ดูเหมือนจะเป็นเรื่องดี น่ารัก เมื่อเราได้พยายามหาสิ่งที่ดีที่สุดมาเสิร์ฟให้แฟนเรา ยิ่งเสิร์ฟให้ก่อนโดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยปากร้องขอ เขาคงเซอร์ไพรส์มากๆ และรักเราน่าดู
ไม่จริงเสมอไป ! เพราะคนเรามีทั้งความรู้สึกชอบ เฉยๆ และไม่ชอบปะปนกัน สิ่งที่เราทำไปก็เช่นกัน ในมุมเราอาจดูเหมือนเป็นห่วง ทำไปเพราะรัก แต่อีกคนอาจกำลังรู้สึกว่า' นี่คือการหักหน้ากัน ไม่ให้เกียรติกัน ไม่เคารพการตัดสินใจกัน '
#1 ตามไปเฝ้ากระทั่งเวลาทำงาน

ในวัยเรียนมันอาจจะดูน่ารัก เพราะสภาพแวดล้อมก็ไม่ได้มีอะไรมาก คนหนึ่งเรียนอยู่ อีกคนก็ไปเดินเล่น หาอะไรทำแถวนั้นระหว่างรอ แต่ถ้าเป็นวัยทำงาน ขอบอกค่ะว่าเรื่องแบบนี้มัน' ลำบากใจ 'ทั้งตัวเราและแฟนเรา เพราะเราก็ไม่สนิทกับผู้ใหญ่คนไหนของแฟนเราเลย และแม้ว่าแฟนเราจะไม่ว่าอะไร แต่ลึกๆ เขาไม่มีสมาธิเต็มที่กับงานแน่นอน เพราะใจจะคอยพะวงว่าเราจะโอเคมั้ย จะมีปัญหาระหว่างคนของเรากับคนในที่ทำงานรึเปล่า ถ้าไม่สามารถบริหารเวลาให้เป็นสัดส่วน ทำงานคือทำงาน เวลาเลิกงานคือเวลาส่วนตัว พังแน่นอนค่ะสำหรับการห่วงไม่เข้าเรื่องแบบนี้
#2 ขัดขวางไม่ให้แฟนย้ายที่ทำงาน / ไปเรียนต่อ

ควรจะดีใจด้วยซ้ำว่าแฟนเรามีโอกาสได้โยกย้าย เลื่อนตำแหน่งที่ดีกว่าเดิม เพื่ออนาคตสองเราที่ดีกว่าเดิม การรั้งเอาไว้ไม่มีประโยชน์อะไรเลยหากไม่มีความจำเป็นถึงกับคอขาดบาดตาย เช่น คุณกำลังจะตาย ญาติผู้ใหญ่ของเขากำลังป่วยหนัก คิดให้ดีว่าเราเป็นห่วงเขาหรือห่วงตัวเองที่จะต้องอยู่คนเดียวกันแน่ ?
#3 บังคับให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้เพื่อสุขภาพ

เรื่องของพฤติกรรมการกินดื่ม ถ้าเราหวังดีกับเขาไม่ควรหักดิบโดยการบังคับ สั่งให้ทำอย่างใจเราต้องการ แต่เราควรจะคอยช่วยเหลือเขาอย่างค่อยเป็นค่อยไป อาจจะเริ่มที่ตัวเราเองเพื่อเป็นตัวอย่างให้เขาก่อน เมื่อเขาเห็นว่ามันดีจริงก็จะทำตามเราเอง ซึ่งมันนิ่มนวลกว่าการชี้นิ้วสั่งราวกับว่าเราเป็นแม่เขาอีกคน
#4 ออกตัว ( แรง ) แทนแฟนเรา

ถ้าแฟนเราทำผิด สิ่งที่เราควรทำคือการเคียงข้างเขาเพื่อจะชี้แนะว่าแบบไหนถูกต้องเหมาะสมที่สุดโดยดูความเป็นจริง ปลอบใจเขาว่าการยอมรับผิดไม่ใช่การเสียหน้า ฟีดแบคกลับมาอย่างไรก็ตามเราก็ยังจะให้กำลังใจเขาแก้ตัวใหม่อย่าเข้าข้างกันเพียงเพราะเห็นว่าเป็นแฟนกันหลายตัวอย่างในโซเชียลแทนที่จะจบที่คนเดียว แต่ลุกลามบานปลายกว่าเดิมเพราะความรักแฟนไม่เข้าท่า มีให้เห็นมานักต่อนักแล้ว
#5 คอยจู้จี้เช็คตารางเวลา

สุดท้ายแล้ว หลักใหญ่ใจความของการเป็นแฟนกันก็คือ
' เจอคนที่ใช่ แล้วใช้ชีวิตสบายๆ ไปด้วยกัน '
ไม่ใช่การยัดสิ่งที่ตัวเองเคยเป็นเคยมีให้กับแฟน แม้จะหวังดีแค่ไหนก็ตาม
ต่อให้เราเป็นหมอ ...เราก็ไม่ควรอนามัยจัดถึงกับบังคับให้แฟนทำอย่างนั้นอย่างนี้ตรงเวลาเป๊ะ ถูกสุขอนามัยเป๊ะ
ต่อให้เราเป็นครู ...เราก็ไม่ควรยกตนข่มแฟน คิดว่าตัวเองรู้ว่าจึงมีสิทธิสอนได้มากกว่า พูดได้มากกว่า
เราควรเคารพการตัดสินใจกัน และช่วยกันประคับประคองไปสู่สิ่งดีด้วยกัน ไม่ใช่บังคับกัน ไม่เช่นนั้นความสัมพันธ์ของเราจะอึดอัด เพราะมันเป็นชีวิตที่ติดกรอบเกินไป ไม่มีการพัฒนา
บทความที่เกี่ยวข้อง

สาวมีคู่รู้ไว้! นี่คือ 10 เรื่องที่ผู้ชายกำลังคิดอยู่
https://sistacafe.com/summaries/6006

16 พฤติกรรม ที่ทำให้ 'เลิกกับแฟน'
https://sistacafe.com/summaries/5867

10 วิธีที่ทำให้รู้ว่าคุณกับแฟน "ควรจะคบกันต่อไปดีไหม"
https://sistacafe.com/summaries/5840