แฟนเปลี่ยนไปทำไงดี?! แชร์ 6 สเต็ปรับมือกับ 'ความเปลี่ยนแปลงของคนรัก' #ไม่อยากรักพังต้องลอง

สาวSistaCafeคนไหนกำลังกลุ้มใจกับปัญหานี้ก็ต้องขอบอกเลยนะคะว่า#เราคือเพื่อนกันแหมๆ แล้วจะไม่ให้นอยด์หรือรู้สึกน้อยใจได้ยังไงล่ะคะ ก็แฟนหนุ่มคนนี้ตอนแรกก็รักกันมาดีๆ เอาอกเอาใจเราทุกเรื่อง ใส่ใจเราทุกอย่างแต่พอเวลาผ่านไปได้ไม่นานก็ดูเหมือนว่าความหวานจะเริ่มหมดโปร ทั้งๆ ที่เราเองก็ไม่ได้ทำอะไรให้เค้ารู้สึกไม่พอใจ แต่อีกฝ่ายกลับทำตัวเย็นชาบวกกับตีตัวออกห่างไปแบบดื้อๆ

อ๊ะๆ แต่เราขอบอกเอาไว้เลยนะคะว่าที่แฟนหนุ่มเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้ ไม่ได้เกิดจากการที่เค้าหมดรักเราแล้ว หรือแอบไปมีกิ๊กคนใหม่ซ่อนอยู่เท่านั้นนะ แต่ลึกๆ แล้วเค้าอาจมีปัญหาบางอย่างที่เราไม่รู้ก็ได้งานนี้เราเลยไม่พลาดที่จะลิสต์6 สเต็ปรับมือกับ ‘ ความเปลี่ยนแปลงของคนรัก ’มาแชร์ให้ได้ลองทำตามกัน จะได้รีบเคลียร์หัวใจให้ทันก่อนที่ความรักจะพังลงไปแบบไม่รู้ตัวไงล่ะ

･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ

▹ 1. ตั้งสติ อย่าเพิ่งนอยด์ ลองสังเกตสถานการณ์ดูก่อน

ฟุดฟิด ฟุดฟิด… พอเริ่มได้กลิ่นตุๆ แถมรู้สึกตะหงิดๆ ในหัวใจว่าคนรักเริ่มเปลี่ยนไปไม่เหมือนก่อนสิ่งแรกที่สาวซิสควรทำก็คือการตั้งสติเอาไว้ให้ดี อย่าเพิ่งนอยด์หรือทำตัววีนแตกใส่อีกฝ่ายไปซะก่อนล่ะเพราะว่าจริงๆ แล้วเค้าอาจจะไม่ได้มีปัญหาหรือแอบปิดบังอะไรไว้ แต่เป็นทางเราต่างหากล่ะคะที่คิดเองเก่ง มโนเองเก่งทำให้เรื่องราวบานปลายใหญ่โตจนนำไปสู่การเลิกราได้เหมือนกัน

ทางที่ดีคุณสาวๆ ก็ควรจะตั้งสติไว้ก่อนลองสังเกตสถานการณ์ความรักของตัวเองดูซิว่าเค้าเปลี่ยนไปยังไง? ทำตัวแปลกๆ ไปมานานแค่ไหนแล้ว?เรียกง่ายๆ ว่าให้เช็กจนกว่าจะมั่นใจว่าเค้าเปลี่ยนแปลงไปจริงๆ ก่อนแล้วค่อยหาทางแก้ไขปัญหานี้จะดีที่สุดค่ะ#ใจเย็นๆ จะได้ไม่ต้องมาเงิบทีหลังไงจ๊ะ

▹ 2. ทำความเข้าใจว่าคู่รักทุกคู่ก็ต้องมีปัญหากันบ้าง

อย่างที่ใครเค้าชอบพูดกันว่าคู่รักก็เหมือนลิ้นกับฟัน บางครั้งก็อาจจะไม่เข้าใจกันหรือกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นธรรมดาแต่เราขอบอกเอาไว้เลยนะว่าถ้าสาวซิสและแฟนหนุ่มสามารถจับมือกันฝ่าฟันและก้าวข้ามผ่านปัญหาต่างๆ ไปได้ ก็จะยิ่งทำให้ความรักแน่นแฟ้นแถมยังสตรองขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยนะยูววว

งานนี้คุณสาวๆ คนไหนที่กำลังเจอกับปัญหาคนรักทำตัวเปลี่ยนไป เราก็ขอแนะนำให้ใจเย็นๆ และทำความเข้าใจไว้ก่อนเลยว่าเรื่องนี้น่ะมันเป็นเรื่องธรรมดา ก็เพราะว่าพอเวลาผ่านไปคนเราก็เริ่มเติบโต เริ่มมีความต้องการใหม่ๆ ก็อาจจะทำให้เค้ามีพฤติกรรมหรือทำนิสัยที่แตกต่างไปจากเดิมบ้างแบบนี้ถ้าอยากจะประคับประคองความรักไม่ให้ล่ม ก็ต้องใช้ความเข้าใจ เปิดใจ และยอมรับซึ่งกันและกันเข้าช่วยแล้วล่ะ

▹ 3. เปิดใจถามออกไปตรงๆ ว่าเค้าเป็นอะไร? ต้องการอะไร?

คราวนี้ก็ได้เวลามาดูสเต็ปสำคัญในการรับมือเมื่อเริ่มรู้สึกว่าแฟนเปลี่ยนไปกันแล้วค่ะเราต้องขอเตือนสาวๆ สายมโนทั้งหลายที่ชอบคิดอะไรไปเองคนเดียวอยู่บ่อยๆ ไว้เลยนะว่าการที่เราคิดไปเอง ทึกทักไปเองโดยไม่ถามอีกฝ่ายสักคำนี่แหละค่ะ ที่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คู่รักไปต่อกันไม่รอดมาหลายรายแล้วนะจ๊ะ

ซิสเลยควรหาเวลาและจังหวะเหมาะๆ แล้วเปิดใจถามแฟนหนุ่มของเราออกไปตรงๆ เลยค่ะว่าสาเหตุที่เค้าเปลี่ยนไป ทำตัวเฉยชา ดูไม่ค่อยแฮปปี้น่ะมันเป็นเพราะอะไร?มีเรื่องเครียดอะไรในใจรึเปล่า? หรือเราเผลอไปทำอะไรให้เค้ารู้สึกไม่ดีบ้างมั้ย?แต่ให้ใช้วิธีถามแบบนิ่มๆ ซอฟต์ๆ ใช้โทนเสียงปกติ อย่าทำตัวเกรี้ยวกราดเกินไปเด็ดขาดนะจ๊ะ ไม่งั้นงานนี้มีแต่พังกับพังแน่ๆลองค่อยๆ ถามถึงความต้องการของเค้าดู เพื่อที่เราจะได้รู้ถึงต้นตอของปัญหาและเริ่มต้นแก้ไขให้ความรักกลับมาหวานอีกครั้งไงล่ะ

▹ 4. ทดลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแย่ๆ ที่ทำให้เค้ารู้สึกไม่ดี

สำหรับสาวซิสซี่ที่อยากจะให้ความรักครั้งนี้ไปต่อได้แบบยิงยาวพ้อยท์สำคัญที่จะมองข้ามไปไม่ได้เด็ดขาดเลยก็คือการปรับจูนเข้าหากันทั้งสองฝ่ายนั่นเองค่ะก็เพราะว่าถ้าในตอนที่เค้าร้อนแล้วเราทำตัวร้ายๆ ก็ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายและยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆ เท่านั้นเลยล่ะ

เพราะฉะนั้นหลังจากที่เรารู้สาเหตุของปัญหาที่ทำให้แฟนหนุ่มเปลี่ยนไปแล้วก็ถึงเวลาที่เราจะต้องมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองซะใหม่ ลองทำตัวเป็นแฟนสาวที่น่ารักขึ้น ให้ความรัก ความใส่ใจ และความเข้าใจกับอีกฝ่ายแบบเต็มที่พอรู้ว่านิสัยหรือพฤติกรรมแบบไหนที่เราทำแล้วเค้าไม่ชอบก็เลิกซะเถอะค่ะรับรองได้เลยนะว่าถ้าเราเปลี่ยนมาเป็นแฟนสาวแสนดีขนาดนี้แล้ว เค้าต้องกลับมาสนใจและเรามากขึ้นแน่ๆ

▹ 5. ปล่อยให้เค้าได้มีพื้นที่ส่วนตัวเพื่อทบทวนตัวเองบ้าง

เชื่อเราเถอะค่ะว่า ‘ เวลา ’ คือตัวช่วยที่จะสามารถเยียวยาทุกอยากได้ รวมถึงปัญหาเรื่องรักๆ เลิฟๆ ก็เช่นกัน แบบนี้คุณสาวๆ ที่โดนแฟนหนุ่มเมินใส่หรือทำตัวเย็นชาก็ไม่ควรที่จะไปคาดคั้นหาคำตอบ หรือใจร้อนคอยเร่งรีบบังคับให้เค้ากลับมาเป็นเหมือนเดิมเพราะอาจเป็นการกดดันทำให้เค้ารู้สึกอึดอัดจนยิ่งทิ้งระยะห่างมากขึ้น เผลอๆ อาจจะเครียดปนรำคาญจนอยากเลิกกับเราไปเลยก็ได้นะตัวเธอ

เราเลยอยากจะแนะนำให้สาวซิสลองปล่อยวางปัญหาต่างๆ ดูบ้างก็ได้ ปล่อยให้ทุกอย่างมันดำเนินไปตามเวลาเปิดโอกาสให้ทั้งตัวเราเองและแฟนหนุ่มได้มีพื้นที่ส่วนตัว เพื่อจะได้ใช้เวลาทบทวนกับตัวเองซึ่งวิธีนี้ก็จะช่วยทำให้ทั้งสองฝ่ายได้หยุดพักจากปัญหาที่ทำให้วุ่นวายใจ และรู้ความต้องการของตัวเองว่าจะควรจะเอายังไงกับความรักครั้งนี้ต่อไปดีนั่นเองค่ะ

▹ 6. หลังจากที่ปรับจูนกันแล้ว ก็ลองถามฟีดแบ็คดูซิ

หลังจากที่สาวซิสลองทำทุกอย่างมาหมดแล้ว ทั้งปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่ ทั้งให้เวลาและอิสระกับอีกฝ่าย ก็คงถึงเวลาที่จะต้องถามหาฟีดแบ็คจากแฟนหนุ่มสุดที่รักซะหน่อยแล้วล่ะ ว่าทุกสิ่งที่อย่างที่เราทุ่มเททำลงไปน่ะมันเวิร์กหรือไม่เวิร์กกันแน่? พอลองปรับจูนกันแล้วมันทำให้เค้ารู้สึกดีขึ้นบ้างมั้ย?เพราะถ้าคำตอบคือ ‘ ใช่ ’ และเค้าพร้อมจะกลับมาเป็นคนดีคนเดิมของเรา ก็จะได้เดินหน้าไปต่อกับความรักครั้งนี้แบบแฮปปี้ไปเลย

แต่ถ้าเราลองปรับจูนเข้าหาอีกฝ่ายแล้วแต่เค้าก็ยังคงทำตัวเฉยชาเหมือนเดิมเราขอบอกเอาไว้เลยนะคะว่าคงได้เวลาที่ซิสจะต้องทำใจแล้วล่ะ เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณเตือนที่กำลังบอกว่าเค้าหมดใจจากเราไปแล้วจริงๆงานนี้ต่อให้เราทุ่มเทพยายามอีกมากแค่ไหนก็ดูเหมือนจะเหนื่อยฟรีแถมเสียเวลาเปล่าอีกต่างหากนะเออ

･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ･ﾟ

เป็นยังไงกันบ้างคะ? กับที่เรานำมาฝากกันวันนี้ทั้ง 6 ข้อ คุณสาวๆ สามารถนำไปทำตามได้แบบไม่ยากเลยใช่มั้ยล่ะ เราขอเน้นย้ำตรงนี้แรงๆ เลยนะว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ความรักเริ่มมีปัญหา สิ่งที่สาวซิสและคนรักควรทำก็คือการหันหน้าพูดคุยกันตรงๆ และค่อยๆ ปรับจูนเข้าหากันเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้นยังไงล่ะคะ แต่ถ้าเราได้ทุ่มเททำทุกอย่างแบบเต็มที่แล้ว แต่ผลลัพธ์ที่ได้มันดูเหมือนจะไม่เวิร์ก ยื้อไปก็ยิ่งเสียใจแถมเสียเวลาเปล่าๆ เท่านั้นแหละค่ะ ทางที่ดียอมตัดใจเจ็บตอนนี้แล้วเดินหน้าเริ่มต้นความสัมพันธ์กับคนใหม่ที่พร้อมจะเดินไปด้วยกันดีกว่านะคะ รักกก กก ( ˘ ³˘)♥