รูปภาพ:https://thumbs.gfycat.com/FailingIcyHuman-small.gif

เซย์ฮัลโหลสาวๆSistaCafeทุกคนค่า! (๑˃ᴗ˂)ﻭ

ซิสๆ ส่วนใหญ่ที่อ่านอยู่ เราเชื่อว่ายังอายุน้อยกันอยู่เนอะ วัยเรียนบ้าง เพิ่งจบบ้าง น่าจะเจอปัญหาผิวกวนใจคล้ายกันหมด นั่นคือ' สิว '

มาทีหงุดหงิดไปหลายวัน มีตุ่มแดงๆ นูนๆ บนหน้า ใครจะปลื้ม ;_; แพ้อากาศ แพ้รีมูฟเวอร์ ประจำเดือนมา etc. สารพัดเหตุผลที่สิวมาขึ้นรัวๆ บนหน้า ประเด็นคือ... มาแล้วไม่ยอมไปค่าา #คนหน้าปรุ2019 ไม่ได้ดิ! ต้องหาไอเทมขจัดสิวออกไปให้ได้!

ถ้าเธอกำลังหาข้อมูลสกินแคร์กำจัดสิว สาวซิสน่าจะเคยได้ยินคำว่า ' กรด AHA/ BHA ' มาบ้าง เขาฮิตมากๆ ในฝั่งตะวันตก เพราะทำให้สิวแห้ง หลุดไปได้อย่างง่ายดาย ปัจจุบันในประเทศเกาหลี-ญี่ปุ่น ก็มีสกินแคร์ / คลีนเซอร์ที่ผสมกรดเหล่านี้ลงไปด้วย

แต่ๆๆ! เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งซื้อ! มันไม่ได้มีแต่ข้อดี ผลข้างเคียงก็มีเด้อ

วันนี้เราจึงรวบรวมข้อมูล ตอบคำถามสาวซิส บอกกันแบบหมดเปลือกเลยว่า มันคืออะไร? มีหลักการทำงานยังไง? ทำให้หน้าพังกว่าเดิมมั้ย? ( เพราะมันก็เป็นกรดอะนะ )

ไปค่ะ ไปอ่านกัน >///

รู้ก่อนอ่าน : กรดเหล่านี้ เป็นสารผลัดเซลล์ผิวชนิดสารเคมี (Chemical) หรือชนิดธรรมชาติ (Physical)???

รูปภาพ:https://i0.wp.com/shopichigo.com/wp-content/uploads/2017/03/april-skin-snow-pad-gif2.gif?resize=521%2C295&ssl=1

Warning!! : ใครยึดมั่นในความออร์แกนิก ต้องใช้ของธรรมชาติไม่ปรุงแต่งกับผิวเท่านั้น หรือผิวแพ้ง่ายขั้นสุด อาจต้องคิดดีๆ ก่อนจะใช้กรด AHA / BHA นะคะซิส เพราะทั้งสองอย่างนี้เป็นสารเคมีผลัดเซลล์ผิว ( Chemical Exfoliants ) ทั้งสิ้น!

ใครที่งงอยู่ คือทั้งสองอย่างนี้ต่างกันตรงกระบวนการผลัดเซลล์ผิวค่ะ

ผลัดเซลล์ผิวแบบธรรมชาติ ( Physical Exfoliating ) คือการกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ' เฉพาะผิวชั้นนอก ' ด้วยวัตถุดิบธรรมชาติ

เช่น เมล็ดต่างๆ กากกาแฟ น้ำตาล etc. ทำให้เกิดแรงเสียดสีขึ้น อาจทำให้ผิวแพ้ง่ายระคายเคืองได้ แต่จะไม่เอฟเฟกต์ถึงผิวชั้นในค่ะ

ส่วนการผลัดเซลล์ผิวแบบสารเคมี จะมีกระบวนการทำงานจาก ' ชั้นใต้ผิว ' ซึ่งอยู่ชั้นล่างลึกกว่าชั้นนอก ทำให้ขจัดเซลล์ผิวเก่าได้จากต้นตอมากกว่านั่นเอง

แต่ข้อเสียคือ ถ้าผิวแพ้กรดเหล่านี้ หรือใช้ไม่ถูกต้อง หน้าก็พังได้รุนแรงกว่า ซ่อมผิวนานกว่าแบบ Physical เช่นกันเด้อ เพราะมันเคืองจากชั้นในเลยจ่ะ ;__;

ถ้าเข้าใจเบื้องต้นแล้ว เราไปทำความเข้าใจกรดทีละตัวกันต่อเลย Let's Go!

♡ กรด AHA คืออะไร? ♡

รูปภาพ:https://instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/vp/2689bf3871bd0836461678f7e053c4bb/5CCB2F09/t51.2885-15/e35/47693224_107274596930729_1376291603932617057_n.jpg?_nc_ht=instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net

กรด AHA มีชื่อเต็มว่า ' Alpha Hydroxy Acid ' ค่ะ ( บางคนเรียกว่ากรดผลไม้ เพราะสกัดได้จากผลไม้ธรรมชาติ ) เป็นสารเคมีผลัดเซลล์ผิวชนิดละลายได้ในน้ำ ซึ่งจะช่วยรักษาความหมองคล้ำ แห้งกร้าน หรือจุดด่างดำบนผิวได้

พูดง่ายๆ คือ AHA จะช่วยละลายพวกเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วจับตัวกันเป็นกลุ่มๆ ทำให้อุดตันผิว จึงทำให้เซลล์ผิวใหม่ไม่ถูกรบกวน ทำงานบนผิวชั้นนอกได้ตามปกติ จึงทำให้ผิวของสาวๆ ดูกระจ่างใสขึ้นค่ะ

กรด AHA ยังมีสาร humectant หรือสารเพิ่มความชุ่มชื้น จับน้ำบนผิวไว้ไม่ให้ระเหยไปง่ายๆ จึงควรใช้เมื่อผิวดูหมอง หรือมีปัญหาสิวตามปริมาณที่กำหนด

แต่เราแนะนำว่า ถ้าใช้กรด AHA ครบเวลาที่กำหนด ผิวใสขึ้นแล้ว ควรสลับไปใช้สกินแคร์ทั่วไปนะคะ เพื่อไม่ให้ผิวอ่อนบางเกินไป

ขึ้นชื่อว่าผลัดเซลล์ผิว ผิวจะอ่อนแอลงอยู่ดี แม้จะใสขึ้นก็ตามเนอะ ^^ )

ใช้แล้วจะได้ผลลัพธ์ยังไง? ♡

รูปภาพ:https://instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/vp/f2b14370ca7f3df5c0e08d4dd90d18df/5CB6E657/t51.2885-15/e35/47692902_2341468479261710_4809953620200794839_n.jpg?_nc_ht=instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net

ก็อย่างที่บอกไปเนอะว่า กระบวนการทำงานของเขาคือ ' กำจัดเซลล์ผิวเก่า กระตุ้นเซลล์ผิวใหม่ ' จึงทำให้ผิวหน้าของเธอกระจ่างใส เรียบเนียน ไบรท์ขึ้น ลดความหมองคล้ำ

ทำให้ชั้นผิว epidermis หรือชั้นผิวหนังกำพร้าหนาขึ้น และยังกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนบนผิวอีกด้วย

ถ้าสาวซิสอยากให้ผิวดูฟู อิ่มน้ำ ไม่มีริ้วรอยก่อนวัย เธอต้องระวังอย่าให้ผิวขาด ' คอลลาเจน ' เด็ดขาด โดยกินอาหารที่ช่วยสร้างคอลลาเจน เช่น ไข่ ปลา หรือจะกินวิตามินเสริมด้วยก็ได้

เราแนะนำเป็นวิตามินซี และอย่าปาร์ตี้ ดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ผิวเหี่ยวนะคะ!

แล้วจะหาผลิตภัณฑ์ที่มี 'กรด AHA' ได้ที่ไหน อ่านฉลากยังไง? ♡

รูปภาพ:https://instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/vp/880a0451d8f88959121871270a14f240/5CB887E8/t51.2885-15/e35/s1080x1080/49564979_2411422665751682_7921878902450737311_n.jpg?_nc_ht=instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net

อ่านมาถึงตรงนี้ เธอก็อยากลองใช้โปรดักส์ที่ผสมกรด AHA แล้วใช่ไหมเอ่ย? ต้องบอกไว้ตรงนี้ว่าการอ่านชื่อส่วนผสมบนฉลากสกินแคร์ / คลีนซิ่ง หลายแบรนด์ก็ไม่ได้เขียนว่า AHA ตรงๆ เด้อ แต่จะใช้ชื่ออื่นแทน เพราะกรดนี้มีหลายชนิด แตกไลน์ไปหลายคุณสมบัติซึ่งจะมีหลักๆ ที่ใช้กันทั่วไป ดังนี้ จำชื่อไว้ อ่านฉลากครั้งหน้าจะได้รู้เนอะ ^^Glycolic Acid >เป็นกรด AHA ที่ใช้กันแพร่หลายทั่วไปมากที่สุด เพราะมีโมเลกุลขนาดเล็ก จึงแทรกซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย ทำงานได้ดี แต่ก็ทำให้ผิวระคายเคืองได้ง่ายเช่นกัน ถ้าใช้มากเกินไป!แนะนำให้สาวๆ เริ่มใช้จากปริมาณน้อยๆ ( -10% ) และใช้ทุก 3 วัน อย่าใช้ถี่กว่านั้น เดี๋ยวหน้าพังนะจ๊ะ

Lactic Acid >ตัวนี้ก็ฮิต นิยมรองลงมาจากตัวข้างบนเลย!กรดนี้ได้มาจากนม ช่วยลดรอยแดงบนผิวได้ดี ใครเป็นโรคผิวหนังอักเสบ หน้าแดง ( rosecea ) หรือผิวแพ้ง่าย จะเหมาะกับกรดชนิดนี้มากที่สุดมีโมเลกุลใหญ่กว่า Glycolic แต่เล็กกว่า Mandelic ค่ะ

Mandelic Acid >กรดนี้สาวไทยอาจไม่ค่อยคุ้นหู แต่ฝั่งตะวันตกเขานิยมกันพอสมควรเลยเหมาะกับผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย เพราะกรดนี้มีคุณสมบัติต่อต้านแบคทีเรียและเชื้อจุลินทรีย์แม้ว่าขนาดโมเลกุลจะใหญ่ที่สุดในกรดทั้งหมด 3 ตัว เห็นผลช้าที่สุด แต่ก็ระคายเคืองน้อยสุดเช่นกัน


♡ กรด BHA คืออะไร? ♡

รูปภาพ:https://instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/vp/e612a98312e68db792ac869a54851de1/5CBAD9E6/t51.2885-15/e35/49984364_525447221310390_7276859971290969130_n.jpg?_nc_ht=instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net

มาถึงตัวที่สองกันบ้าง! BHA ย่อมาจาก Beta Hydroxy Acid เป็นสารเคมีผลัดเซลล์ผิวที่โด่งดังจากคุณสมบัติ ' รักษาสิว ' โดยเฉพาะ เพราะได้ผลที่สุดกับผิวมัน หรือผิวที่เป็นสิวง่าย เนื่องจาก BHA ละลายในน้ำมันได้ จึงละลายไขมันใต้ผิวได้นั่นเอง!BHA ต่างกับกรด AHA ตรงที่สังเคราะห์ขี้นมาตรงๆ เลย แต่ AHA จะสกัดจากธรรมชาติ ข้อดีคือทนต่อความร้อนกว่า ไม่เสื่อมง่าย แต่หากใช้มากไป ก็ทำให้ผิวบาง ไวต่อแสง ภูมิต้านทานผิวต่ำลง ติดเชื้อได้ง่ายขึ้นค่ะ

หลักการทำงานของ BHA คือ จะแทรกซึมเข้าไปในรูขุมขนอย่างล้ำลึก และกำจัดสิ่งสกปรกที่สะสมในรูขุมขน ให้หมดจด

ชื่อเรียกกรด BHA ที่เราคุ้นหู และใช้กันแพร่หลายมากที่สุดคือ

Salicylic Acid หรือกรดซาลิไซลิก

นั่นเองค่า ^____^

Salicylic Acid คืออะไร? ♡

รูปภาพ:https://instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/vp/eb688d121b86b59b91a380bca3d63ea6/5CBE3C1C/t51.2885-15/e35/50115185_361826741312026_8272838768736406264_n.jpg?_nc_ht=instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net

Salicylic Acid เป็นกรดที่ได้มาจาก salicin หรือสารที่ใช้ในการทำยาแอสไพริน ซึ่งใช้ไม่ได้กับสาวๆ ที่แพ้ยาชนิดนี้ค่ะ ( ใครแพ้ ต้องใช้กรดตัวอื่นน้า ) ขึ้นชื่อในคุณสมบัติต่อต้านการอักเสบของผิว จึงช่วยเยียวยาผิว ลดอาการติดเชื้อ

มักเจอในแชมพูขจัดรังแคด้วยค่ะ

คุณสมบัติเด่นๆ ของกรดซาลิไซลิกคือ เมื่อใช้แล้วผิวจะกระจ่างใส กระชับขึ้น ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว จึงไม่ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย

แต่ไม่มีสารเพิ่มความชุ่มชื้นเหมือนกรด AHA กลับกัน ทำให้ผิวแห้งขึ้นด้วย จึงไม่เหมาะกับสาวผิวแห้งค่ะ แต่ก็ยังถือว่าอ่อนโยนว่ายารักษาสิวบางตัว เช่น benzoyl peroxide


♡ เราจะใช้ 'กรด AHA/BHA' ยังไง ให้หน้าไม่พัง? ♡

รูปภาพ:https://instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/vp/d5f9d92f803a259ada00681380664fa5/5CC381F5/t51.2885-15/e35/41479387_164190677837389_894687548946500465_n.jpg?_nc_ht=instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net

กรดแต่ละตัว ก็มีส่วนผสมที่ออกฤทธิ์ต่างกัน จึงควรใช้ให้เป็นลำดับตามขั้นตอนการดูแลผิว ( Skincare Routine ) ที่ถูกต้อง เราแนะนำให้สาวๆ ใช้ร่วมกับวิตามิน C เพื่อทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัดด้วยน้าเนื่องจากกรด AHA มีฤทธิ์ค่อนข้างแรง ไวต่อแสงมาก เจอแดดจัดๆ อาจระคายเคือง แสบผิวได้ จึงควรทาก่อนนอนเท่านั้น ( ทาเสร็จปิดไฟนอนเลย )ส่วนกรด BHA ยังไม่มีงานวิจัยแน่ชัดว่าไวต่อแสงหรือไม่ แต่เอาชัวร์ๆ ก็ใช้คู่กันก่อนนอนจะดีกว่า**หากไปรักษาที่คลินิก แล้วหมอสั่งจ่ายยาตอนเช้าด้วย คือจำเป็นต้องทาจริงๆ ก็ให้ทาบางๆ และอย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้งนะคะ**

ขั้นตอนดูแลผิวที่ถูกต้อง ให้ซิสทำตามนี้!

รูปภาพ:http://nolisoli.ph/wp-content/uploads/2018/06/Toner2-1.gif

คลีนเซอร์ > โทนเนอร์ >AHA/BHA> เอสเซนส์ > เซรั่ม > มอยส์เจอไรเซอร์ > มาส์ก

♡ สรุปกันเลยดีกว่า : ควรใช้ ควรไปตำมั้ย? ♡

รูปภาพ:https://instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/vp/463a21b72b905c7860e3230664a3770e/5CC33428/t51.2885-15/e35/47581211_316238792325527_6701689215511374632_n.jpg?_nc_ht=instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net

สรุปสั้นๆ เลยละกันว่า ถ้าสาวๆ มีปัญหาสิว หรือผิวหมองคล้ำ อยากผลัดเซลล์ผิวให้กระจ่างใสขึ้น และแน่ใจว่าผิวไม่แพ้ง่าย ก็ลองใช้ได้เลย! โดยเลือกใช้กรด AHA หากเป็นคนผิวแห้ง เพราะมีสารเพิ่มความชุ่มชื้น แต่ถ้าเธอผิวมัน ให้ใช้กรด BHA แทน

แล้วถ้าเธอเป็นสาวผิวผสม หรือผิวธรรมดาล่ะ? จริงๆ ผิวแบบนี้โชคดีมาก จะใช้กรดชนิดไหนก็ได้เลยค่ะ เลือกที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวของเธอมากที่สุด แล้วค่อยๆ เอาเข้าไปแทรกในขั้นตอนการดูแลผิว


โดยเริ่มจากเปอร์เซนต์น้อยๆ ก่อน ( 1-3% ) เพื่อดูว่าผิวจะตอบสนองยังไง หากไม่แพ้ก็ค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้นจนสุดที่ 5%


และจำไว้ให้มั่นว่า! สาวๆ ไม่จำเป็นต้องใช้กรด AHA/BHA ทุกวันนะคะ ใช้เฉพาะเวลามีปัญหาผิวเท่านั้นเน้อ

หวังว่าบทความนี้จะให้ความรู้สาวๆ เพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อยนะคะ ถ้าสงสัยข้อมูลเชิงลึก เราแนะนำให้ไปสอบถามคุณหมอเพิ่มเติมเลย จะได้อุ่นใจเนอะ >< วันนี้เราขอตัวไปซ่อมผิวตัวเองบ้างละ เจอกันน้า บ๊ายบายค่า ^^/////

รูปภาพ:https://cdn.shopify.com/s/files/1/1089/6626/files/Waseyo-Ways-To-Use-Toner-01.gif?v=1526890560