญสั่นประสาทจนประวัติศาสตร์ยังไม่สามารถจะจารึกได้นี่เอง ทำให้แดนปีศาจที่ระส่ำระส่ายและแตกออกเป็นหลายฝ่ายกลับเข้าสู่ปึกแผ่นดวยความหวาดกลัวอย่างรวดเร็ว และสถานการณ์อันน่าหวาดหวั่นนี่เองทำให้ไม่มีใครกล้าจัดงานรื่นเริงใหญ่โตมาก เพราะกลัวว่าเกิดเดินผิดไปหนึ่งก้าว ขนปีกราชาปีศาจเกิดไหวพรือไปทีหนึ่ง แล้วพระองค์จะหงุดหงิด ระเบิดพลังดับทิ้งทั้งเมือง

แม้จะไม่ค่อยมีงานเลี้ยงใหญ่โตมาก แต่งานเลี้ยงฉลองครบรอบห้าพันปีของราชาปีศาจทั้งทีย่อมต้องจัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการ งานเลี้ยงคืนนี้เป็นเพียงพิธีเปิดงาน เพราะนับจากนี้ ทั่วเมืองปีศาจจะทำการเฉลิมฉลองเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ เป็นการเฉลิมพระเกียรติแด่มหาราชย์ผู้สยบสงคราม

จอมมารรับเครื่องดื่มที่ปีศาจขนฟูตัวหนึ่งเสิร์ฟให้ หลังจากดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่ได้มีขนเส้นไหนของบริกรร่วงลงไป จอมมารก็จิบอย่างสบายใจ

โถงกว้างของปราสาทที่อึมครึมเปลี่ยนเป็นงานเลี้ยงอันโอ่อ่าอลังการ ประดับประดาด้วยเทียนโลหิตนับพันที่แกะสลักอย่างงดงาม สำหรับเกรเทลแล้ว งานเลี้ยงฉลองวันเกิดของราชาปีศาจล้วนเป็นเกมการเมืองอย่างหนึ่ง แดนปีศาจตกอยู่ในความหวาดกลัวมาหลายร้อยปีแล้วนับแต่สงครามจบ คนนอกไม่กล้าขยับเข้า คนในไม่กล้าขยับออก งานเลี้ยงนี้มาเพื่อบรรเทาความตึงเครียดของประชาชน เปลี่ยนการปกครองด้วยความหวาดกลัวเป็นปกครองด้วยความยำเกรง

แน่นอนว่าเพื่อแสดงถึงบารมีของราชาปีศาจแล้ว ทางแดนปีศาจล้วนลงทุนยิ่ง หลังจากปิดดินแดนไม่ติดต่อกับผ่าอื่นมาเนิ่นนาน งานนี้ถึงขั้นร่อนเทียบเชิญ เชิญเหล่าผู้นำเผ่าทั้งหลายมาร่วมงาน ทั้งผู้นำเผ่าพราย ผู้นำเผ่าเอลฟ์ เหล่าภูตแห่งธาตุ นางไม้ และเผ่าอื่นๆ อีกมากมาย ใช้โอกาสนี้แสดงให้เห็นเลยว่า แดนปีศาจเปิดกว้างและเป็นมิตรแค่ไหน

นับแต่เริ่มงาน เกรเทลถูกอดีตจอมมารรุ่นก่อนๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่มาทักทายไปสองสามคน ส่วนมากทักเพื่อมาหาเพื่อนร่วมบ่นเท่านั้นล่ะว่าตำแหน่งนี้มันน่าเบื่อแค่ไหน บ่นเสร็จก็จากไป ไปสนุกกับงานเลี้ยงต่อ ดูแล้วเหมือนคนที่มีความสุขกับชีวิตหลังเกษียณอย่างเต็มที่ ทั้งยังไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความคิดที่จะอาลัยอาวรณ์ตำแหน่งนี้เลยสักนิด หมดยุคที่ทุกคนพยายามจะแลกวิญญาณกับปีศาจเพื่อขึ้นเป็นจอมมาครองโลกแล้วสินะ

อา....เห็นแบบนี้แล้วเธอก็ชักอยากเกษียณบ้างซะแล้วสิ แต่จนใจที่ยังหาผู้สืบทอดไม่ได้...นี่ถ้าเบื่อจริงๆ มัวร์ดูก็น่าจะใช้ได้อยู่ แค่รอให้เริ่มนิทรายาวแล้วแอบอุ้มมาทำพิธีสืบทอดตำแหน่ง จากนั้นก็ปล่อยให้เจ้าตัวหลับยาวแล้วตื่นขึ้นมารับรู้เอาว่าตัวเองเป็นจอมมารคนต่อไป...อืม...คิดดูแล้ว แผนนี้ไม่เลวเลย

อาจมีข้อติดอยู่บ้างเรื่องอายุขัย...แต่เดิมเธอเป็นลูกครึ่งปีศาจกับพราย ทั้งเกิดมาพิการด้านพลัง มีอายุขัยไม่ถึงสองร้อยปี นี่อยู่มาห้าร้อยหกร้อยกว่าปีแล้ว ถ้าลงจากตำแหน่งตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเน่าสลายกลายเป็นซากรึเปล่านี่สิ...จอมมารที่มีชีวิตอยู่ตอนนี้ก็มีแต่พวกอายุขัยยืนนานเกือบหมื่นปีเป็นทุนอยู่แล้วด้วยสิ เกรงว่าคงเอามาเป็นตัวอย่างไม่ได้...

ช่างเถิด...จอมมารถอนหายใจ...ไว้เธอค่อยไปหาข้อมูลเพิ่มเอาก็แล้วกัน...

ในงานเลี้ยงมีคนมากมายหลายเผ่า ส่วนมากแล้ว ล้วนแต่คุ้นหน้าคุ้นตาแต่นึกชื่อไม่ออกทั้งสิ้น...เหตุที่คุ้นหน้าคุ้นตานั้น ถ้าลองได้มีชีวิตเป็นจอมมารมาหลายร้อยกว่าปี ก็ย่อมต้องรู้จักคนเยอะแยะ ต่อให้แทบไม่ออกปราสาทเลย ก็ยังมีคนเผ่าโน้นเผ่านี้ส่งทูตมาสานสัมพันธ์อย่างต่ำปีละหน อย่างมากก็ปีละหลายหน บางทีก็มาทุกฤดูกาล มีของดีก็ส่งมากำนัล มีงานเลี้ยงก็ร่อนเทียบเชิญมา จึงทำให้คุ้นหน้าคุ้นตากันมาหลายร้อยปี

แต่เพราะคุ้นหน้าคุ้นตามากเกินไปนี่เอง ทำให้นึกชื่อยังไงก็นึกไม่ออก เพราะดันมีเยอะเกินไป จำไม่ได้

เอาเถอะ...แค่อีกฝ่ายจำเธอได้ก็พอแล้ว เกรเทลเองก็พอจะตามน้ำไปได้อยู่แล้วหากมีคนมาทัก

“ถวายความเคารพจอมมาร ไม่ได้เจอกันเสียนานเลย” ผู้มาทักเธอคือร่างเล็กๆ สองร่างที่ต่างสูงเพียงแค่ศอก คนแรก ช่วงลำตัวเป็นสีฟ้า และไล่เข้มลงตามลำดับ ทั้งชุดและรูปร่างชวนให้นึกถึงสัตว์น้ำ แต่กลับมีสองเท้าเดินดิน อีกคนนั้น มีผมเป็นเปลวไฟลุกโชติ แผ่ความร้อนบางๆ เมื่ออยู่ใกล้

จอมมารแย้มยิ้มเป็นมิตร...ภูตน้ำกับภูติไฟนี่เอง

แม้จะมีคนคุ้นหน้าคุ้นตาแต่นึกชื่อไม่ออกอยู่เยอะ แต่เหล่าภูตแห่งธาตุอย่าง ดิน น้ำ ลม ไฟ ผู้เป็นตัวแทนของธาตุ เช่นเดียวกับจอมมารที่เป็นตัวแทนของความมืด ยังไงเสีย เกรเทลย่อมต้องจำได้อยู่แล้ว

จอมมารปราศรัยภูตน้ำกับภูตไฟที่พอสนิทกันไปเล็กน้อย ได้ข่าวมาว่าภูตดินช่วงนี้กำลังวุ่นวาย เด็กมนุษย์ที่เก็บมาเลี้ยงเมื่อหลายปีก่อนหายตัวไป วิ่งไปร้องไห้ใส่ภูตลม ร้อนถึงภูตลมต้องระดับสายลมเหนือใต้ช่วยตามหาเลยไม่ว่างมางานเลี้ยง ยังดีที่ราชาปีศาจคนนี้มีเหตุผลดี ไม่ยกทัพอัศวินดำไปถอนรากถอนโคนป่าไม้แล้วบีบคอภูตดินให้มางานเลี้ยงแบบราชาปีศาจคนก่อน

...เกรเทลยังนึกไม่ออกเลยว่าราชาปีศาจคนก่อนสมัยครองราชย์สามารถเหี้ยมโหดปานนั้นได้ด้วยหรือ

คุยกันไปคุยกันมา อยู่ๆ เพื่อนภูตทั้งสองก็ทำตาโต หน้าตาเหมือนเห็นผี เลยชักเอะใจ หันไปข้างหลัง พอเห็นราชาปีศาจในชุดออกงานเต็มยศยืนยิ้มพรายอยู่ จอมมารก็ชักสีหน้าใส่ทันที

ภูตแห่งธาตุมองเธอกับราชาแล้วก็หันไปยิ้มใส่กัน ก่อนขอตัวลาอย่างรู้คิวดี ทิ้งให้เกรเทลยืนอยู่กับราชาปีศาจ...ที่เหมือนว่าจะไปไหนที คนทั้งหลายก็พร้อมใจจะเว้นที่ให้หายใจตลอด ดังนั้นบริเวณรอบตัวของเธอกับราชา จึงมีที่ว่างรอบตัว ไม่มีใครกล้าเข้ามาเบียดเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังมองมาอย่างสนใจอีกต่างหาก

“สวยดีนะ” เขาว่า ถือวิสาสะจับปลายผมเธอเล่น “ชุดพอดีตัวรึเปล่า”

“พอดีมาก” จอมมารพยักหน้าตอบกลับไป น้ำเสียงประชดสุดชีวิต “อย่างน้อยก็บอกได้ว่า ห้าร้อยปีที่ผ่านมานี้ ข้าไม่อ้วนขึ้นหรือผอมลงเลยแม้แต่น้อย”

จากสายตาภายนอกที่ไม่รู้ลึกตื้นหนาบาง บทสนทนาและท่าทางอันค่อนข้างสนิทสนม (?) อย่างชวนให้สงสัยว่าทั้งคู่เป็นอะไรกันนี้สร้างความประหลาดใจมาก ท่านหญิงงามงดผู้นั้นเป็นใคร เพราะข้าราชบริพารปีศาจ ล้วนชินชากับราชาปีศาจที่เย็นเยียบเด็ดขาด ไม่เคยเห็นท่านยิ้มพรายติดหน้าตลอดเวลาแบบนี้มาก่อนเลยแม้แต่น้อย

“งั้นเต้นรำกันหน่อยไหม”

เพล้ง...

เหมือนจะมีเสียงแก้วแตกดังแว่วมา คาดว่า น่าจะมาจากข้าราชบริพารปีศาจ ที่ไม่เคยเห็นราชาปีศาจชวนใครเต้นรำมาก่อนอีกเหมือนกัน...

“ไม่” จอมมารตอบชัดถ้อยชัดคำเป็นปฏิกิริยาตอบสนองทันที แต่พอระลึกได้ว่าตัวเองอยู่กลางฝูงชน เธอก็เปลี่ยนมายิ้มพรายหยาดเยิ้ม กล่าวนอบน้อมทันที “ข้าเกรงว่าจะไม่บังอาจขนาดนั้นเพคะ”

ราชาปีศาจไม่สนใจคำปฏิเสธ โน้มตัวลงใกล้จนใบหน้าแทบชิด แทบรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆ แล้วรอยยิ้มที่พรายแทบตลอดเวลานั้นก็ชักเจ้าเล่ห์ขึ้น

“ข้าว่า...อย่ายิ้มแบบนี้จะดีกว่านะ”

ดนตรีบรรเลงขึ้นอย่างรู้จังหวะ (จนน่าสงสัยว่าจะนัดกันไว้...) พร้อมๆ กับที่ราชาปีศาจจอมเจ้าเล่ห์โค้งตัวลง กว่าเกรเทลจะรู้ตัว รอบข้างก็แหวกออกเป็นวงกว้างพร้อมให้เต้นรำแล้ว...

อา...

เธอเสียรู้ราชาปีศาจซะแล้วสิ

อันที่จริงแล้ว ห้าร้อยกว่าปีที่ดำรงตำแหน่งนี้ทำให้จอมมารมีหนังหน้าค่อนข้างหนาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้อยู่ เรื่องที่ จะให้ลืมๆ มารยาทแล้วสะบัดหน้าหนีการโค้งนี้หรือปฏิเสธการเต้นท่ามกลางสายตาประชาชีนี่ไม่มีปัญหาอย่างยิ่ง แถมยังไม่มีใครกล้าจับเธอไปตัดหัวแน่นอน...แต่จนใจที่ว่า พอเธอรีรอไม่วางมือสักที เจ้าตัวราชาปีศาจที่พอรู้แกวกันดีก็เป็นฝ่ายคว้ามือเธอดึงเข้าไปชิด แล้วเริ่มเต้นนำ

ถึงขั้นนี้แล้ว เกรเทลได้แต่ต้องตามน้ำไป

ราชาปีศาจกำลังเต้นรำ ย่อมไม่มีใครกล้าเต้นแทรก ดังนั้นกลางลานจึงมีแต่คู่เธอคู่เดียวเด่นเป็นสง่า แทบทุกสายตาต่างจ้องมาตรงกลางลาน แต่สองจอมมารและราชาปีศาจที่มีหนังหน้าที่หนาสุดเปรียบปานก็ยังสามารถทำเมินสายตาพวกนั้นได้อย่างหมดจด

“เมื่อกี้คิดจะปฏิเสธกันใช่ไหม ใจร้ายจริงๆ” ราชาปีศาจบ่นน้อยใจ มือจับยังมือและเอวของอีกฝ่ายไว้อย่างแน่นหนา ไม่ยอมให้สลัด แถมยังทำท่าจะดึงเข้าชิดอยู่เรื่อยๆ จนเกรเทลต้องกระแทกส้นรองเท้าใส่ทีหนึ่ง

ราชาปีศาจชักสีหน้า แต่แค่ชั่วแวบก็เปลี่ยนมายิ้ม ดูเหมือนเจ้าตัวจะอยู่ในโหมดอารมณ์ดี

“รู้ว่าข้าจะปฏิเสธก็ยังบังคับกันอยู่ ท่านไม่ใจร้ายกว่าหรือ” จอมมารบ่นบ้าง พออีกฝ่ายยกมือขึ้นให้เธอหมุน เธอก็หมุนตัวอย่างหมดจดงดงาม แล้วบ่นอีกรอบ ”ข้าเริ่มเบื่อแล้วนะ”

“อย่าพูดแบบนั้นสิ” อีกฝ่ายหัวเราะ “เต้นเป็นเพื่อนกันก่อนสักเพลง เดี๋ยวข้าต้องไปทำงานต่อนะ”

“งาน?” จอมมารทวนเสียงฉงน แต่เท้ายังคงไปตามจังหวะเพลง “นี่งานวันเกิดท่านยังต้องทำงานอีกหรือ”

“แค่สะสางเอกสารสองสามอย่างล่วงหน้า” ราชาปีศาจยิ้มอบอุ่น แววตาอ่อนลง ”ถ้าทำเสร็จก็จะได้ว่างพาเกรเทลไปเที่ยวพรุ่งนี้”

“งั้นหรือ” จอมมารพยักหน้า “ว่าแต่นี่วันเกิดท่าน ข้ายังไม่ได้ให้ของขวัญท่านเลยนี่”

“วันเกิดข้าอีกสิบวัน ไม่ใช่วันนี้ ยังมีเวลาเตรียมการอีกเยอะ” เจ้าของงานกล่าวอย่างไม่เดือดร้อน ก่อนตบท้ายสายตาคาดหวังที่ปนกระแสแกล้งหน่อยๆ “อย่าลืมให้ด้วยล่ะ”

เกรเทลที่หวังจะได้ยินคำตอบประมาณว่า ‘ไม่เป็นไร ไม่ต้องให้ก็ได้’ ทำหน้าเซ็งทันที...นี่สรุปว่า...จะเอาให้ได้เลยใช่ไหมเนี่ย เป็นราชาปีศาจที่งกดีจริงๆ

“สาปให้เป็นกิ้งกือถือเป็นของขวัญได้รึเปล่านะ” จอมมารเริ่มสงสัย “หรือท่านอยากเป็นอย่างอื่น”

“จะตัวอะไรข้าก็ไม่อยากเป็นทั้งนั้นล่ะ” ราชาปีศาจทำหน้าปุเลี่ยน ดนตรีเบาลง จังหวะเริ่มช้าเนิบนาบขึ้น ก่อนโน้ตสุดท้ายจะเป็นสัญญาณบอกว่าจบเพลง

ราชาปีศาจทำหน้าเสียดาย แต่ก็ยอมปล่อยมือ ยกมือแตะอกแล้วโค้งอย่างสง่างาม เกรเทลเองก็จับชายกระโปรงถอนสายบัวอย่างงดงามไร้ที่ติไม่แพ้กัน เรียกเสียงปรบมือจากเหล่าปีศาจชั้นสูงโดยลอบพร้อมเสียงชื่นชมได้เป็นอย่างดี

เมื่อการเต้นเปิดฟลอร์จบลง หลายคู่ก็เริ่มก้าวเข้ามาเต้นรำ ราชาปีศาจเองก็รู้มารยาท จูงมือเกรเทลไปยังข้างลาน ก่อนโค้งลง

“ขอตัวก่อนนะ” เขาออกตัว จากนั้นก็หมุนตัวไป

“เดี๋ยวสิ...” จอมมารจะรั้งไว้ แต่จู่ๆ ก็มีสตรีชุดน้ำเงินไม่ทราบที่มา เรียก ‘ท่านจอมมาร’ แล้วแล่นปราดเข้ามาใกล้ แค่จอมมารเผลอหันไปมองเธอแวบเดียว ราชาปีศาจก็อาศัยจังหวะนี้หลบไปทันที

จอมมารมองตามหลังที่เห็นไวๆ ของราชาปีศาจที่หนีไปไกลลิบอย่างรวดเร็วแล้วก็ถอนหายใจ มองผู้มาใหม่ที่เหมือนจะเพิ่งสังเกตความผิดพลาดของตน

“ดูเหมือนข้าจะมาขัดจังหวะท่านเสียแล้วสิ” สตรีชุดน้ำเงินเข้มคนนั้นทำหน้าเสียใจ แต่แม้จะเสียใจ เกรเทลก็ยังเห็นว่า ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางสีน้ำเงินนั้นดูงดงามหมดจด แถมยังค่อนข้างคุ้นตามากด้วย

“ช่างเถอะ” จอมมารโบกมือ “ท่าน...?”

อีกฝ่ายเหมือนเพิ่งรู้ตัว รีบจับชายกระโปรงย่อตัวลงทันที “ขออภัยที่เสียมารยาท ข้าอดีตราชินีปีศาจ โมเรล่า ลา เกรซ ขอน้อมถวายความเคารพท่านจอมมาร”

อา...อดีตราชินีปีศาจนี่เอง

ตอนแรกเกรเทลว่าจะไปทักทายเสียหน่อย ไม่นึกเลยว่าอดีตราชินีคนนี้จะเป็นฝ่ายมาทักทายเธอเองถึงที่

ว่าแล้วจอมมารก็พินิจดูอดีตราชินีผู้ได้ชื่อว่าเป็น ‘ภรรยา’ ของ ‘คนแบบนั้น’ และ ‘แม่’ ของ ‘ลูกชายคนแบบนั้น’ อย่างละเอียด

ราชินีเป็นคนงามหมดจด เครื่องหน้างามอ่อนหวาน แต่ตาคมเด็ดเดี่ยว ดูเป็นคนเด็ดขาด ที่แต่งหน้าด้วยโทนน้ำเงินเข้มทั้งหมดแบบนี้ ก็แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจเด็ดเดี่ยวมากแล้ว และสีน้ำเงินนั้นก็ดูเหมาะกันดีจริงๆ

มองดูแล้ว...ราชาปีศาจได้เค้าหน้ามารดามาไม่น้อยเลย...อืม...ถือเป็นเรื่องดี

“ท่านอดีตราชินี” จอมมารแย้มยิ้มทันที “ยินดีได้พบท่าน”

“ถือเป็นเกียรติของข้าที่ได้พบท่านจอมมาร” อดีตราชินีตอบอย่างนอบน้อม แววตาของเธอแม้จะเด็ดเดี่ยวแข็งกร้าว มาแสดงท่าทีนอบน้อมแบบนี้ก็ไม่ชวนให้ดูขัดกันเลยแม้แต่น้อย เกรเทลนึกชอบแววตานั้นจริงๆ

“ท่านราชินีมาพบข้าแบบนี้มีเหตุผลอะไรหรือ” เกรเทลถาม

พอถามเข้าเรื่องแบบนี้ อดีตราชินีโมเรล่าก็ยืดหลังตรงสง่างาม แต่สง่างามสำรวมตนได้ไม่ถึงวินาทีดี เธอก็ทรุดเข่าลงบนพื้นดังตึง

“ข้ามาขอความเมตตาจากจอมมาร”

จอมารอึ้งอย่างรับมุขไม่ทัน

ผู้คนรอบด้านที่ลอบสังเกตการณ์ห่างๆ เริ่มฮือฮาเล็กน้อย เมื่อเห็นอดีตราชินีปีศาจคุกเข่าลงแบบนี้ และพอได้ยินคำว่า ‘จอมมาร’ ชัดแจ้ง คนทั้งหลายก็เริ่มเว้นช่องว่างมากขึ้น ส่งผลให้บริเวณรอบๆ จอมมาร เกิดสุญญากาศประหลาดๆ ขึ้นทันที

นี่มุงดูจำอวดกันรึไงเนี่ย...จอมารอยากค้อนคนที่มุงอยู่นัก แต่ติดที่ตัวปัญหาขนาดใหญ่ที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้านี่มากกว่า

อา...ร้องขอเมตาจากจอมมารเนี่ยนะ...อดีตราชินีปีศาจเอาอะไรคิดแทนสมองเนี่ย คงไม่ใช่ลูกตาใช่ไหม...

“เมื่อปีก่อน ข้าส่งปีศาจรับใช้ไปจับตัวเผ่าโบราณมาเป็นของขวัญแก่ราชาปีศาจ แต่กลับเงียบไร้ข่าวคราว” ราชินีปีศาจเริ่มเล่า “ข้าเพิ่งรู้เมื่อไม่นานนี้เองว่าปีศาจรับใช้ถูกฆ่าตายหมดแล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าจึงได้ส่งไปอีกกลุ่มหนึ่ง แต่ปรากฏว่าปราสาทนั้นมีปีศาจเฝ้าอยู่เต็มไปหมด ทั้งยังมีข้อความจากจอมมาร....”

อ้อ...ไอ้ ‘ถ้าใครกล้าบุกที่นี่ เท่ากับหาเรื่องจอมมาร อยากตายก็เข้ามา’ นั่นน่ะหรือ....จอมมารชักอยากเห็นสีหน้าอดีตราชินีตอนเห็นข้อความนี้จริงๆ แฮะ

“ข้า....” เล่าถึงตรงนี้ ราชินีก็เริ่มสั่นสะท้านเฮือก ยกแขนเสื้อขึ้นปิดหน้า “ข้ารู้ว่าจอมมารเป็นผู้มีเมตตา...”

เมตตา?...ข้าเนี่ยนะ?

จอมมารชักรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังดูจำอวดขึ้นเรื่อยๆ

“เผ่าโบราณผู้นั้นคงไปคุกเข่าขอเมตตาจากจอมมาร ข้ารู้ว่าจอมมารเป็นผู้มีเมตตา เมื่อมีคนมาขอร้องก็ย่อมช่วย...”

อืม...นั่นสินะ นั่นสินะ ถ้าเป็นดังที่อดีตราชินีผู้นี้พูดจริง คงถึงเวลาที่เกรเทลต้องเริ่มสงสัยความเป็นจอมมารของตัวเองซะแล้วสิ

“ข้าจึงมาขอเมตตาจากจอมมาร ได้โปรดปล่อยมือจากเรื่องนี้ด้วยเถิด การล่าถือเป็นกฎแห่งธรรมชาติ ข้าเพียงต้องการนำเผ่าโบราณมาสังเวยแก่ราชาปีศาจเท่านั้น”

พอฟังบทรำพันมาถึงตรงนี้ จอมมารก็เริ่มยืนยันกับตัวเอง...อา...อดีตองค์ราชินีผู้นี้เด็ดเดี่ยวดังที่คาดจริงๆ...

“สนทนากันตรงนี้เห็นจะไม่สะดวกใจเท่าไรนัก” จอมมารเหล่มองไปยังฝูงชนที่อยู่รายล้อม แล้วยกมือแต่ไหล่อดีตราชินีที่ยังทรุดอยู่บนพื้น “เราไปหาที่สงบคุยกันก่อนไหม”

การขมวดคิ้วชั่วขณะทำให้พอรู้ว่าอดีตราชินีดูจะไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ยอมพยักหน้า แล้วกล่าวอย่างนอบน้อมว่า

“ข้าจะนำทางไปค่ะ”

ท่าทีอันนอบน้อมของอีกฝ่ายทำให้เกรเทลนึกชื่นชม...ว่ากันตามจริงแล้ว ราชาปีศาจคนลูก ร้อยวันพันปีก็ไม่เคยเห็นเธอเป็นจอมมาร ส่วนอดีตราชาปีศาจที่เคยเป็นอดีตจอมมารก็ยิ่งไม่เคยเห็นหัวเธอเข้าไปใหญ่ เพิ่งจะมีอดีตราชินีคนนี้ที่ทำตัวให้เธอรู้สึกหน่อยว่าตัวเองยังเป็นจอมมาร ตัวแทนแห่งความมืด ไม่ใช่ตัวอะไรสักอย่างที่ชื่อว่าจอมมารเฉยๆ

ห้องที่อดีตราชินีนำมาไม่ไกลจากโถงงานเลี้ยงนัก เกรเทลไม่ทราบหรอกว่ามันเป็นห้องอะไร แต่ดูจากของประดับตกแต่งอันมีรสนิยมอย่างสุดบรรเจิดเกินเข้าถึงแล้ว คาดว่าคงเป็นห้องเก็บของสะสมของใครสักคนแน่นอน

“จอมมารผู้ยิ่งใหญ่...” พอได้ทำเลดี เพื่อไม่ให้อารมณ์ขาดตอน อดีตราชินีก็ทรุดเข่าลงบนพื้นแล้วเริ่มรำพันอีกรอบ “ข้าเพียงต้องการหาของขวัญดีๆ ให้บุตรชายในวันเกิดครบรอบห้าพันปีของเขาเท่านั้น ได้โปรด...”

ระหว่างที่ท่านอดีตราชินีเล่นบทโศก เกรเทลก็เลื่อนสายตามองภาพวาดดำๆ น้ำตาลๆ เหมือนเอาดินสาดใส่ผ้าใบแล้วละเลงอย่างสนใจ ก่อนจะขุดอารมณ์ศิลป์อันมีน้อยนิดของตัวเองขึ้นมาเพื่อพยายามจะเข้าถึงอารมณ์ศิลปินผู้วาดว่า...ไอ้คนวาด มันกำลังวาดด้วยอารมณ์ไหน...และพยายามจะสื่ออะไรผ่านรอยเลอะๆ นี่....

อืม...

ขุดอยู่นานก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ ได้แต่คิดว่าอารมณ์ของศิลปินช่างลึกล้ำเกินคาดจริงๆ....และรสนิยมผู้ประดับภาพนี้ก็ช่างล้ำลึกเกินคาดจริงๆ...

“เช่นนั้นท่านจอมมาร...” เสียงที่ปรับระดับให้ดังเล็กน้อยของอดีตราชินีเรียกความสนใจจากเกรเทล “การล่าและการฆ่าถือเป็นเรื่องธรรมชาติ เช่นนั้นท่าน...”

“ท่านอดีตราชินี” จอมมารขยับยิ้มหวานล้ำ แม้จะไม่ได้ฟังบทโศกสลดเมื่อครู่แต่เรื่องดำน้ำ จอมมารอย่างเธอไม่มีวันเป็นรองใครแน่ “เกรงว่าที่ท่านขอออกจะทำตามยากสักหน่อย ท่านมีลูก ท่านย่อมต้องเห็นลูกท่านเป็นสำคัญ แม้ข้าจะยังไม่มีลูก แต่ข้าเองก็มีหลานอยู่คนหนึ่ง...น่าเสียดายที่เด็กคนนั้นอาภัพ พ่อแม่ต้องคำสาป เกินมาได้เพียงร้อยปีก็ต้องจากกัน เด็กคนนั้นจึงมีแค่ข้าเป็นญาติ ข้าเองก็เอ็นดูไม่น้อย...ดังนั้นคงไม่อาจหักใจปล่อยเธอให้โดนล่าได้หรอก ท่านอดีตราชินี”

หลังจากอ้อมโลกไปรอบหนึ่ง จอมมารก็จัดการบอกใบ้พร้อมตัดจบลงด้วยประโยคสุดท้าย ก่อนจะตีหน้ายิ้ม รอดูปฏิกิริยาอีกฝ่าย

“อะ...อา...เช่น...เช่นนั้นเองหรือ” หลังจากพอเดาอะไรๆ ได้ ท่านอดีตราชินีก็อยู่ในอาการตกตะลึงตาค้าง “ข้าไม่ทราบ...ไม่ทราบเลยจริงๆ ต้องขออภัยท่านจอมมารอย่างยิ่ง”

“ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด ท่านหวังดีต่อราชาปีศาจโดยใจจริง ข้าไม่ว่าท่านหรอก” จอมมารแย้มยิ้ม ให้เวลาอดีตราชินีทบทวนตัวเองในใจสักครู่หนึ่ง ในขณะที่เธอว่าจะขอลากลับไปในงานเลี้ยง อดีตราชินีผู้นั้นก็ลุกขึ้นยืดตัวตรง

“เมื่อครู่ข้าต้องขออภัยที่ความไม่รู้ของข้าทำให้ท่านลำบากใจ” อดีตราชินีย่อเข่าลง “แต่อีกเรื่องหนึ่งที่อดีตราชินีผู้โง่เขลาคนนี้ต้องการถามจากท่าน”

กิริยาย่อเข่าง่ายๆ ที่รู้จักแก้สถานการณ์ของตัวเองแบบนี้ถูกใจเกรเทลไม่น้อย ดังนั้นจึงพยักหน้า อนุญาตให้ถามมา

“ท่านรักบุตรชายของข้ารึเปล่า”

จอมมารสำลักอากาศแค่กทันที

#โปรดติดตามตอนต่อไป