ผู้หญิงยุคใหม่มักจะไม่ค่อยมีเวลาดูแลห้องสักเท่าไหร่ แค่แต่งตัว ออกไปเรียน/ทำงาน กลับมาก็เหนื่อยจะแย่ แต่เห็นห้องแคบๆ ของตัวเองบางทีก็อยากเป็นลม ไม่อยากกลับสักเท่าไหร่ เพราะสภาพห้องไม่ต่างอะไรกับรังหนูเลย อยู่ไปได้ไงเนี่ย?
ถ้าไม่มีเวลาที่จะคอยปัดกวาดเช็ดถูห้องบ่อยๆ แต่ปรารถนาจะมีห้องกว้าง กำกระเป๋าตังค์ให้แน่นๆ แล้วมาลงมือตามวิธีต่อไปนี้กัน ( เอาเท่าที่สะดวกนะจ๊ะ อย่าหักโหมเยอะ เดี๋ยวกระเป๋าแบนเร็ว )
#1 เปลี่ยนสีห้องจากสีหม่นๆ มืดๆ เป็นสีสว่าง
ห้องแคบไม่เหมาะกับสีมืด เพราะมันทำให้จากที่แคบอยู่แล้ว กะทัดรัดมากขึ้น แคบขึ้นกว่าเดิม ควรเปลี่ยนเป็นสีสว่างๆ จะทำให้ห้องโปร่ง กว้าง สบายตามากๆ ( ถ้าชอบความมุ้งมิ้ง แนะนำโทนสีพาสเทล แต่ถ้าเป็นคนสบายๆ แนะนำสีเอิร์ธโทนจ้า )
#2 ควรเลือกชั้นวางของแบบแขวนกับผนัง ( ในกรณีที่เจ้าของห้องพัก อนุญาตให้ทำการเจาะผนังได้ )
ในห้องควรเหลือแต่เฟอร์นิเจอร์ที่ตั้งโด่ๆ แบบชิ้นเดียว วางกับพื้นให้น้อยที่สุด จำเป็นที่สุด เช่น โต๊ะ เตียง ส่วนลิ้นชักเก็บของนั้น ควรเลือกแบบเจาะแขวนกับผนัง เพื่อไม่ให้ตู้ลิ้นชักหรือเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่จำเป็นเกะกะห้องแล้วทำให้ห้องแคบ อีกทั้งยังทำให้ห้องน่าอยู่ขึ้นมาหน่อย เพราะจะหยิบจับอะไรก็สนุก มีลูกเล่น มีศิลปะไม่ค่อยเหมือนใคร
#3 เลื่อนเฟอร์นิเจอร์ไปชิดกับผนังให้มากที่สุด
ตู้, ลิ้นชัก, กล่องสัมภาระใบโต หรืออะไรก็ตามที่เป็นใบใหญ่ๆ ควรจัดให้อยู่ชิดผนังหรือมุมห้อง ถ้าเป็นของที่ใช้บ่อยๆ ควรจัดวางให้อยู่ในตำแหน่งที่หยิบง่ายสุด เช่น ถ้าเป็นกล่องลังซ้อนกัน กล่องใบไหนที่เก็บของไม่ใช้แล้ว ควรจัดให้อยู่ล่างสุด ในขณะที่กล่องใส่ของที่ใช้บ่อยสุดควรอยู่ด้านหน้าสุดหรือด้านนอกสุดเพื่อหยิบจับง่าย
หากเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้บ่อยสุดแต่ไม่อยากให้เกะกะ ต้องการให้เก็บง่าย ก็ควรเลือกเป็นชนิดที่มีล้อเลื่อน ( เหมือนในภาพตัวอย่างด้านบน ) เพื่อทำให้สะดวกมากขึ้นในการจัดเก็บ จะโยกไปทางไหนก็ได้ ไม่ขวางหูขวางตามาก
#4 เครื่องใช้จำพวกผ้า ไม่ควรเป็นประเภทผ้าที่เลอะง่าย ซักยาก
ผ้าม่าน, ผ้าปูที่นอน, พรมปูพื้น ( พรมประดับห้อง ไม่ใช่พรมเช็ดเท้า ), โซฟาผ้า ควรเลือกสีเข้ม เพราะนอกจากตัดกับผนังห้องที่เป็นสีสว่างแล้ว ยังเป็นสีที่มองเห็นรอยด่างจากความซกมกของสาวๆ ได้ยากมาก ยิ่งถ้าเลือกเนื้อผ้าที่เปื้อนยาก ไม่ต้องออกแรงซักให้เมื่อยมือ ไม่ต้องคอยเอาไปซักบ่อยๆ ยิ่งดีมาก ( การเลือกเบื้องต้นคือ อย่ามองที่ราคาถูกอย่างเดียวนะตัวเธอ ถามพนักงานที่ขายสินค้าแต่งบ้านจะดีกว่า )
#5 อย่าซื้อของแต่งห้องที่รูปร่างตัน หนาทึบ
เฟอร์นิเจอร์/ของแต่งห้องกระจุ๊กกระจิ๊ก เช่น โคมไฟ, แจกัน, ราวตากผ้า อย่าเลือกดีไซน์ที่ค่อนข้างหนาทึบ ป้อมๆ ตันๆ ควรเลือกดีไซน์แบบเป็นเส้น เป็นสาย โปร่งๆ เรียวๆ สูงชะลูด ยิ่งเป็นของที่แขวนเพดานได้ หรือแขวนผนังได้ยิ่งดี
#6 อะไรที่ไม่ใช้แล้วอย่าเก็บไว้
อย่าทำให้ห้องรกเป็นรังหนู ด้วยการสุมขยะหรือของที่ไม่ใช้แล้วเต็มห้อง เสียสละเวลาว่างสักวัน คัดแยกขยะบ้าง อะไรที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้จริงๆ ควรตัดใจโยนทิ้งไป ส่วนอะไรที่ยังเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นได้ รวบรวมใส่กล่องส่งบริจาคคนรู้จัก, ผู้ยากไร้, ตามมูลนิธิต่างๆ หรือขายต่อเป็นสินค้ามือสองก็ได้
แม้จะขี้เกียจเพียงไหน อย่าละเว้นการทำความสะอาดห้องบ้างนะคะ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งที่ทำการ Big Cleaning ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ห้องรกขึ้นเรื่อยๆ นอกจากจะดูไม่เจริญตา ไม่น่ารับแขก ไม่น่าอยู่ สุขภาพกายและสุขภาพผิวของเราจะแย่ลงได้จากฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกทั้งหลายที่เราสะสมหมักหมมไว้ค่ะ
