#โตเป็นผู้ใหญ่ไม่ง่ายเลย เรียนจบแล้ว ไม่รู้จะไปทางไหนดี... ☹

เคยคิดเหมือนกันไหมคะ?
เวลาที่เรามองรุ่นพี่มหาวิทยาลัยที่เรียนจบแล้ว เรามักจะคิดว่า
" โห พี่เขาดูโตจังเนอะ "
แต่กลับกัน
เมื่อถึงเวลาของเราบ้าง เรากลับคิดว่า" นี่เราจะเรียนจบแล้วจริง ๆ เหรอ ยังไม่รู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นเลย "
ก็แหม...พอถึงเวลาเข้าจริง ใจมันก็หวิวเหมือนนะเธอ T__T
ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ควรจะทำอะไรหรือจะพาตัวเองไปทางไหนต่อดี
เรื่องของอนาคต ( อันใกล้ ) นี่มันแสนปวดหัว! ดังนั้นวันนี้แฟงเลยมี
7 เส้นทาง เดินหน้าต่อของ' เด็กจบใหม่ '
มา
ฝาก เผื่อว่าพอเพื่อน ๆอ่านแล้วอาจจะร้อง อ๋อ! เจอทางออกที่ใช่ก็ได้นะ งั้นอย่ามัวชักช้า เราลองไปดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีเส้นทางไหนให้เด็กจบใหม่แบบเรา ๆ เลือกไปบ้าง
ถ้าพร้อมแล้ว... GO!!
✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦
เส้นทางที่ ❶ : เพราะการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ใจมันเรียกร้องขอเรียนต่อ
เส้นทางแรก
ถือว่าเป็นหนึ่งในเส้นทางยอดฮิตของเด็กจบใหม่เลยก็ว่าได้ บางคนอาจจะเลือกเรียนต่อที่คณะเดิมในระดับที่สูงขึ้น บางคนก็อาจเลือกเรียนในคณะ หรือสาขาอื่นที่คาดว่าจะนำไปต่อยอดได้ หรือกับบางคนที่เลือกลงเรียนคอร์สระยะสั้นก็ตาม
❥ ถามว่าเส้นทางนี้เหมาะกับใคร?
- เหมาะกับคนที่อยากเรียนในทางนั้นให้รู้ลึกรู้จริง!
- เหมาะกับคนที่ต้องการพัฒนา และฝึกฝนตัวเองในเชิงการคิดวิเคราะห์
- เหมาะกับคนที่ต้องการอัพวุฒิการศึกษาให้สูงขึ้น
- เหมาะกับคนที่ ( ทางบ้าน ) อยาก ( ให้ ) เรียน
- เหมาะกับคนที่ยังไม่อยากเข้าสู่ชีวิตการทำงาน

❥ ข้อดีของการเลือกเรียนต่อ:
- เป็นการอัพความรู้ และสกิลของตัวเองให้สูงมากขึ้น
- ได้ฝึกฝนทักษะการคิดวิเคราะห์ รวมถึงได้ฝึกการคิดอย่างเป็นระบบมากขึ้น
- ได้ฝึกความอดทน และการจัดสรรเวลา
- เป็นโอกาสดีที่จะได้เจอกับสังคมใหม่ ๆ ที่เป็นการรวมผู้คนจากหลาย ๆ อาชีพมาเรียนในคลาสเดียวกัน
- เป็นใบเบิกทางนำไปสู่ความก้าวหน้าในอนาคต
❥ งานหินสำหรับคนเลือกเรียนต่อ:
อย่างที่รู้กันว่า
การเรียนในระดับปริญญาโท/เอกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ดังนั้นถ้าเราไม่ได้สนใจในด้านนั้นจริง ๆ อาจเป็นการเสียทั้งเงินและเวลาไปเปล่า ๆ ได้ รวมถึงอาจเป็นการเพิ่มภาระ จนบั่นทอนจิตใจตัวเองได้จ้า
เส้นทางที่ ❷ : อนาคตเถ้าแก่น้อย สืบทอดธุรกิจต่อจากคนในครอบครัว
เส้นทางที่สอง
เส้นทางที่เป็นทางเลือกอันดับ ๆ ต้นของเหล่าลูกหลาน ซึ่งเป็นทายาทของธุรกิจ มันต้องเคยมีบ้างแหละที่มีคำถามเกิดขึ้นกับตัวเองว่า " เราจะมารับงานต่อจากคุณพ่อคุณแม่ดีไหม? "
❥ ถามว่าเส้นทางนี้เหมาะกับใคร?
- เหมาะกับคนที่ทางบ้านประกอบธุรกิจอยู่แล้ว และอยากจะสืบทอดต่อ
- เหมาะกับคนที่อยากนำสิ่งที่เรียนไปพัฒนาธุรกิจที่มี
- เหมาะกับคนที่คนที่ไม่อยากเป็นพนักงานประจำ
- เหมาะกับคนที่ชื่นชอบงานด้านธุรกิจ
- เหมาะกับคนที่มีหัวด้านการบริหาร และการจัดการที่ดี

❥ ข้อดีของการเลือกสืบทอดธุรกิจครอบครัว:
- ย่นเวลาได้พบความสำเร็จเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นการทำธุรกิจโดยที่ไม่ต้องเริ่มจาก 0
- ได้นำความรู้และเทคนิคใหม่ ๆ มาพัฒนาธุรกิจของที่บ้านให้ดียิ่งขึ้น
- ในอนาคตได้สานต่อกิจการครอบครัว
- ไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างพนักงานประจำ ได้ทำงานกับคนในครอบครัว
❥ งานหินสำหรับคนเลือกสืบทอดธุรกิจครอบครัว:
ปฎิเสธไม่ได้ว่าหากเราเลือกที่จะเข้าไปช่วยกิจการของทางบ้าน สิ่งที่จะตามมานั่นก็คือ '
การแบกรับความหวังของครอบครัว '
รวมไปถึงผลตอบแทนที่ได้มักไม่ชัดเจน อาจส่งผลให้วางแผนชีวิตในอนาคตยาก นอกจากนี้ก็ต้องยอมรับให้ได้ว่ากิจการที่สืบต่อมานั้น อาจไม่ใช่กิจการในฝันของเรา
เส้นทางที่ ❸ : มุ่งมั่นในทางที่เลือก ทำงานตรงกับสายที่ตัวเองเรียนมา
เส้นทางที่สาม
เส้นทางที่เป็นทางออกที่เบสิคที่สุด! คือ ' เรียนอะไรมาก็เลือกทำงานในสายนั้น ' ถือเป็นการได้นำความรู้ และทักษะที่ตนเรียนมานำไปต่อยอดกลายเป็นอาชีพ
❥ ถามว่าเส้นทางนี้เหมาะกับใคร?
- เหมาะกับคนที่มีความถนัดในด้านที่เรียนมา
- เหมาะกับคนที่ชื่นชอบงานในด้านที่ตนเรียนมา
- เหมาะกับคนมุ่งมั่นที่อยากประสบความสำเร็จในสายงานนี้
- เหมาะกับคนที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองอยากทำอะไร

❥ ข้อดีของการเลือกทำงานตรงสาย:
- ได้นำความรู้และทักษะที่ได้เรียนมาใช้ในการทำงาน
- ไม่ต้องเริ่มต้นศึกษางานใหม่จาก 0 สามารถต่อยอดไปได้เลย
- ได้รู้แนวทางของงานมาบ้างจากประสบการณ์ตอนเรียน
- มี connection จากตอนเรียน ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ วิทยากร หรือแม้แต่เพื่อน ๆ ในคณะเดียวกัน
❥ งานหินสำหรับคนเลือกทำงานตรงสาย:
ขึ้นชื่อว่า
' จบตรงสาย '
ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงาน
ใคร ๆ ก็ล้วนคาดหวัง
เพราะคิดว่าเราจบมาตรงสายแสดงว่าต้องเชี่ยวชาญในด้านนี้มาก ขนาดที่ว่าให้ทำอะไรก็ต้องทำได้แน่ ๆ ทั้งที่ความจริงแล้วอาจไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้ ก็แหม...คนเราไม่ได้รู้ไปซะทุกเรื่องซักหน่อย
เส้นทางที่ ❹ : #ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ เลือกทำงานในสายที่ไม่ตรงกับที่เรียนมา
เส้นทางที่สี่
ทางออกของเหล่าคนนอกกรอบ ก็ในเมื่อรู้ตัวเองแล้วว่าไม่ได้ชอบ หรืออยากทำงานในสายงานที่ตัวเองเรียนมา หลังจากนี้แหละจะได้ไปเต็มที่กับสิ่งที่เป็นตัวเองเสียที!
❥ ถามว่าเส้นทางนี้เหมาะกับใคร?
- เหมาะกับคนที่ไม่ได้ถนัดงานในสายที่ตนเรียนมา
- เหมาะกับคนที่ค้นพบตัวเองแล้วว่าไม่ได้ชอบสิ่งที่ตนเรียนมา
- เหมาะกับคนที่มีทักษะอื่นนอกเหนือจากที่เรียนมา และคาดว่าจะสามารถทำงานในด้านนั้นได้ดี
- เหมาะกับคนที่รู้แล้วว่าตัวเองอยากทำงานในสายงานใด

❥ ข้อดีของการทำงานไม่ตรงสายเรียน:
- ได้ทำงานตามความถนัดและความชอบของตนเอง
- มีโอกาสก้าวหน้ามากกว่างานที่ต้องฝืนใจทำ
- ตัวเราเองจะมีความรู้สึกอยากขวนขวายและพัฒนาตัวเอง
- ได้เป็นตัวของตัวเอง งานจะยากซักแค่ไหน แต่อย่างน้อยอาชีพนี้เราก็เลือกเอง
❥ งานหินสำหรับคนเลือกทำงานไม่ตรงสายเรียน:
สำคัญมากคือ
' ความขยันและความพยายาม '
ในเมื่อเราเริ่มช้ากว่าคนที่เรียนในทางสายนั้นโดยตรง เราก็ต้องเร่งฝีมือเพื่อจะได้สู้กับเขาได้ ทั้งยังต้องหมั่นขวนขวาย อัปเดตข่าวสารอยู่เสมอ จะได้ตามเขาทันยังไงล่ะ!
หากใครที่รู้สึกว่าเอ๊ะ...เส้นทางนี้จะสามารถไปได้จริงเหรอ? แน่ใจเหรอว่าไม่ใช่แค่เรื่องมโนเพ้อฝันไปเอง? เอาล่ะ งั้นแฟงมีหลักฐานมายืนยันเจ้าค่ะว่า
จบมาทำงานไม่ตรงสาย เป็นเรื่องธรรมดา
นี่เลย!
' รายการพี่คะ อู้ววงาน EP1 '
เปิดพอร์ตคนในออฟฟิศดูหน่อยซิ!
ว่าจบอะไรกันมาบ้าง
แฟงดูแล้วขอกระซิบบอกเลยว่าพีคมาก ถ้าอยากรู้ว่าพีคยังไง งานนี้ต้องกดดูเองแล้วแหละ! ;)
เส้นทางที่ ❺ : ได้เวลาลงมือทำ ก่อร่างสร้างธุรกิจส่วนตัว
เส้นทางที่ห้า
ทางเลือกในฝันของเด็กจบใหม่หลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันมีคนจำนวนไม่น้อยที่เริ่มทำธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อย มีตั้งแต่เปิดเพจหรือแอคเคาท์เพื่อขายของออนไลน์ ไปจนถึงตั้งเป็นธุรกิจขนาดย่อมอย่าง startup
❥ ถามว่าเส้นทางนี้เหมาะกับใคร?
- เหมาะกับคนที่อยากเดินตามความฝัน อยากมีอะไรที่เป็นของตัวเอง
- เหมาะกับคนที่ชื่นชอบงานด้านธุรกิจ
- เหมาะกับคนที่มั่นใจในตัวเอง และมีความกล้าที่จะริ่เริ่มอะไรใหม่ ๆ
- เหมาะกับคนที่มีต้นทุนเพียงพอต่อการทำธุรกิจ
- เหมาะกับคนที่ค่อนข้างมี connection กับผู้อื่นเป็นจำนวนมาก

❥ ข้อดีของการเลือกทำธุรกิจส่วนตัว:
- ได้ทำงานตามความถนัดและความชอบของตนเอง
- มีโอกาสก้าวหน้ามากกว่างานที่ต้องฝืนใจทำ
- ตัวเราเองจะมีความรู้สึกอยากขวนขวายและพัฒนาตัวเอง
- ได้เป็นตัวของตัวเอง งานจะยากซักแค่ไหน แต่อย่างน้อยอาชีพนี้เราก็เลือกเอง
❥ งานหินสำหรับคนเลือกทำธุรกิจส่วนตัว:
แน่นอนว่า การจะทำธุรกิจให้ปังนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หลายครั้งอยู่ที่จังหวะและโอกาส ต้องอาศัยวินัย ความอดทน และความรอบคอบเป็นอย่างมาก ทั้งต้องแบกรับความเสี่ยงไว้หลายด้าน นอกจากนี้ถ้าอยากให้แบรนด์ของเราตอบโจทย์ผู้คน สิ่งที่สำคัญคือ
ไอเดียที่แตกต่างและใช้ได้จริง
เส้นทางที่ ❻ : ไปให้สุด! เต็มที่กับ Passion จนเป็นอาชีพ
เส้นทางที่หก
ในยุคดิจิตอลที่มีช่องทางสร้างรายได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากการเป็นยูทูปเบอร์, บล็อกเกอร์ หรืออินฟลูเอนเซอร์ เชื่อว่าจุดนี้ต้องมีซักคนแหละที่เคยคิดอยากทำอาชีพเหล่านี้บ้าง
❥ ถามว่าเส้นทางนี้เหมาะกับใคร?
- เหมาะกับคนที่มีความชื่นชอบ และสนใจในด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะ
- เหมาะกับคนที่มีเอกลักษณ์ มีสไตล์เป็นของตัวเอง
- เหมาะกับคนที่มั่นใจในตัวเอง กล้าคิดกล้าแสดงออก
- เหมาะกับคนที่อยากหารายได้เพิ่มเติมจากงานประจำ
- เหมาะกับคนที่มีความรู้และทักษะพื้นฐานด้านโปรดักชั่น

❥ ข้อดีของการเอา Passion มาสร้างเป็นอาชีพ:
- ได้ทำงานที่เกี่ยวข้องกับความชอบของตัวเอง
- เป็นการเปิดรับโอกาสใหม่ ๆ เข้าสู่ชีวิต
- ได้แสดงตัวตนของตัวเองอย่างเต็มที่
- ทำงานได้ที่บ้าน ไม่ต้องปวดหัวปัญหาจราจรตอนเช้า
- มีเวลาการทำงานค่อนข้างยืดหยุ่น อยู่ที่เราเป็นคนจัดการ
❥ งานหินสำหรับคนเลือกเอา Passion มาสร้างเป็นอาชีพ:
ความยากของเส้นทางนี้คือ การทำผลลัพธ์ให้ได้ตามที่คาดหวังไว้ เช่น จะทำอย่างไรให้มียอด Subscribe ถึง 1 แสน? เป็นต้น รวมไปถึงการจะทำอย่างไรให้มีรายได้มั่นคงพอ ที่จะยึดเป็นอาชีพหลักอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีโอกาสเจอสิ่งที่บั่นทอนกำลังใจตัวเองได้ง่าย
ยิ่งเดี๋ยวนี้โลกโซเชียลมันโหดร้าย ใจเธอต้องแข็งแกร่ง!
เส้นทางที่ ❼ : Gap Year ซักปี ขอเวลาค้นหาตัวเอง
เส้นทางที่เจ็ด
ทางเลือกที่เด็กจบใหม่อยากกดบวก แต่ผู้ปกครองไม่เข้าใจ Gap Year คือช่วงเวลา 1 ปีหลังจบการศึกษาที่เด็กวัยทีนฝั่งตะวันตกมีไว้ เพื่อค้นหาตัวเอง หรืออาจใช้เป็นเวลาพักเพื่อไปทำในสิ่งที่อยากทำ เช่น การออกไปท่องเที่ยว หรือสมัครเป็นอาสาสมัคร เป็นต้น
❥ ถามว่าเส้นทางนี้เหมาะกับใคร?
- เหมาะกับคนที่กำลังค้นหาตัวเอง ยังไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหนดี
- เหมาะกับคนที่อยากหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ
- เหมาะกับคนที่อยากพักสมอง พักร่างกายหลังจากเรียนมาอย่างหนัก
- เหมาะกับคนที่อยากใช้ชีวิตให้สุดเหวี่ยง ก่อนเข้าสู่ชีวิตทำงาน

❥ ข้อดีของการเลือก Gap Year:
- มีเวลาได้ค้นหาตัวเองอย่างแท้จริง เอาให้รู้ชัด ๆ กันไปเลยว่า เสียงข้างในของเราบอกว่า อะไรคือสิ่งที่ใช่?
- มีเวลาให้ตัวเองได้หยุดพักก่อนจะเข้าสู่ชีวิตทำงาน
- ได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ จากการทำสิ่งที่ไม่เคยทำ
- ทำให้ตัวเราโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น รู้จักคุณค่าของเวลา
❥ งานหินสำหรับคนเลือก Gap Year:
คงจะหนีไม่พ้นที่ต้องเจอกับคำถามที่ว่า " เมื่อไหร่จะหางาน " เพราะ
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจวัตถุประสงค์ของ Gap Year
คนที่ไม่เข้าใจก็มักจะเกิดคำถามเป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้นหากใครจะเลือกเส้นทางนี้ก็อาจต้อง
เตรียมใจเตรียมตอบคำถามจากคนรอบข้าง
ด้วยนะจ๊ะ นอกจากนี้ถ้า Gap Year นานเกินไปก็อาจทำให้เสียโอกาสในการทำงานได้อีกด้วย
✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦
เป็นอย่างไรกันบ้าง? หลังจากได้รู้จักกับทั้ง
7 ทางออกหลังเรียนจบ
ไปแล้ว มีเพื่อน ๆ เด็กจบใหม่คนไหนที่เจอเส้นทางที่โดนใจแล้วบ้าง~ แฟงก็
หวังว่าบทความนี้จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่สามารถตอบคำถามที่อยู่ในใจของใครหลายคนได้น้า
แต่อย่างไรก็ตาม
การจะเลือกเดินหน้าไปในเส้นทางใดก็ล้วนขึ้นอยู่กับความสะดวก และมุมมองของแต่ละคน
ด้วยเนอะ
ยังไงแฟงก็จะเป็นกำลังใจให้ทุกคนเลย!♥
สำหรับวันนี้แฟงต้องขอตัวบ๊ายบายไปก่อน ไว้มาเจอกันในบทความหน้า สวัสดีครับผม :)
FB: พี่คะ
https://www.facebook.com/PKhaPage/
SistaCafe Youtube
https://www.youtube.com/channel/UCBprglBI3go1nm29cAYs_gw